บลจ. บีที แย้มปลายเดือนสิงหาคมนี้ เตรียมคลอดกองหุ้นเพิ่มอีก 1- 2 กองทุน เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มภูมิภาคอาเซียน เป็นหลัก ล่าสุด พอใจยอดจอง “บีที FIF โกลด์ลิงค์ ฟันด์ 5” ปิดไอพีโอระดมทุนได้กว่า 400 ล้านบาท
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป นักลงทุนจะเริ่มเห็นกองทุนใหม่ ๆ ของบริษัทเพิ่มมากขึ้น โดยในเดือนสิงหาคมนี้ช่วงปลายเดือนบริษัทมีแผนที่จะออกกองทุนหุ้นประมาณ 1- 2 กองทุน ซึ่งจะเป็นกองทุนหุ้นในกลุ่มของภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากมองว่าน่าจะไปได้ดี เพราะปัจจุบัน 5 กลุ่มหลักในแถบอาเซียน ไม่ว่าจะเป็น ประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฟิลลิปปินส์ เอง เป็น 5 ประเทศหลักๆ ที่ตลาดหุ้นมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังคงไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงเหมือนอย่างยุโรป และสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ ในช่วงเดือนกันยายน และเดือนตุลาคม นี้ บริษัทเตรียมออกกองทุนหุ้นในประเทศจีนและอินเดีย ต่อเนื่องทันที เพราะมองว่าสองประเทศดังกล่าวมีความน่าสนใจ และมีอนาคตในการเติบโตค่อนข้างสูง นอกจากนี้แล้วในเดือนพฤศจิกายน 2552 นี้ บริษัทเตรียมแผนที่จะออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์นี้ถือว่าเป็นกองที่ 2 ของทางบริษัท โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้เปิดขายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มนตรี 101 สโตเรจ ไปแล้ว
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทย จะเห็นได้ว่าแนวโน้มอยู่ในช่วงของการปรับฐานลง และไม่น่าจะหลุด 500 จุด ในไตรมาส 3 โดยยังมองเป้าหมายดัชนีสิ้นปีนี้แถว 650 จุด ทั้งนี้ ต้องรอผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่กองทุนหุ้นของบริษัทปัจจุบันถือเงินสด 70% รอจังหวะซื้อหุ้นเมื่อดัชนีอยู่แถว 550 จุด อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าหุ้นไทยและหุ้นในเอเชียจะมีสัดส่วนกลุ่มพลังงานอยู่ในตลาดค่อนข้างมาก เมื่อราคาน้ำมันลงจะถ่วงดัชนีหุ้นลงมา ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศเชื่อว่าในระยะสั้นจะส่งผลกระทบน้อย
นายอนุสรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายหลังจากที่บริษัทได้ทำการเปิดขายไอพีโอกองทุนรวมบีที FIF โกลด์ลิงค์ ฟันด์ 5 ไปเมื่อวันที่ 13 - 24 กรกฎาคม 2552 ที่ผ่านมา ปรากฏว่ากองทุนดังกล่าวสามารถระดมทุนได้กว่า 400 ล้านบาท ซึ่งบริษัทเองถือว่าประสบความสำเร็จตามที่ได้ตั้งเป้าไว้ โดยนักลงทุนที่เข้ามาส่วนใหญ่ จะเป็นนักลงทุนที่พลาดโอกาสจากพันธบัตรไทยเข้มแข็ง และกองทุนดังกล่าว ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่นักลงทุนได้
เนื่องจากว่ากองทุนดังกล่าว ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการเงินฝาก อีกทั้งกองทุนมีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากคุ้มครองเงินต้นและปิดความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปลงทุนในสกุลดอลลาร์สหรัฐ โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศของธนาคารพาณิชย์ 5 แห่ง ในต่างประเทศที่ได้รับอันดับความน่าเชื่อถือระดับ BBB+ ขึ้นไป โดยผลตอบแทนอ้างอิงกับราคาทองคำ