ทุกวันนี้เงินฝากธนาคารให้อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี เรียกได้ว่าต่ำที่สุดในรอบ 10-20 ปี เลยทีเดียว ทำให้หลายๆคนกังวลว่าเงินที่เก็บออมไว้ในบัญชีธนาคารให้ผลประโยชน์น้อยกว่าที่ค่าของเงินที่ลดลง น้ำมันก็ขึ้น ข้าวของก็แพงขึ้นทุกวัน การฝากเงินในธนาคารคงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดอีกแล้ว เนื่องจากการที่ผลตอบแทนในการลงทุนน้อยกว่าค่าของเงินที่ลดลง ทำให้เงินออมที่เราสะสมไว้สำหรับใช้ในอนาคตจะเติบโตช้ากว่าราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น หลายๆคนพอเห็นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากน้อยกว่าราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นจึงตัดสินใจใช้เงินเพิ่มขึ้นเพราะรู้สึกว่าฝากเงินไปก็ไม่คุ้มกับราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น พฤติกรรมดังกล่าวยิ่งทำให้ปริมาณเงินออมลดต่ำลงอีก ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อแผนการใช้ชีวิตหลังเกษียณอีกด้วย ถึงแม้ว่าการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆเช่น พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้เอกชนต่างๆ หุ้น อสังหาริมทรัพย์ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงที่มากกว่าการฝากธนาคาร แต่เราคงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าการที่ผลตอบแทนในการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ อาจจะให้ผลตอบแทนคาดหวังที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
การลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆสำหรับผู้ลงทุนรายย่อยกองทุนรวมเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ค่อนข้างเหมาะสม ซึ่งในปัจจุบันธุรกิจกองทุนรวมได้เติบโตเปลี่ยนแปลงจากเดิมค่อนข้างมาก มีกองทุนรวมหลากหลายชนิดให้เลือกลงทุน ทั้งกองทุนตลาดเงิน กองทุนตลาดหุ้น หรือแม้กระทั่งกองทุนรวมที่ไปลงทุนในทองคำและน้ำมัน การลงทุนผ่านกองทุนรวมมีข้อดีตรงที่สามารถลงทุนโดยใช้เงินจำนวนไม่มาก ซึ่งการลงทุนเองอาจจะต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก การลงทุนผ่านกองทุนรวมจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่เหมาะสมสำหรับผู้ลงทุนทั่วไป ส่วนกองทุนรวมชนิดไหนมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง มีรายละเอียดดังนี้ครับ
1.)กองทุนตลาดเงินและกองทุนตราสารหนี้ จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำแต่ก็ให้ผลตอบแทนในการลงทุนค่อนข้างน้อยตามระดับความเสี่ยงในการลงทุน ผลตอบแทนที่คาดหวังได้จากกองทุนตลาดเงินและกองทุนตราสารหนี้อยู่ระหว่าง 0.5 - 4% โดยแบ่งเป็นกองทุนปิดและกองทุนเปิด โดยกองทุนปิดมีข้อจำกัดที่ไม่สามารถไถ่ถอนก่อนกำหนดได้ แต่มีอัตราผลตอบแทนคาดหวังที่ค่อนข้างสูงเช่น กองทุนตราสารหนี้พันธบัตรเกาหลีใต้ ส่วนกองทุนตลาดเงินหรือกองทุนเปิดตราสารหนี้ทั่วไปมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่าค่อนข้างมากแต่ก็มีข้อได้เปรียบที่สามารถไถ่ถอนได้บ่อยกว่า
2.)กองทุนตราสารทุน เป็นกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นเช่นกองทุนหุ้นระยะยาว(LTF) กองทุนเปิดเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF) โดยผลตอบแทนของกองทุนในกลุ่มนี้จะค่อนข้างผันผวนบางปีให้ผลตอบแทนสูงเกิน 100% แต่บางปีก็มีผลตอบแทนติดลบ 50% ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดหุ้นในปีนั้นๆ ข้อดีของกองทุน
3.)กองทุนอสังหาริมทรัพย์ เป็นกองทุนที่นำเงินไปลงทุนในอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงแรมและรีสอร์ทต่างๆ โดยนำเงินค่าเช่าที่ได้รับมาจ่ายเป็นผลตอบแทนให้แก่กองทุน กองทุนอสังหาริมทรัพย์สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทได้แก่ แบบเป็นเจ้าของกับแบบซื้อสิทธิการเช่า ซึ่งโดยทั่วไปอัตราเงินปันผลของแบบซื้อสิทธิการเช่าจะสูงกว่าประมาณ 3-4% เนื่องจากมีเงินต้นบางส่วนจ่ายคืนมาด้วย ในปัจจุบันมีกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 22 กองทุน การลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ผู้ลงทุนอาจจะต้องคำนึงถึงเรื่องสภาพคล่องในการซื้อขายด้วยเนื่องจากหลายกองทุนมีสภาพคล่องในการซื้อขายต่ำ ทำให้ผู้ลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติไม่สามารถลงทุนได้
