บลจ.แมนูไลฟ์ รับอานิสงส์ตลาดหุ้นครึ่งปีแรกดีเกินคาด ส่งผลให้เอยูเอ็มโตขึ้นถึง 23% ระบุนักลงทุนจะชะลอการลงทุนบ้าง เหตุกังวลความผันผวน มั่นใจ แนวโน้มครึ่งปีหลังไปต่อ เหตุได้เศรษฐกิจฟื้นตัวช่วยหนุน เชียร์จับจังหวะลงทุนหุ้นถูก รับผลตอบแทนระยะยาว
นายพนุกร จันทรประภาพ ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (เอยูเอ็ม) ในช่วงครึ่งปีแรกของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 326 ล้านบาท โดยณ วันที่ วันที่ 30 มิถุนายน 2552 อยู่ที่ 1,701 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตขึ้นถึง 23% จากช่วงสิ้นปี 2551 อยู่ที่ 1,375 ล้านบาท ซึ่งเอยูเอ็มของบริษัทได้ปรับตัวตามดัชนีตลาดหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปีถึง 38%
ทั้งนี้ การลงทุนในตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีแรก นักลงทุนยังคงมีความวิตกกังวลในเรื่องของความผันผวนของตลาดหุ้น จึงเกิดความลังเลไม่กล้าที่จะเข้ามาลงทุนมากนัก ขณะที่การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(อาร์เอ็มเอฟ) ก็ไม่สามารถระดมเงินได้มากนัก
เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่จะเข้ามาลงทุนในกองทุนทั้ง 2 ชนิดนี้ในช่วงครึ่งปีหลังหรือช่วงปลายปีเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งคาดว่านักลงทุนจะเข้าซื้อกองทุนรวมแอลทีเอฟและอาร์เอ็มเอฟในช่วงต้นไตรมาส 4 ของปีนี้
"เงินที่เข้ามาลงทุนในบริษัท มีทั้งเม็ดเงินใหม่ที่เข้ามาลงทุน จากนักลงทุนรายใหม่และนักลงทุนที่เชื่อมั่นในการบริหารกองทุนของเรา โดยนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนนั้นมองว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะเข้ามาลงทุนแล้วสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ ขณะเดียวกัน ก็มีนักลงทุนสับเปลี่ยนการลงทุนจากกองทุนต่างๆในบริษัท เนื่องจากว่ากองทุนหุ้นแต่ละกองทุนนั้น มีนโยบายการลงทุนไม่เหมือนกัน เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุน และมีที่ไถ่ถอนหน่วยลงทุนไปเลยก็มี เพราะกลัวความผันผวนของตลาดหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก"นายพนุกร กล่าว
นายพนุกร กล่าวอีกว่า สำหรับตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าในระยะสั้นๆนี้อาจจะยังมีความผันผวนอยู่บ้าง แต่ในระยะยาวนั้นดัชนีตลาดหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ จากตัวเลขเศรษฐกิจของไตรมาส 2 ที่เริ่มทรงตัวอยู่ในขณะนี้
รวมไปถึงตัวเลขส่งออกที่ดีขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา และจากปัจจัยบวกต่างๆไม่ว่าจะเป็นผลกำไรในไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศออกมา โดยนักลงทุนส่วนใหญ่มองว่า เศรษฐกิจได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว และเริ่มมีการฟื้นตัวแล้ว แต่เป็นไปในรูปแบบที่ค่อยเป็นค่อยไปไม่เร็วนัก
สำหรับเซกเตอร์ที่น่าสนใจอยู่ในขณะนี้ ทางแมนูไลฟ์ยังคงให้น้ำหนักและความสนใจลงทุนในกลุ่มของธนาคารพาณิชย์เป็นหลัก เนื่องจากผลการดำเนินงานของไตรมาส 2 ที่ประกาศออกมานั้นมีผลกำไรเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าหุ้นกลุ่มนี้ยังคงไปได้ ขณะเดียวกัน พบว่าเอ็นพีแอลของแบงก์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างที่คิด อีกทั้งราคาหุ้นกลุ่มธนาคารในไทยยังถูกกว่าในภูมิภาคเดียวกันด้วย จึงถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก
ขณะที่หุ้นในกลุ่มพลังงาน ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มที่นักลงทุนให้ความสนใจมากนั้น ยังคงมีความผันผวนอย่างต่อเนื่องไปตามราคาน้ำมันในตลาดโลก
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นในช่วงนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนในการสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้ เนื่องจากว่าราคาหุ้นขณะนี้ถือว่ามีราคาไม่แพงนักเมื่อเทียบกับช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวแล้ว โดยราคาหุ้นจะสะท้อนถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้ปรับตัวไปก่อนเศรษฐกิจของประเทศที่เริ่มฟื้นตัวตาม
ขณะเดียวกัน จากการแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดเห็นด้านการลงทุนกับผู้จัดการกองทุนในเครือของแมนูไลฟ์ พบว่า ผู้จัดการกองทุนในประเทศต่างๆมีมุมมองที่ดีในการลงทุนในตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงการลงทุนในตลาดหุ้นไทยด้วย โดยผู้จัดการกองทุนมองถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจปัจจัยต่างๆที่จะเข้ามาช่วยให้เศรษฐกิจมีการฟื้นตัวได้เร็วกว่าภูมิภาคอื่น
