บลจ. แอสเซท พลัส ฟันกำไรหุ้นไทย โชว์ผลงาน กองทุนเปิด"แอสเซทพลัสสมาร์ทเอควิตี้" จ่ายคืนผลตอบแทนอัตโนมัติครั้งที่ 5 อีก 0.50 บาท รวม 35% นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน เล็งส่ง "แอสเซทพลัสสมาร์ทเอควิตี้ 2" รองรับดีมานด์ลูกค้า
นางสาวบุษเรศ หยุ่นนิยม ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า การที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น เป็นการปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ ประกอบกับ นักลงทุนได้คลายความกังวลเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง รวมทั้งยังไม่มีปัจจัยลบใหม่ๆ ที่มีน้ำหนักมากดดันตลาด
ขณะเดียวกัน ได้มีการเก็งกําไรในกลุ่มสื่อสารจากปัจจัยด้านการประมูลใบอนุญาต และการคาดการณ์เกี่ยวกับการควบรวมของหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีและโรงกลั่น เป็นต้น โดยคาดว่าดัชนีจะปรับตัวอยู่ระหว่าง 670-700 จุด
ทั้งนี้ สำหรับผู้ลงทุนระยะสั้นควรระมัดระวัง โดยจะต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศตลอดจนปัจจัยการเมืองอย่างใกล้ชิด สําหรับการลงทุนระยะยาวควรรอจังหวะที่ตลาดหุ้นมีการปรับฐานเพื่อเข้าซื้อเพิ่ม
ด้านนางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาด บลจ. แอสเซท พลัส กล่าวว่า จากการที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เมื่อวันที่ 7 กันยายน กองทุนเปิดแอสเซทพลัสสมาร์ทเอควิตี้ (ASP-SMART) มีมูลค่าหน่วยลงทุนปรับตัวเพิ่มขึ้น แตะที่ระดับ 13.5061 บาท ทำให้กองทุน ASP-SMART สามารถจ่ายคืนผลตอบแทนอัตโนมัติให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนได้เป็นครั้งที่ 5 ในอัตราหน่วยละ 0.50 บาท
โดยการจ่ายคืนผลตอบแทนครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 5 รวมทั้งหมดกองทุนได้จ่ายคืนผลตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนไปแล้วจำนวน 3.50 บาท ต่อหน่วยลงทุน หรือคิดเป็น 35% ของเงินลงทุนเริ่มแรก นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2552
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีลูกค้าให้ความสนใจที่จะลงทุนในกองทุน ASP-SMART และโทรเข้ามาสอบถามเป็นจำนวนมาก ซึ่งบริษัทฯ อยู่ในระหว่างการหาจังหวะในการเสนอขายกองทุนเปิดแอสเซทพลัสสมาร์ทเอควิตี้ 2 (ASP-SMART2) เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุน ซึ่งน่าจะเป็นเร็วๆ นี้
สำหรับกองทุน ASP-SMART2 มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยกองทุนจะเปิดเสนอขายครั้งเดียว มีอายุโครงการ 2 ปี และจ่ายคืนผลตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนในรูปแบบการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ เมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนปรับตัวเพิ่มขึ้นทุก 0.50 บาท ซึ่งมองว่าในสภาวะตลาดหุ้นเช่นนี้ กองทุนน่าจะมีโอกาสจะได้รับผลตอบแทนตามที่คาดหมายไว้
