บลจ. เอ็มเอฟซี ขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี พันธบัตรเกาหลี 3 ตอบรับความต้องการลงทุนในตราสารหนี้เกาหลีใต้ เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ 3% ต่อปี พร้อมป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน เปิดขายครั้งเดียวตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 24 มิถุนายนนี้ ด้านบลจ.นครหลวงไทย ปรับเพิ่มผลตอบแทน 2 กองบอนด์เกาหลี ขณะที่ บลจ.ธนชาต เป็นปลื้มยอดจองกองกิมจิเปิดขายวันเดียวนักลงทุนแห่จองเกลี้ยง
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการเสนอขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี พันธบัตรเกาหลี 3 หรือ M-Korea 3 กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่ตอบสนองนักลงทุนที่ยังคงให้สนใจลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่อง เพราะมีความมั่นคง และมีโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร โดยกองทุนดังกล่าว มีอายุโครงการ 1 ปี และมูลค่าโครงการ 350 ล้านบาท ซึ่งผู้ถือหน่วยลงทุนจะมีโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณร้อยละ 3 ต่อปี
"กองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศได้ และลงทุนได้เป็นระยะเวลา 1 ปี นอกจากนี้ ผู้ลงทุนรายย่อยที่ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย"
สำหรับกองทุนเปิด M-Korea 3 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการออมเงินระยะสั้นสำหรับประชาชนทั่วไป โดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีและมั่นคง ซึ่งกองทุนจะลงทุนในพันธบัตร ตั๋วเงินคลัง หรือตราสารหนี้ที่รัฐบาลเป็นผู้ออกหรือค้ำประกัน และมีอันดับความน่าเชื่อถือที่สามารถลงทุนได้ เงินฝากหรือตราสารหนี้อายุไม่เกิน 1 ปี และลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า(Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
ทั้งนี้ เมื่อครบอายุกองทุน บริษัทจะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนกองทุนเปิด M-Korea 3 และสับเปลี่ยนอัตโนมัติไปยังกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี พันธบัตรตลาดเงิน (MM-GOV) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงินที่มีความมั่นคง ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ โดยตราสารมีอายุไม่เกิน 1 ปี เพื่อสนับสนุนการลงทุนอย่างต่อเนื่องของผู้ถือหน่วยลงทุน โดยนักลงทุนที่สนใจสามารถลงทุนขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป
ทางด้าน บลจ. นครหลวงไทย ได้ทำการปรับผลตอบแทนกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 2 กองทุน โดยกองทุนอายุประมาณ 12 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 3.00% ต่อปี และกองทุนอายุประมาณ 6 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 2.45% ต่อปี เน้นลงทุนใน Korea Monetary Stabilization Bond (MSB)/ Korea Treasury Bond (KTB) ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ ทั้ง 2 กองทุน รับผลตอบแทนแบบ Auto redemption ครั้งเดียวเมื่อครบอายุ กองทุนป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยลูกค้าบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษีจากกำไรส่วนเกินทุน เสนอขายหน่วยลงทุนครั้งเดียวตั้งแต่วันที่ 17 - 23 มิถุนายน 52 นี้
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ได้มีการปรับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ได้แก่1. กองทุนเปิดเอสซีไอ ตราสารหนี้ต่างประเทศ จีไอ 12M11/09 (SCI International Fixed Income Fund GI 12M11/09 : SCIINGI12M11/09) ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็น 3.00% ต่อปี จากเดิม 2.85% ต่อปี อายุโครงการประมาณ 12 เดือน กองทุนมีมูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท และ2. กองทุนเปิดเอสซีไอ ตราสารหนี้ต่างประเทศ จีไอ 6M7/09 (SCI International Fixed Income Fund GI 6M7/09 : SCI INGI6M7/09) ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็น 2.45% ต่อปี จากเดิม 2.40% ต่อปี อายุโครงการประมาณ 6 เดือน กองทุนมีมูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท นโยบายการลงทุนของ กองทุน SCIINGI12M11/09 และ SCI INGI6M7/09 เน้นลงทุนใน Korea Monetary Stabilization Bond (MSB)/ Korea Treasury Bond ประมาณ 100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ เป็นพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารอยู่ใน 2 อันดับแรก AA จากสถาบัน Fitch Rating
