xs
xsm
sm
md
lg

เก็บตกตลาดนัดกองทุนรวม แหล่งช้อปผลตอบแทนที่คนไทยควรไป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"ส่วนที่สำคัญที่สุดก็เพื่ออนาคตของนักลงทุนเอง โดยเหตุผลที่ยกขึ้นมาส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องค่าเงินเฟ้อที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากไม่สามารถชดเชยได้ เหมือนปล่อยให้ปลวกแทะจนเงินหมดกับการมูลค่าที่ลดลงเพราะเงินเฟ้อฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น"
 มีโอกาสได้เดินเตร่ดูภายในงาน"ตลาดนัดกองทุนรวม"ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอนตั้งแต่วันแรกของการจัดงาน โดยรวมแล้วบรรยากาศคึกคักดีทีเดียว ถึงแม้จะไม่อลังการงานสร้างเหมือนงานมหกรรมทางการเงินโปรเจกต์อื่นๆ แต่ก็ไม่น้อยหน้าเพราะมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) มาร่วมงานกันครบทั้ง 21 บริษัท แถมขนโปรโมชันแจกแถมพร้อมพีอาร์ใสๆ มาคอยอำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์กองทุนรวมอย่างเต็มที่
 งานในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวมที่ดำเนินงานต่อเนื่องมาถึง 7 ปี เพื่อมุ่งเน้นการสร้างความรู้ด้านบริหารทางการเงินและทางเลือกการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับประชาชนทั่วไป
 สรุปแล้วเป็นการโปรโมทให้คนไทยรู้ว่านอกจากเงินฝาก-หุ้นแล้ว ยังมีกองทุนรวมอยู่...
 ที่ต้องทำแบบนี้ไม่ใช่ว่าเราๆ ท่านๆ จะไม่รู้จักกองทุนรวม แต่ก็เหมารวมไม่ได้ว่ากองทุนรวมเป็นที่รู้จักของคนไทยอย่างแพร่หลาย เพราะบางคนได้ยินชื่อนี้แล้วมีเครื่องหมายคำถามขึ้นทันว่า...มันคืออะไร?
 เป็นไปตามคำบอกเล่าของ นายกสมาคมบลจ."วรวรรณ ธาราภูมิ" ที่เปรยขึ้นกลางวงแถลงข่าวด้วยน้ำเสียงน้อยใจว่า"เรื่องกองทุนรวมตอนนี้คนไทยตามเพื่อนบ้านอย่างสิงค์โปร์ มาเลเซียไม่ทันแล้ว เอาแค่ว่าขนาดคนขับแท็กซี่ที่สิงค์โปร์ยังรู้เลยว่ากองทุนรวมเป็นยังไง ที่แย่กว่าก็ตรงที่เจอมากับตัว ขนาดผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคยประชุมด้วยเถียงด้วยกลับไม่รู้จักกองทุนรวมทั้งที่อยู่ในวงการด้านการเงิน"
 ถึงตอนนี้นักข่าวสำลักน้ำส้มที่ไม่เป็นสัปปะรด กับน้ำสัปปะรดที่รสชาติดีกว่าน้ำส้มเข้าไปเต็มเปา(นำมาให้ระหว่างงานแถลงข่าว) ส่วนผู้ใหญ่คนนั้นเป็นใครคงบอก ณ ที่นี้ไม่ได้
ต้องไปถามกันเองกับท่านนายกสมาคมฯ
 แต่ก็ยังมีเรื่องน่าปลื้มใจอยู่ เพราะ**อุตสาหกรรมกองทุนรวมบ้านเราถือว่ายังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจนสินทรัพย์รวมของกองทุนทั้งระบบปาเข้าไปกว่า 1.7 ล้านล้านบาท หรือถ้าคิดเทียบส่วนการเติบโตต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ(จีดีพี) แล้วจะอยู่ที่ราวๆ 16.9% ซึ่งดีขึ้นกว่าช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง(พ.ศ.2540) ที่ 2.1% 
 
เป็นนัยว่าอย่างน้อยยังมีคนไทยหันมานิยมใช้กองทุนรวมเป็นเครื่องมือในการออมและลงทุนเพิ่มมากขึ้น ส่วนจะเป็นไปตาม**ฝันของนายกสมาคมบลจ.ที่ตั้งเป้าการเติบโตไว้ภายใน 5 ปีข้างหน้าให้ถึง 10 ล้านบัญชีจากปัจจุบัน 2 ล้านบัญชีได้หรือไม่คงต้องติดตามกันต่อไป
