นักวิเคราะกองทุนรวม เเนะนักลงทุนพักเงินในกองทุนรวมตลาดเงินก่อน พร้อมชะลอลงทุนในหุ้นเเละสินค้าคอมมอนิตี หลังนักลงทุนสถาบันปรับสัดส่วนลงทุนสินค้าเสี่ยงหุ้นเเเละสินค้าโภคภัณฑ์ลง ชู "จีน ใต้หวัน เกาหลีใต้" น่าลงทุนหลังผลประกอบการเเละตัวเลขทางเศรษฐกิจดีขึ้น
นางสาวศุภมาส พยัคฆพันธ์ Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจหรือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่อาจส่งผลต่อการจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในระยะนี้ เรามองว่าการลงทุนในหุ้นประเทศจีนยังน่าสนใจเนื่องจากมีเศรษฐกิจที่โดดเด่น อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของกลุ่มสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกา รวมทั้งแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศพัฒนาที่อาจมีรอบใหม่ยังเป็นประเด็นที่น่าจับตามมองและมองว่านักลงทุนสถาบันในช่วงนี้อาจมีการปรับลดสัดส่วนเงินลงทุนจากสินทรัพย์เสี่ยงประเภทหุ้น และสินค้าโภคภัณฑ์ลง และปรับเพิ่มสัดส่วนในเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริการวมทั้งพันธบัตรสหรัฐอเมริกามากขึ้น ดังนั้นในช่วงนี้เรายังแนะนำชะลอการลงทุนในหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์
สำหรับกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ในช่วงนี้ ยังน่าสนใจ สำหรับสถานการณ์ดอกเบี้ยต่ำที่คาดว่ายังมีต่อเนื่อง โดยผลตอบแทนสำหรับกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ปรับลดลงจาก 2.40%-2.50% เหลือ 2.20%-2.50%สำหรับระยะเวลา 6 เดือน และลดลงจาก 3.00%-3.20% เหลือ 2.75%-3.20%สำหรับระยะเวลา1ปี และสำหรับระยะเวลา 1 ปี 11 เดือนและ 2 ปีอยู่ที่ 3.75%-4.00%ลดลงจาก 4% ซึ่งบางฝ่ายมองว่าสามารถทดแทน หรือแข่งขันสำหรับพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งที่ออกมาในช่วงนี้จำนวน 5หมื่นล้านบาทที่มีระยะเวลาการลงทุน 5 ปี และผลตอบแทนเฉลียที่ 4%ในช่วงดังกล่าว
ขณะที่ภาวะตลาดสัปดาห์นี้ เรามองว่าจะเห็นความผันผวนเนื่องจากการออกขายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง และจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลดลงติดต่อกันหลายสัปดาห์ทำให้อาจเห็นการปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามปัจจัยที่ต้องจับตามองได้แก่ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินที่ยังคงอัตราดอกเบี้ย RP ไว้เท่าเดิมที่ 1.25% และการประกาศตัวเลขยอดค้าปลีก และตัวเลขทางเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ทั้งนี้เรายังมองแนวโน้มอัตราผลตอบแทนในทิศทางขาลง เนื่องจากภาพความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมีมากขึ้น จากการที่รัฐบาลสหรัฐฯเองยังมีแนวคิดแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่ 2
ส่วนดัชนีตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ยังปรับฐานในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่ประเทศจีน เกาหลีใต้ และไต้หวันยังคงปรับขึ้นหลังจากมีการปรับเพิ่มขึ้นสำหรับประมาณการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการในกลุ่มประเทศเหล่านี้ โดยนักวิเคราะห์มองว่าเศรษฐกิจกลุ่มนี้ฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาสสองเป็นต้นมา สำหรับเกาหลีใต้ยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ 2%เป็นเดือนที่ 5 ท่ามกลางสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อที่คงที่
ทั้งนี้ การที่ราคาทองคำปรับลดลง 2.2%ในสัปดาห์ที่ผ่านมามาปิดที่ 912.15 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อออนซ์ในวันที่ 10/7/52 ทำให้นักลงทุนเริ่มมีความสนใจน้อยลงในทองคำสำหรับแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยและเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อหลังจากราคาน้ำมันปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นักวิเคราะห์มองว่าแนวรับที่สำคัญต่อไปของราคาทองคำคือ 877 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อออนซ์