นายพนุกร จันทรประภาพ ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (เอยูเอ็ม) ในช่วงครึ่งปีแรกของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 326 ล้านบาท โดยณ วันที่ วันที่ 30 มิถุนายน 2552 อยู่ที่ 1,701 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตขึ้นถึง 23% จากช่วงสิ้นปี 2551 อยู่ที่ 1,375 ล้านบาท ซึ่งเอยูเอ็มของบริษัทได้ปรับตัวตามดัชนีตลาดหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปีถึง 38%
ทั้งนี้ การลงทุนในตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีแรก นักลงทุนยังคงมีความวิตกกังวลในเรื่องของความผันผวนของตลาดหุ้น จึงเกิดความลังเลไม่กล้าที่จะเข้ามาลงทุนมากนัก ขณะที่การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(อาร์เอ็มเอฟ) ก็ไม่สามารถระดมเงินได้มากนัก
เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่จะเข้ามาลงทุนในกองทุนทั้ง 2 ชนิดนี้ในช่วงครึ่งปีหลังหรือช่วงปลายปีเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งคาดว่านักลงทุนจะเข้าซื้อกองทุนรวมแอลทีเอฟและอาร์เอ็มเอฟในช่วงต้นไตรมาส 4 ของปีนี้
"เงินที่เข้ามาลงทุนในบริษัท มีทั้งเม็ดเงินใหม่ที่เข้ามาลงทุน จากนักลงทุนรายใหม่และนักลงทุนที่เชื่อมั่นในการบริหารกองทุนของเรา โดยนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนนั้นมองว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะเข้ามาลงทุนแล้วสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ ขณะเดียวกัน ก็มีนักลงทุนสับเปลี่ยนการลงทุนจากกองทุนต่างๆในบริษัท เนื่องจากว่ากองทุนหุ้นแต่ละกองทุนนั้น มีนโยบายการลงทุนไม่เหมือนกัน เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุน และมีที่ไถ่ถอนหน่วยลงทุนไปเลยก็มี เพราะกลัวความผันผวนของตลาดหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก"นายพนุกร กล่าว
นายพนุกร กล่าวอีกว่า สำหรับตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าในระยะสั้นๆนี้อาจจะยังมีความผันผวนอยู่บ้าง แต่ในระยะยาวนั้นดัชนีตลาดหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ จากตัวเลขเศรษฐกิจของไตรมาส 2 ที่เริ่มทรงตัวอยู่ในขณะนี้
รวมไปถึงตัวเลขส่งออกที่ดีขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา และจากปัจจัยบวกต่างๆไม่ว่าจะเป็นผลกำไรในไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศออกมา โดยนักลงทุนส่วนใหญ่มองว่า เศรษฐกิจได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว และเริ่มมีการฟื้นตัวแล้ว แต่เป็นไปในรูปแบบที่ค่อยเป็นค่อยไปไม่เร็วนัก
สำหรับเซกเตอร์ที่น่าสนใจอยู่ในขณะนี้ ทางแมนูไลฟ์ยังคงให้น้ำหนักและความสนใจลงทุนในกลุ่มของธนาคารพาณิชย์เป็นหลัก เนื่องจากผลการดำเนินงานของไตรมาส 2 ที่ประกาศออกมานั้นมีผลกำไรเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าหุ้นกลุ่มนี้ยังคงไปได้ ขณะเดียวกัน พบว่าเอ็นพีแอลของแบงก์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างที่คิด อีกทั้งราคาหุ้นกลุ่มธนาคารในไทยยังถูกกว่าในภูมิภาคเดียวกันด้วย จึงถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก
ขณะที่หุ้นในกลุ่มพลังงาน ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มที่นักลงทุนให้ความสนใจมากนั้น ยังคงมีความผันผวนอย่างต่อเนื่องไปตามราคาน้ำมันในตลาดโลก
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นในช่วงนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนในการสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้ เนื่องจากว่าราคาหุ้นขณะนี้ถือว่ามีราคาไม่แพงนักเมื่อเทียบกับช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวแล้ว โดยราคาหุ้นจะสะท้อนถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้ปรับตัวไปก่อนเศรษฐกิจของประเทศที่เริ่มฟื้นตัวตาม
ขณะเดียวกัน จากการแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดเห็นด้านการลงทุนกับผู้จัดการกองทุนในเครือของแมนูไลฟ์ พบว่า ผู้จัดการกองทุนในประเทศต่างๆมีมุมมองที่ดีในการลงทุนในตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงการลงทุนในตลาดหุ้นไทยด้วย โดยผู้จัดการกองทุนมองถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจปัจจัยต่างๆที่จะเข้ามาช่วยให้เศรษฐกิจมีการฟื้นตัวได้เร็วกว่าภูมิภาคอื่น