บลจ.ธนชาตคลอด "ธนชาตตราสารหนี้ 7" ลงทุนตราสารหนี้เอกชน อายุ 6 - 8 เดือน ไอพีโอวันที่ 1 - 8 มิถุนายน นี้ ชูเป็นทางเลือกให้นักลงทุนระยะสั้น ไม่ชอบความเสี่ยง
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากตกต่ำ อีกทั้งตลาดหุ้นไทยเองก็ยังคงมีความผันผวนอยู่มาก ส่งผลให้นักลงทุนต่างแสวงหาแหล่งลงทุนใหม่ ๆ กันมากขึ้น เพื่อที่จะได้เป็นการกระจายการลงทุน อีกทั้งยังสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีและต้องมีความเสี่ยงต่ำด้วย ล่าสุด บริษัทได้เปิดขายกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 7 (TFIX7) ซึ่งจะเสนอขายครั้งแรกในระหว่างวันที่ 1 - 8 มิถุนายน นี้ โดยกองทุนดังกล่าวมีอายุประมาณ 6 - 8 เดือน และมีมูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท
ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายการลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งหนี้ภาคเอกชนและหรือภาครัฐที่มีคุณภาพ มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นสูง และหรือเงินฝากหรือตราสารที่เทียบเท่าเงินสด หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้
โดยกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 7 ถือเป็นทางเลือกในการลงทุนให้แก่ผู้สนใจที่สามารถรับความเสี่ยงของตราสารหนี้ได้ โดยกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความมั่นคง โดยจะพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้เอกชนที่มีคุณภาพ เช่น หุ้นกู้ หรือตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือเงินฝาก
"กองทุนนี้ถือเป็นอีกทางเลือกในการลงทุนให้กับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะสั้น ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากลดต่ำลงมากจนอัตราเงินฝากออมทรัพย์ลดลงถึงระดับ 0.5% ในปัจจุบัน และคาดว่ากองทุนดังกล่าวน่าจะสามารถปิดการขายได้ก่อนกำหนด เนื่องจากว่ากองทุนดังกล่าวมีจำนวนมูลค่าโครงการไม่ใหญ่มากนัก" นายบุญชัย กล่าว
นายบุญชัย กล่าวต่อไปว่า ส่วนกลุ่มลูกค้าที่จะเข้ามาลงทุนนั้น คาดว่ายังคงเป็นนักลงทุนกลุ่มเดิมเป็นหลัก ที่เป็นนักลงทุนจากธนาคารธนาคารซึ่งเป็นแบงก์แม่เป็นหลัก รวมถึงลูกค้าทางบลจ. ธนชาตเอง และกลุ่มลูกค้าจากตัวแทนจำหน่าย ซึ่งคาดว่ากองทุนดังกล่าวน่าจะขายหมดก่อนกำหนดที่จะปิดขายกองทุนเช่นเคย เนื่องจากว่าขนาดมูลค่าของกองทุนนั้นไม่ใหญ่มากนัก
ขณะเดียวกัน กองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 8 (T-FixFIF8) ได้ทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ (Auto Redemption) ครั้งที่ 4 ประจำงวดวันที่ 28 พฤษภาคม 2552 ซึ่งจะทำการจ่ายผลตอบแทนเท่ากับ 1.0488% จากเงินลงทุน
ทั้งนี้กองทุนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ หรือเอ็นเอวี ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2552 อยู่ที่ 293.21 ล้านบาท มีมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 10.79 บาทต่อหน่วย ขณะที่ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -1.72% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 3.13% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 11.05% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 3.13% และผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 8.30% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 4.10% นอกจากนี้สัดส่วนการลงทุน ณ วันที่ 30 เมษายน 2552 กองทุนกระจายการลงทุนไปยัง พันธบัตรรัฐบาล/รัฐวิสาหกิจ 82.95% รวมถึงเงินฝากและอื่น ๆ อีก 17.05%
สำหรับกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 8 มีนโยบายการลงทุนในหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับตราสารแห่งหนี้ เงินฝาก หรือตราสารทางการเงินต่าง ๆ ของภาครัฐ หรือเอกชน โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารแห่งหนี้ต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือประกาศสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด หรือตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. เห็นชอบให้ลงทุนได้