วกกลับเข้าพื้นที่การจัดงานตลาดนัดกองทุนรวมอีกครั้งหลังจากเสร็จงานแถลงข่าว ต้องบอกว่างานนี้นอกจากจะโปรโมทกองทุนรวมให้คนไทยรู้จักแล้ว สิ่งที่ผู้จัดงานเน้นย้ำเป็นอย่างยิ่งก็คือการลงทุน(ออม)อย่างสม่ำเสมอ เข้าใจว่าวิธีการดังกล่าวส่วนหนึ่งเป็นการเฉลี่ยต้นทุนในกรณีที่ตลาดผันผวน และอีกส่วนที่สำคัญที่สุดก็เพื่ออนาคตของนักลงทุนเอง โดยเหตุผลที่ยกขึ้นมาส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องค่าเงินเฟ้อที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากไม่สามารถชดเชยได้ เหมือนปล่อยให้ปลวกแทะจนเงินหมดกับการมูลค่าที่ลดลงเพราะเงินเฟ้อฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น เมื่อพยายามพลักดันแนวทางนี้ บลจ.ต่างๆ จึงระดมขนกองทุนมาเป็นทางเลือกให้นักลงทุนใช้เป็นเครื่องมือกันเพียบ ทั้งกองทุนหุ้น กองทุนตราสารหนี้ แต่ที่เห็นจะได้รับความสนใจคงจะเป็นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF) ที่นักลงทุนสามารถนำไปใช้หักลดหย่อนภาษีเงินได้กันมากกว่า
อธิบายบรรยากาศคร่าวๆ ของงานให้ได้รับรู้กัน ขาดตกบกพร่องตรงไหนต้องขออภัย แต่ที่นำฝากนอกจากเหนือจากนี้เป็นข้อมูลผลการดำเนินงาน 3 อันดับแรกของกองทุนทั้ง LTF และRMF เพื่อประกอบการตัดสินใจ หรือเรียกน้ำย่อย ล่อน้ำลายกันให้เปรี้ยวปากเล่นๆ ซึ่งต้องบอกเลยว่าผลตอบแทนที่ได้นั้นสูงใช่เล่นทีเดียว
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน LTF อันดับ 1 ให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันที่ 51.12% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 12.32% ย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 27.63%
อันดับที่ 2 ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันอยู่ที่ 47.36% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 11.26% และย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 22.34%
อันดับที่ 3 ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันอยู่ที่ 43.36% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 8.77% และย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 19.99%
ส่วนผลการดำเนินงานของกองทุนRMF(หุ้น) อันดับที่ 1 ให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันที่ 52.32% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 6.56% ย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 23.56%
อันดับที่ 2 ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันอยู่ที่ 47.11% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 5.37% และย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 21.66%
อันดับที่ 3 ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันอยู่ที่ 46.93% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.57% และย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 17.27%
น่าสนใจทีเดียวกับผลตอบแทน แต่น่าเสียดายที่ข้อมูลเบื้อต้นไม่มีชื่อของกองทุนและบลจ.ที่ดูแล เอาเป็นว่าจะหามาฝากกันในคราวหน้าในคอลัมณ์สังคมกองทุนรวมแล้วกัน และถ้าใครสงสัยว่าทำไมต้องเป็นกองหุ้นที่มักถูกกล่าวหาว่า เหมือนบ่อนการพนันบางละ เป็นแหล่งฟอกเงินบางละต้องยอมรับเลยว่าตอนนี้ดอกเบี้ยมันต่ำเตี้ยติดดินจริงๆ เลยนำข้อมูลที่ดูจะหวือหวามาให้ดูแทน แต่หากใครอยากได้ข้อมูลเรื่องกองทุนตราสาหนี้ก็สามารถค้นได้ที่ www.aimc.or.th ได้เลยเพราะเขาอัพเดทให้ดูข้อมูลใหม่ๆ กันทุกเดือน
สุดท้ายนี้ต้องขอปลอบผู้พลาดโอกาสเข้าร่วมงาน(ระหว่างวันที่ 20-23 ส.ค.) ว่าไม่ต้องเสียใจ เพราะอย่างน้อยงานในรูปแบบนี้จะมีจัดขึ้นอีกแน่นอนอย่างน้อยก็ 2 งานกับ Set in The City และประมาณเดือนธันวากับงานลดภาษีนาทีสุดท้าย ส่วนเรื่องการตอบรับของคนไทยกับการจัดงาน 4 วันที่ผ่านมาต้องบอกว่าดีทีเดียว เพราะยอดเงินลงทุนสูงถึงกว่า 499 ล้านบาท และมีผู้ร่วมงานประมาณ 1 หมื่นคน แต่น่าชื่นใจที่สุดเห็นจะเป็นการตอบรับเรื่องการลงทุนอย่างสม่ำเสมอเพราะแว่วว่าคนเดินเข้ามาสอบถามกันเป็นว่าเล่นเลยทีเดียว
กำลังโหลดความคิดเห็น