บลจ.ไทยพาณิชย์ เจาะกลุ่มลูกค้านิติบุคคล-SMEs ผุดกองทุน"ไทยพาณิชย์ตราสารรัฐตลาดเงิน" ให้เป็นแหล่งพักเงิน พร้อมเดินหน้าขายกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ต่อเนื่อง ล่าสุด ล็อกอายุ 1 ปี คาดให้ผลตอบแทนประมาณ 2.6% ต่อปี ไอพีโอถึง 20 ก.ค.นี้
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารรัฐตลาดเงิน (SCBTMF) มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท และไม่กำหนดอายุโครงการ โดยในช่วงแรกที่จัดตั้งกองทุนขึ้นมาจะเน้นขายให้แก่ลูกค้ากลุ่มบริษัทนิติบุคคล และธุรกิจขนาดกลางและย่อย (SMEs) ก่อนที่จะขายให้นักลงทุนรายย่อยในโอกาสต่อไป และจะเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่วันนี้ – 20 กรกฎาคม 2552 และมีมูลค่าเม็ดเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 5,000 บาท
ทั้งนี้ การออกกองทุนดังกล่าวมาเพื่อตอบโจทย์ตลาด และสอดคล้องกับความต้องการของแต่ละกลุ่มลูกค้า โดยเป็นการออกมารองรับลูกค้าในกลุ่มบริษัทนิติบุคคล ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งจะช่วยให้สามารถขออนุมัติจากคณะกรรมการลงทุนของบริษัทได้ง่ายขึ้น และจะมีนโยบายในการลงทุนใกล้เคียงกับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์สะสมทรัพย์ตราสารหนี้ (SCBSFF) ของบริษัท
นอกจากนี้ หากเปรียบเทียบไปแล้วกองทุนนี้จะมีลักษณะการลงทุนเช่นเดียวกับกองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) ของ บลจ.กสิกรไทย และกองทุนเปิดยูโอบี ชัวร์ เดลี (UOBSD) ของ บลจ.ยูโอบี (ไทย) เรียกได้ว่าเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund) อีกกองทุนที่เพิ่มขึ้นมานั่นเอง
นางโชติกา กล่าวว่า บริษัทยังได้เปิดขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ฟอร์เรน โนท 1Y24 (SCBFRN1Y24) มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท อายุโครงการไม่เกิน 1 ปี โดยจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น และเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรกตั้งแต่วันนี้ – 20 กรกฎาคม 2552 นี้ และมีมูลค่าเม็ดเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 10,000 บาท
อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนของกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ยังมีทิศทางไม่ชัดเจน ซึ่งในปัจจุบันภาวะศรษฐกิจของเกาหลีใต้เริ่มมีความเสี่ยงน้อยลง ส่งผลให้ภายหลังจากการสวอปค่าเงินกลับมาแล้วอัตราผลตอบแทนหายไปค่อนข้างมาก และทำให้เม็ดเงินหายไปมากด้วยเช่นกัน โดยคาดว่ากองทุน SCBFRN1Y24 จะสามารถให้อัตราผลตอบแทนประมาณ 2.6% ต่อปี
ส่วนการที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องนั้นมีผลต่อการออกกองทุนประเภทนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยบริษัทจะยังคงทยอยออกกองทุนประเภทนี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าอัตราผลตอบแทนโดยรวมแล้วยังดีกว่าอัตราดอกเบี้ยของการฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารรัฐตลาดเงิน (SCBTMF) มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท และไม่กำหนดอายุโครงการ โดยในช่วงแรกที่จัดตั้งกองทุนขึ้นมาจะเน้นขายให้แก่ลูกค้ากลุ่มบริษัทนิติบุคคล และธุรกิจขนาดกลางและย่อย (SMEs) ก่อนที่จะขายให้นักลงทุนรายย่อยในโอกาสต่อไป และจะเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่วันนี้ – 20 กรกฎาคม 2552 และมีมูลค่าเม็ดเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 5,000 บาท
ทั้งนี้ การออกกองทุนดังกล่าวมาเพื่อตอบโจทย์ตลาด และสอดคล้องกับความต้องการของแต่ละกลุ่มลูกค้า โดยเป็นการออกมารองรับลูกค้าในกลุ่มบริษัทนิติบุคคล ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งจะช่วยให้สามารถขออนุมัติจากคณะกรรมการลงทุนของบริษัทได้ง่ายขึ้น และจะมีนโยบายในการลงทุนใกล้เคียงกับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์สะสมทรัพย์ตราสารหนี้ (SCBSFF) ของบริษัท
นอกจากนี้ หากเปรียบเทียบไปแล้วกองทุนนี้จะมีลักษณะการลงทุนเช่นเดียวกับกองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) ของ บลจ.กสิกรไทย และกองทุนเปิดยูโอบี ชัวร์ เดลี (UOBSD) ของ บลจ.ยูโอบี (ไทย) เรียกได้ว่าเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund) อีกกองทุนที่เพิ่มขึ้นมานั่นเอง
นางโชติกา กล่าวว่า บริษัทยังได้เปิดขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ฟอร์เรน โนท 1Y24 (SCBFRN1Y24) มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท อายุโครงการไม่เกิน 1 ปี โดยจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น และเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรกตั้งแต่วันนี้ – 20 กรกฎาคม 2552 นี้ และมีมูลค่าเม็ดเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 10,000 บาท
อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนของกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ยังมีทิศทางไม่ชัดเจน ซึ่งในปัจจุบันภาวะศรษฐกิจของเกาหลีใต้เริ่มมีความเสี่ยงน้อยลง ส่งผลให้ภายหลังจากการสวอปค่าเงินกลับมาแล้วอัตราผลตอบแทนหายไปค่อนข้างมาก และทำให้เม็ดเงินหายไปมากด้วยเช่นกัน โดยคาดว่ากองทุน SCBFRN1Y24 จะสามารถให้อัตราผลตอบแทนประมาณ 2.6% ต่อปี
ส่วนการที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องนั้นมีผลต่อการออกกองทุนประเภทนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยบริษัทจะยังคงทยอยออกกองทุนประเภทนี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าอัตราผลตอบแทนโดยรวมแล้วยังดีกว่าอัตราดอกเบี้ยของการฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์