4.)กองทุนที่ลงทุนในทองคำและน้ำมัน จัดเป็นกองทุนที่ได้รับความสนใจค่อนข้างมากในปัจจุบัน มีผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงในช่วง2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในปัจจุบันมีการเก็งกำไรในสินทรัพย์ทองคำและน้ำมันค่อนข้างมากทำให้ผลตอบแทนค่อนข้างผันผวนมาก สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนประเภทนี้ แนะนำว่าผู้ลงทุนจะต้องสามารถรับความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาได้
รายละเอียดข้างต้นคงทำให้หลายๆคนอาจจะเริ่มสนใจลงทุนในกองทุนต่างๆมากขึ้น นักลงทุนทุกท่านสามารถขอข้อมูลรายละเอียดของกองทุนต่างๆได้จากตัวแทนจำหน่าย และส่วนลูกค้าสัมพันธ์ บลจ.ทหารไทย โทร. 1725
ที่มา บลจ. ทหารไทย
การลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆสำหรับผู้ลงทุนรายย่อยกองทุนรวมเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ค่อนข้างเหมาะสม ซึ่งในปัจจุบันธุรกิจกองทุนรวมได้เติบโตเปลี่ยนแปลงจากเดิมค่อนข้างมาก มีกองทุนรวมหลากหลายชนิดให้เลือกลงทุน ทั้งกองทุนตลาดเงิน กองทุนตลาดหุ้น หรือแม้กระทั่งกองทุนรวมที่ไปลงทุนในทองคำและน้ำมัน การลงทุนผ่านกองทุนรวมมีข้อดีตรงที่สามารถลงทุนโดยใช้เงินจำนวนไม่มาก ซึ่งการลงทุนเองอาจจะต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก การลงทุนผ่านกองทุนรวมจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่เหมาะสมสำหรับผู้ลงทุนทั่วไป ส่วนกองทุนรวมชนิดไหนมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง มีรายละเอียดดังนี้ครับ
1.)กองทุนตลาดเงินและกองทุนตราสารหนี้ จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำแต่ก็ให้ผลตอบแทนในการลงทุนค่อนข้างน้อยตามระดับความเสี่ยงในการลงทุน ผลตอบแทนที่คาดหวังได้จากกองทุนตลาดเงินและกองทุนตราสารหนี้อยู่ระหว่าง 0.5 - 4% โดยแบ่งเป็นกองทุนปิดและกองทุนเปิด โดยกองทุนปิดมีข้อจำกัดที่ไม่สามารถไถ่ถอนก่อนกำหนดได้ แต่มีอัตราผลตอบแทนคาดหวังที่ค่อนข้างสูงเช่น กองทุนตราสารหนี้พันธบัตรเกาหลีใต้ ส่วนกองทุนตลาดเงินหรือกองทุนเปิดตราสารหนี้ทั่วไปมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่าค่อนข้างมากแต่ก็มีข้อได้เปรียบที่สามารถไถ่ถอนได้บ่อยกว่า
2.)กองทุนตราสารทุน เป็นกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นเช่นกองทุนหุ้นระยะยาว(LTF) กองทุนเปิดเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF) โดยผลตอบแทนของกองทุนในกลุ่มนี้จะค่อนข้างผันผวนบางปีให้ผลตอบแทนสูงเกิน 100% แต่บางปีก็มีผลตอบแทนติดลบ 50% ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดหุ้นในปีนั้นๆ ข้อดีของกองทุน
3.)กองทุนอสังหาริมทรัพย์ เป็นกองทุนที่นำเงินไปลงทุนในอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงแรมและรีสอร์ทต่างๆ โดยนำเงินค่าเช่าที่ได้รับมาจ่ายเป็นผลตอบแทนให้แก่กองทุน กองทุนอสังหาริมทรัพย์สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทได้แก่ แบบเป็นเจ้าของกับแบบซื้อสิทธิการเช่า ซึ่งโดยทั่วไปอัตราเงินปันผลของแบบซื้อสิทธิการเช่าจะสูงกว่าประมาณ 3-4% เนื่องจากมีเงินต้นบางส่วนจ่ายคืนมาด้วย ในปัจจุบันมีกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 22 กองทุน การลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ผู้ลงทุนอาจจะต้องคำนึงถึงเรื่องสภาพคล่องในการซื้อขายด้วยเนื่องจากหลายกองทุนมีสภาพคล่องในการซื้อขายต่ำ ทำให้ผู้ลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติไม่สามารถลงทุนได้
4.)กองทุนที่ลงทุนในทองคำและน้ำมัน จัดเป็นกองทุนที่ได้รับความสนใจค่อนข้างมากในปัจจุบัน มีผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงในช่วง2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในปัจจุบันมีการเก็งกำไรในสินทรัพย์ทองคำและน้ำมันค่อนข้างมากทำให้ผลตอบแทนค่อนข้างผันผวนมาก สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนประเภทนี้ แนะนำว่าผู้ลงทุนจะต้องสามารถรับความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาได้
รายละเอียดข้างต้นคงทำให้หลายๆคนอาจจะเริ่มสนใจลงทุนในกองทุนต่างๆมากขึ้น นักลงทุนทุกท่านสามารถขอข้อมูลรายละเอียดของกองทุนต่างๆได้จากตัวแทนจำหน่าย และส่วนลูกค้าสัมพันธ์ บลจ.ทหารไทย โทร. 1725
ที่มา บลจ. ทหารไทย