เนื่องจากภาวะตลาดดอกเบี้ยมีการปรับตัวสูงขึ้น จึงทำให้ผลตอบแทนในช่วงนี้มีการปรับตัวขึ้นตาม บริษัทฯ จึงสามารถให้ผลตอบแทนกับนักลงทุนได้สูงตามภาวะตลาดดอกเบี้ยในปัจจุบัน ซึ่งเป็นประโยชน์และเหมาะกับนักลงทุนที่ลงทุนในช่วงนี้ อย่างไรก็ตามจากการปรับผลตอบแทนในครั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่านักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุน เนื่องจากได้ผลตอบแทนมากกว่าลงทุนในประเทศ และดอกเบี้ยเงินฝาก และกองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
ทั้ง 2 กองทุน เสนอขาย IPO พร้อมกัน ตั้งแต่วันที่ 17-23 มิถุนายน 2552 นี้ มูลค่าขั้นต่ำของกองทุนเพียง 2,000 บาท ราคา 10 บาทต่อหน่วยลงทุน ทั้งนี้ ลูกค้าที่เป็นบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษีจากผลตอบแทนที่ได้รับ
ขณะเดียวกันด้าน บลจ. ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า จากที่บริษัทได้ทำการเปิดขายกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 12 (T-FixFIF 12) อายุโครงการประมาณ1 ปี 11 เดือน ที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ โดยมีมูลค่าโครงการกองทุนละ 1,400 ล้านบาท ไปเมื่อวันที่ 18 - 24 มิถุนายน 2552 ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างล้นหลาม จนสามารถปิดขายหน่วยลงทุนได้ก่อนกำหนดเพียงวันเดียว ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้เปิดขายกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 10 - 11 และ 13 ซึ่งได้ปิดการขายหน่วยลงทุนก่อนกำหนดเช่นกัน
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ธนชาต จำกัด ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ลูกค้าที่เข้ามาลงทุนส่วนใหญ่แล้วยังคงเป็นนักลงทุนที่เป็นลูกค้าของธนาคารธนชาต ซึ่งเป็นแบงก์แม่เป็นหลัก และบางส่วนก็มาจากนักลงทุนที่เป็นลูกค้าของ บลจ. ธนชาต เองด้วย โดยสาเหตุที่นักลงทุนให้การตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากว่าอัตราดอกเบี้ยในประเทศมีการปรับตัวลดลงจึงไม่ค่อยน่าสนใจนักลงทุนมากนัก ดังนั้นนักลงทุนเองยังคงต้องหาช่องทางใหม่ ๆ ในการลงทุนแทน
ทั้งนี้ ในภาวะปัจจุบัน ตราสารหนี้ต่างประเทศที่ให้อัตราผลตอบแทนที่น่าสนใจแก่ผู้ลงทุน คือ ตราสารภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ กองทุนดังกล่าว เป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายเงินลงทุนบางส่วนไปลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศ และเข้าใจความเสี่ยงของการลงทุนในตราสารหนี้ในต่างประเทศ และประเทศที่กองทุนไปลงทุน
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการเสนอขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี พันธบัตรเกาหลี 3 หรือ M-Korea 3 กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่ตอบสนองนักลงทุนที่ยังคงให้สนใจลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่อง เพราะมีความมั่นคง และมีโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร โดยกองทุนดังกล่าว มีอายุโครงการ 1 ปี และมูลค่าโครงการ 350 ล้านบาท ซึ่งผู้ถือหน่วยลงทุนจะมีโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณร้อยละ 3 ต่อปี
"กองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศได้ และลงทุนได้เป็นระยะเวลา 1 ปี นอกจากนี้ ผู้ลงทุนรายย่อยที่ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย"
สำหรับกองทุนเปิด M-Korea 3 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการออมเงินระยะสั้นสำหรับประชาชนทั่วไป โดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีและมั่นคง ซึ่งกองทุนจะลงทุนในพันธบัตร ตั๋วเงินคลัง หรือตราสารหนี้ที่รัฐบาลเป็นผู้ออกหรือค้ำประกัน และมีอันดับความน่าเชื่อถือที่สามารถลงทุนได้ เงินฝากหรือตราสารหนี้อายุไม่เกิน 1 ปี และลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า(Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
ทั้งนี้ เมื่อครบอายุกองทุน บริษัทจะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนกองทุนเปิด M-Korea 3 และสับเปลี่ยนอัตโนมัติไปยังกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี พันธบัตรตลาดเงิน (MM-GOV) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงินที่มีความมั่นคง ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ โดยตราสารมีอายุไม่เกิน 1 ปี เพื่อสนับสนุนการลงทุนอย่างต่อเนื่องของผู้ถือหน่วยลงทุน โดยนักลงทุนที่สนใจสามารถลงทุนขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป
