xs
xsm
sm
md
lg

โบรกฯกองทุนแนะทำกำไรกองหุ้น รอราคาปรับฐานกลับเข้าซื้ออีกรอบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - นักวิเคราะห์กองทุนรวม มองตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวดีขึ้น เหตุนักลงทุนเริ่มกลับทยอยกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น เเนะนักลงทุนกองทุนหุ้น ทยอยขายทำกำไร แล้วรอตลาดหุ้นไทยปรับฐาน ก่อนกลับเข้ามาเก็บของถูก ชู"กองทุนทองคำ" ความเสี่ยงยังน้อยให้ผลตอบเเทนสูง

นางสาวศุภมาส พยัคฆพันธ์ Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงนี้จะเห็นว่าตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มหันกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากสินทรัพย์เสี่ยงน้อยให้ผลตอบเเทนที่ลดลง ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่หุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นโดยเฉลี่ย 120-100% ในส่วนของตลาดหุ้นไทยนั้นปรับตัวขึ้นถึง 40-50% เลยทีเดียว จึงอยากแนะนำให้นักลงทุนทยอยขายทำกำไรในช่วงนี้ เพื่อรอให้ตลาดหุ้นมีการปรับฐานก่อนจึงกลับเข้ามาทยอยลงทุนอีกครั้ง

"อัตราดอกเบี้ยของโลกที่ยังอยู่ในระดับต่ำในช่วงที่ผ่านมา เป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น น้ำมัน และทองคำ แต่มองว่าราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมาอาจทำให้ราคาหุ้นและราคาน้ำมันมีการปรับฐานอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งน่าจะทยอยทำกำไรในสินทรัพย์ดังกล่าว เราแนะนำให้ทยอยลงทุนในทองคำ เนื่องจากทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในกรณีดังกล่าวได้"

สำหรับผู้ฝากเงินที่ต้องการผลตอบแทนสุทธิสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศที่อยู่ในระดับต่ำในปัจจุบัน และยังไม่มีแนวโน้มปรับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 1 ปีข้างหน้า ยังแนะนำลงทุนในกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ ที่ยังมีผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสุทธิของไทย แต่อยากแนะนำให้ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ เนื่องจากส่วนต่างของผลตอบแทนเมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐวิสาหกิจเกาหลีใต้เริ่มแคบลง

ขณะที่ราคาพันธบัตรในช่วงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระยะกลางถึงระยะยาว อาจจะยังมีความผันผวนเนื่องจากรัฐบาลมีแผนกู้เงินในประเทศประมาณ 1.5 แสนล้านบาท ในช่วงเดือน ก.ค.-ต.ค.2552 นี้ เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยเป็นการออกพันธบัตรออมทรัพย์ 5 ปี จำนวน 3 หมื่นล้านบาท และที่เหลือเป็นการออกพันธบัตรรัฐบาลและกู้ยืมธนาคารพาณิชย์และวิธีการอื่นๆ ทำให้ราคาพันธบัตรในช่วงเดือนมิถุนายน ยังคงมีควรามผันผวนจึงอยากยังแนะนำลงทุนในสินทรัพย์อย่างกองทุนรวมตลาดเงิน หรือมันนี่มาร์เก็ต ที่มีสภาพคล่อง มีอายุเฉลี่ยสั้น และเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเงินฝาก

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ดีกว่าคาดนำโดยเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน และอินเดีย รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยของโลกที่อยู่ในระดับต่ำ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ได้ผลักดันให้ราคาหุ้นและราคาน้ำมันในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาพุ่งขึ้นแรงมาก ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา และยุโรปในสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มชะลอการปรับขึ้นหลังจากที่ปรับขึ้น3 เดือนติดต่อกัน ประมาณ 24%-46% โดยปัจจัยบวกมาจากข่าวสถาบันการเงินขนาดใหญ่คาดว่าจะมีการชำระหนี้คืนให้กับโครงการTroubled Asset Relieved Plan (TARP) ที่ช่วยเหลือสถาบันการเงินที่ประสบปัญหาในช่วงวิกฤติสถาบันการเงินในช่วงที่ผ่านมาตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐอเมริกาดีกว่าคาด ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มกลับมาแข็งค่า หลังจากที่อ่อนค่ามาเป็นเวลาหลายสัปดาห์

นอกจากนี้ธนาคารกลางของสหภาพยุโรป และอังกฤษคงอัตราดอกเบี้ยหลักไว้ในระดับเดิมที่ 1.00% และ 0.50% ตามลำดับ ซึ่งคาดว่า เกิดหลังจากแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น รวมทั้งการคาดการณ์ในเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ อเมริกาญี่ปุ่น และอินเดีย
กำลังโหลดความคิดเห็น