นางสาวศุภมาส พยัคฆพันธ์ Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจหรือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่อาจส่งผลต่อการจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในระยะนี้ เรามองว่าการลงทุนในหุ้นประเทศจีนยังน่าสนใจเนื่องจากมีเศรษฐกิจที่โดดเด่น อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของกลุ่มสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกา รวมทั้งแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศพัฒนาที่อาจมีรอบใหม่ยังเป็นประเด็นที่น่าจับตามมองและมองว่านักลงทุนสถาบันในช่วงนี้อาจมีการปรับลดสัดส่วนเงินลงทุนจากสินทรัพย์เสี่ยงประเภทหุ้น และสินค้าโภคภัณฑ์ลง และปรับเพิ่มสัดส่วนในเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริการวมทั้งพันธบัตรสหรัฐอเมริกามากขึ้น ดังนั้นในช่วงนี้เรายังแนะนำชะลอการลงทุนในหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์
สำหรับกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ในช่วงนี้ ยังน่าสนใจ สำหรับสถานการณ์ดอกเบี้ยต่ำที่คาดว่ายังมีต่อเนื่อง โดยผลตอบแทนสำหรับกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ปรับลดลงจาก 2.40%-2.50% เหลือ 2.20%-2.50%สำหรับระยะเวลา 6 เดือน และลดลงจาก 3.00%-3.20% เหลือ 2.75%-3.20%สำหรับระยะเวลา1ปี และสำหรับระยะเวลา 1 ปี 11 เดือนและ 2 ปีอยู่ที่ 3.75%-4.00%ลดลงจาก 4% ซึ่งบางฝ่ายมองว่าสามารถทดแทน หรือแข่งขันสำหรับพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งที่ออกมาในช่วงนี้จำนวน 5หมื่นล้านบาทที่มีระยะเวลาการลงทุน 5 ปี และผลตอบแทนเฉลียที่ 4%ในช่วงดังกล่าว
ขณะที่ภาวะตลาดสัปดาห์นี้ เรามองว่าจะเห็นความผันผวนเนื่องจากการออกขายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง และจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลดลงติดต่อกันหลายสัปดาห์ทำให้อาจเห็นการปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามปัจจัยที่ต้องจับตามองได้แก่ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินที่ยังคงอัตราดอกเบี้ย RP ไว้เท่าเดิมที่ 1.25% และการประกาศตัวเลขยอดค้าปลีก และตัวเลขทางเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ทั้งนี้เรายังมองแนวโน้มอัตราผลตอบแทนในทิศทางขาลง เนื่องจากภาพความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมีมากขึ้น จากการที่รัฐบาลสหรัฐฯเองยังมีแนวคิดแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่ 2
ส่วนดัชนีตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ยังปรับฐานในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่ประเทศจีน เกาหลีใต้ และไต้หวันยังคงปรับขึ้นหลังจากมีการปรับเพิ่มขึ้นสำหรับประมาณการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการในกลุ่มประเทศเหล่านี้ โดยนักวิเคราะห์มองว่าเศรษฐกิจกลุ่มนี้ฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาสสองเป็นต้นมา สำหรับเกาหลีใต้ยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ 2%เป็นเดือนที่ 5 ท่ามกลางสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อที่คงที่
ทั้งนี้ การที่ราคาทองคำปรับลดลง 2.2%ในสัปดาห์ที่ผ่านมามาปิดที่ 912.15 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อออนซ์ในวันที่ 10/7/52 ทำให้นักลงทุนเริ่มมีความสนใจน้อยลงในทองคำสำหรับแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยและเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อหลังจากราคาน้ำมันปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นักวิเคราะห์มองว่าแนวรับที่สำคัญต่อไปของราคาทองคำคือ 877 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อออนซ์