ผู้จัดการกองทุนชี้ ผลประกอบการไตรมาส 2 ดีเกินคาด ส่งตลาดหุ้นแดนมะกันพุ่ง ระบุรอดูสถานการไตรมาส 3 ตัวชี้วัดสำคัญ หวั่นข่าวแบงก์ล้มละลาย ซ้ำเติมตลาดหุ้นอีกระรอก
นายอรุณศักดิ์ จรูญวงศ์นิรมล ผู้อำนวยการ ฝ่ายจัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอสซีบี ควอนท์ จำกัด (SCBQ) เปิดเผยว่า สถานการณ์ การลงทุนในสหรัฐอเมริกาขณะนี้ นักลงทุนยังคงตื่นเต้นกับผลประกอบการณ์ของไตรมาส 2 ที่ออกมาดีเกินกว่าที่ได้มีการคาดการณ์เอาไว้ โดยในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ได้มองว่าในไตรมาส 2 ผลประกอบการณ์จะออกมาแย่กว่า เนื่องจากในไตรมาส 1 นั้น ค่อนข้างแย่ แต่เมื่อผลการประกอบการณ์ออกมาดี ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นด้วย
สำหรับตัวชี้วัดที่สำคัญของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา จะเป็นตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้นในไตรมาส 3 มากกว่า โดยถ้าหากผลประกอบการออกมาดีนั้นหมายถึงเศรษฐกิจจะเริ่มกลับมาดีขี้นอย่างแท้จริง แต่ถ้าหากออกมาไม่ดีจะแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯยังคงย่ำแย่อยู่
"ช่วงนี้ความน่าสนใจลงทุนในสหรัฐอเมริกายังมีน้อยอยู่ เนื่องจากตลาดหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาในขณะนี้ มาจากการประกาศผลประกอบการณ์ของไตรมาส2ของบริษัทต่างๆในตลาดหุ้นออกมาดีเกินกว่าที่มีการคาดการณ์กันไว้ รวมไปถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในระยะยาวนั้น ยังมีแนวโน้มอ่อนค่าอีก โดยหากนักลงทุนเข้าไปลงทุนในช่วงนี้ ถึงแม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่หากค่าเงินยังอ่อนค่าลงจะทำให้นักลงทุนอาจจะขาดทุนจากอัตราการแลกเปลี่ยนได้"นายอรุณศักดิ์กล่าว
นางสาวสหัทยา สรรค์ประสิทธิ์ ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บลจ.วรรณ เปิดเผยว่า สำหรับแนวโน้มการลงทุนในสหรัฐอเมริกาในระยะสั้นนั้น นักลงทุนจะต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐเป็นหลัก หากตัวเลขต่างๆออกมาดีจะทำให้ตลาดหุ้นมีการปรับตัวลดลงหรือไม่จากการเทขายทำกำไรของนักลงทุน รวมไปถึงการที่มีข่าวออกมาถึงเรื่องที่ธนาคารในสหรัฐอเมริกากำลังจะล้มละลาย อาจจะส่งผลทางด้านจิตวิทยาต่อการลงทุนของนักลงทุน จนอาจทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลที่จะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นด้วย และอาจจะส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวดีขึ้นอย่างช้าๆ
ทั้งนี้ หากตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกามีการปรับตัวลดลง จะส่งผลกระทบต่อกองทุนรวม โดยทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุนรวมไปถึงมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนปรับตัวลดลงตามไปด้วย ขณะเดียวกันหากหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นขนาดของกองทุนก็จะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากกองทุนรวมของได้ลงทุนในตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาทำให้การขึ้นลงของหุ้นจึงส่งผลต่อกองทุนรวมทั้งสิ้น
"การลงทุนในช่วงนี้ อยากให้นักลงทุนรอดูสถานการณ์การลงทุนต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง เพื่อรอให้สถานการณ์มีความชัดเจนมากว่านนี้ เนื่องจากในขณะนี้ มีปัจจัยลบเข้ามาส่งผลให้ตลาดหุ้นมีการปรับตัวลดลง โดยนักลงทุนจะต้องรอดูค่าเงินดอลลาร์สหรัฐว่ามีทิศทางเป็นอย่างไร หากในระยะสั้นนั้นมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น นักลงทุนอาจจะมีการเทขายหุ้นเพื่อไปซื้อดอลลาร์ ในทางกลับกันหากค่าเงินอ่อนค่า นักลงทุนจะซื้อหุ้นแทน" นางสาวสหัทยากล่าว
สำหรับกองทุนเปิดวรรณ ยูเอส รีคอฟเวอรี่ออพพอร์ทูนิตี้ ฟันด์ (1US-OPP) ที่เน้นลงทุนในตราสารแห่งทุนที่อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะนี้ ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน ณ วันที่30 มิถุนายน 2552 พบว่ากองทุนมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 9.89% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 12.62% ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 9.91% ส่วนเกณฑ์มาตรฐานเท่ากับ 5.28% ด้านผลการดำเนินงานย้อนหลัง1ปีอยู่ที่ -39.04% และมีเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -28.39% ทั้งนี้ เกณฑ์มาตรฐานเปรียบเทียบกับค่าเฉลียของอัตราผลตอบแทนของ S&P 500 Index