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากตกต่ำ อีกทั้งตลาดหุ้นไทยเองก็ยังคงมีความผันผวนอยู่มาก ส่งผลให้นักลงทุนต่างแสวงหาแหล่งลงทุนใหม่ ๆ กันมากขึ้น เพื่อที่จะได้เป็นการกระจายการลงทุน อีกทั้งยังสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีและต้องมีความเสี่ยงต่ำด้วย ล่าสุด บริษัทได้เปิดขายกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 7 (TFIX7) ซึ่งจะเสนอขายครั้งแรกในระหว่างวันที่ 1 - 8 มิถุนายน นี้ โดยกองทุนดังกล่าวมีอายุประมาณ 6 - 8 เดือน และมีมูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท
ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายการลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งหนี้ภาคเอกชนและหรือภาครัฐที่มีคุณภาพ มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นสูง และหรือเงินฝากหรือตราสารที่เทียบเท่าเงินสด หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้
โดยกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 7 ถือเป็นทางเลือกในการลงทุนให้แก่ผู้สนใจที่สามารถรับความเสี่ยงของตราสารหนี้ได้ โดยกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความมั่นคง โดยจะพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้เอกชนที่มีคุณภาพ เช่น หุ้นกู้ หรือตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือเงินฝาก
"กองทุนนี้ถือเป็นอีกทางเลือกในการลงทุนให้กับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะสั้น ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากลดต่ำลงมากจนอัตราเงินฝากออมทรัพย์ลดลงถึงระดับ 0.5% ในปัจจุบัน และคาดว่ากองทุนดังกล่าวน่าจะสามารถปิดการขายได้ก่อนกำหนด เนื่องจากว่ากองทุนดังกล่าวมีจำนวนมูลค่าโครงการไม่ใหญ่มากนัก" นายบุญชัย กล่าว
นายบุญชัย กล่าวต่อไปว่า ส่วนกลุ่มลูกค้าที่จะเข้ามาลงทุนนั้น คาดว่ายังคงเป็นนักลงทุนกลุ่มเดิมเป็นหลัก ที่เป็นนักลงทุนจากธนาคารธนาคารซึ่งเป็นแบงก์แม่เป็นหลัก รวมถึงลูกค้าทางบลจ. ธนชาตเอง และกลุ่มลูกค้าจากตัวแทนจำหน่าย ซึ่งคาดว่ากองทุนดังกล่าวน่าจะขายหมดก่อนกำหนดที่จะปิดขายกองทุนเช่นเคย เนื่องจากว่าขนาดมูลค่าของกองทุนนั้นไม่ใหญ่มากนัก
ขณะเดียวกัน กองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 8 (T-FixFIF8) ได้ทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ (Auto Redemption) ครั้งที่ 4 ประจำงวดวันที่ 28 พฤษภาคม 2552 ซึ่งจะทำการจ่ายผลตอบแทนเท่ากับ 1.0488% จากเงินลงทุน
ทั้งนี้กองทุนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ หรือเอ็นเอวี ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2552 อยู่ที่ 293.21 ล้านบาท มีมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 10.79 บาทต่อหน่วย ขณะที่ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -1.72% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 3.13% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 11.05% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 3.13% และผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 8.30% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 4.10% นอกจากนี้สัดส่วนการลงทุน ณ วันที่ 30 เมษายน 2552 กองทุนกระจายการลงทุนไปยัง พันธบัตรรัฐบาล/รัฐวิสาหกิจ 82.95% รวมถึงเงินฝากและอื่น ๆ อีก 17.05%
สำหรับกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 8 มีนโยบายการลงทุนในหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับตราสารแห่งหนี้ เงินฝาก หรือตราสารทางการเงินต่าง ๆ ของภาครัฐ หรือเอกชน โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารแห่งหนี้ต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือประกาศสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด หรือตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. เห็นชอบให้ลงทุนได้