ทางด้าน บลจ. นครหลวงไทย ได้ทำการปรับผลตอบแทนกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 2 กองทุน โดยกองทุนอายุประมาณ 12 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 3.00% ต่อปี และกองทุนอายุประมาณ 6 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 2.45% ต่อปี เน้นลงทุนใน Korea Monetary Stabilization Bond (MSB)/ Korea Treasury Bond (KTB) ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ ทั้ง 2 กองทุน รับผลตอบแทนแบบ Auto redemption ครั้งเดียวเมื่อครบอายุ กองทุนป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยลูกค้าบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษีจากกำไรส่วนเกินทุน เสนอขายหน่วยลงทุนครั้งเดียวตั้งแต่วันที่ 17 - 23 มิถุนายน 52 นี้
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ได้มีการปรับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ได้แก่1. กองทุนเปิดเอสซีไอ ตราสารหนี้ต่างประเทศ จีไอ 12M11/09 (SCI International Fixed Income Fund GI 12M11/09 : SCIINGI12M11/09) ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็น 3.00% ต่อปี จากเดิม 2.85% ต่อปี อายุโครงการประมาณ 12 เดือน กองทุนมีมูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท และ2. กองทุนเปิดเอสซีไอ ตราสารหนี้ต่างประเทศ จีไอ 6M7/09 (SCI International Fixed Income Fund GI 6M7/09 : SCI INGI6M7/09) ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็น 2.45% ต่อปี จากเดิม 2.40% ต่อปี อายุโครงการประมาณ 6 เดือน กองทุนมีมูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท นโยบายการลงทุนของ กองทุน SCIINGI12M11/09 และ SCI INGI6M7/09 เน้นลงทุนใน Korea Monetary Stabilization Bond (MSB)/ Korea Treasury Bond ประมาณ 100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ เป็นพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารอยู่ใน 2 อันดับแรก AA จากสถาบัน Fitch Rating
เนื่องจากภาวะตลาดดอกเบี้ยมีการปรับตัวสูงขึ้น จึงทำให้ผลตอบแทนในช่วงนี้มีการปรับตัวขึ้นตาม บริษัทฯ จึงสามารถให้ผลตอบแทนกับนักลงทุนได้สูงตามภาวะตลาดดอกเบี้ยในปัจจุบัน ซึ่งเป็นประโยชน์และเหมาะกับนักลงทุนที่ลงทุนในช่วงนี้ อย่างไรก็ตามจากการปรับผลตอบแทนในครั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่านักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุน เนื่องจากได้ผลตอบแทนมากกว่าลงทุนในประเทศ และดอกเบี้ยเงินฝาก และกองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
ทั้ง 2 กองทุน เสนอขาย IPO พร้อมกัน ตั้งแต่วันที่ 17-23 มิถุนายน 2552 นี้ มูลค่าขั้นต่ำของกองทุนเพียง 2,000 บาท ราคา 10 บาทต่อหน่วยลงทุน ทั้งนี้ ลูกค้าที่เป็นบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษีจากผลตอบแทนที่ได้รับ
ขณะเดียวกันด้าน บลจ. ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า จากที่บริษัทได้ทำการเปิดขายกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 12 (T-FixFIF 12) อายุโครงการประมาณ1 ปี 11 เดือน ที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ โดยมีมูลค่าโครงการกองทุนละ 1,400 ล้านบาท ไปเมื่อวันที่ 18 - 24 มิถุนายน 2552 ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างล้นหลาม จนสามารถปิดขายหน่วยลงทุนได้ก่อนกำหนดเพียงวันเดียว ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้เปิดขายกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 10 - 11 และ 13 ซึ่งได้ปิดการขายหน่วยลงทุนก่อนกำหนดเช่นกัน
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ธนชาต จำกัด ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ลูกค้าที่เข้ามาลงทุนส่วนใหญ่แล้วยังคงเป็นนักลงทุนที่เป็นลูกค้าของธนาคารธนชาต ซึ่งเป็นแบงก์แม่เป็นหลัก และบางส่วนก็มาจากนักลงทุนที่เป็นลูกค้าของ บลจ. ธนชาต เองด้วย โดยสาเหตุที่นักลงทุนให้การตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากว่าอัตราดอกเบี้ยในประเทศมีการปรับตัวลดลงจึงไม่ค่อยน่าสนใจนักลงทุนมากนัก ดังนั้นนักลงทุนเองยังคงต้องหาช่องทางใหม่ ๆ ในการลงทุนแทน
ทั้งนี้ ในภาวะปัจจุบัน ตราสารหนี้ต่างประเทศที่ให้อัตราผลตอบแทนที่น่าสนใจแก่ผู้ลงทุน คือ ตราสารภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ กองทุนดังกล่าว เป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายเงินลงทุนบางส่วนไปลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศ และเข้าใจความเสี่ยงของการลงทุนในตราสารหนี้ในต่างประเทศ และประเทศที่กองทุนไปลงทุน