จากข้อมูลที่ศึกษาในต่างประเทศ พบว่าการแบ่งเงินลงทุนตามประเภทของหลักทรัพย์ต่างๆ (Asset Allocation) ให้ผลตอบแทนการลงทุนมากกว่าการตัดสินใจที่เลือกลงทุนในหลักทรัพย์แต่ละตัว (Stock Selection)
หนึ่งในเครื่องมือทางการเงินที่สำคัญที่สามารถช่วยให้การแบ่งเงินลงทุนตามประเภทของหลักทรัพย์ต่างๆ (Asset Allocation) เป็นไปได้อย่างง่ายและสะดวกก็คือ ETF เนื่องจากส่วนใหญ่ ETF จะอ้างอิงผลตอบแทนของดัชนีต่างๆ ตามหมวดของหลักทรัพย์ เช่น SPDRs (เรียกง่ายๆ ว่า Spider) ซึ่งเป็น ETF ที่อ้างอิงดัชนี S&P 500
ในต่างประเทศ ETF ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ทั้งจากนักลงทุนและผู้วางแผนทางการเงิน มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีรูปแบบให้เลือกลงทุนอย่างหลากหลาย สามารถนำไปประยุกต์ใช้สำหรับการแบ่งเงินลงทุนตามประเภทของหลักทรัพย์ต่างๆ (Asset Allocation) ได้เป็นอย่างดี โดยอาจแบ่งเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้
1)แบ่งตามประเภทของหลักทรัพย์ (Asset class)* เช่น ETF ที่อ้างอิงหุ้น (Equity ETF), ETF ที่อ้างอิงตราสารหนี้ (Bond ETF) หรือ ETF ที่อ้างอิงสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity ETF) เป็นต้น
2)แบ่งตามมูลค่าตลาด (Market Capitalization) หรือตามขนาดของหุ้น เช่น ETF ที่อ้างอิงหุ้นขนาดใหญ่ (Large Cap Stocks ETF), ETF ที่อ้างอิงหุ้นขนาดกลาง (Mid Cap Stocks ETF) หรือ ETF ที่อ้างอิงหุ้นขนาดเล็ก (Small Cap Stocks ETF)
3)แบ่งตามสไตล์การลงทุน เช่น ETF ที่อ้างอิงหุ้นที่มีการเติบโตสูง (Growth Stocks ETF) หรือ ETF ที่อ้างอิงหุ้นคุณค่า (Value Stocks ETF)
4)อื่นๆ เช่น ETF ที่อ้างอิงหมวดอุตสาหกรรม (Sector ETF) ETF ที่อ้างอิงต่างประเทศ (International ETF) เป็นต้น
ประเทศไทยเรามี ETF ที่อ้างอิงดัชนีพันธบัตรไทยคือ ABFTH และเรามี ETF ที่อ้างอิงผลตอบแทนของหุ้น คือ TDEX (ทีเด็กซ์) เป็น ETF ที่อ้างอิงหุ้นขนาดใหญ่ 50 ตัวที่อยู่ในดัชนีเซ็ท 50 และ ENGY ซึ่งจะอ้างอิงผลตอบแทนกับดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งพวกเราได้รู้จักกันเป็นอย่างดีแล้ว และในเร็วๆ นี้ เรากำลังจะมี ETF กองใหม่ ที่อ้างอิงดัชนี FTSE SET Large Cap ภายใต้ชื่อว่า TFTSE (ทีฟุตซี่) ซึ่งจะมาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการลงทุนในบ้านเรา
ในการลงทุนนั้น สิ่งที่เราต้องการคือผลตอบแทน และผลตอบแทนที่ว่านี้มาจากสองส่วนหลักๆ คือ ผลตอบแทนจากเงินปันผล และผลตอบแทนจากราคาที่เพิ่มขึ้น สิ่งที่เรามักนำมาประกอบในการพิจารณาตัดสินใจลงทุนก็คือความสามารถในการทำกำไร (Earning) มูลค่าทรัพย์สินสุทธิทางบัญชี (Book Value) และอัตราการจ่ายเงินปันผล (Dividend Yield) และเนื่องจาก TFTSE (ทีฟุตซี่) อยู่ในช่วงของการ IPO (20 – 27 กรกฎาคม 2552) และคาดว่าจะเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 5 สิงหาคม 2552 นี้ เราจึงควรมีข้อมูลพื้นฐานของหุ้น 30 ตัวที่อยู่ในดัชนี FTSE SET Large Cap สำหรับประกอบการพิจารณา
การที่นักลงทุนจะใช้ประโยชน์จาก ETF นั้น นักลงทุนควรรู้และเข้าใจว่า ETF จะให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีที่อ้างอิง และดัชนีที่ ETF อ้างอิงนั้นมีองค์ประกอบอะไรบ้าง เพื่อที่จะนำมาประยุกต์ใช้สำหรับการแบ่งเงินลงทุนตามประเภทของหลักทรัพย์ต่างๆ (Asset Allocation) เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับพอร์ตการลงทุนของท่านต่อไป
บทความโดย
สุริพล เข็มจินดา และ ชวลิต รุ่นเจริญ
บลจ. วรรณ จำกัด