ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ.ไอเอ็นจี เปิดบริการเซฟวิ่งเเพลน ชูจุดเด่นโปรเเกรมช่วยลดความเสี่ยงเรื่องความผันผวนราคาหุ้นได้ ชี้ดีมาน์ลูกค้า ต้องการลงทุนกองทุนตราสารหนี้ยังมีมากไม่หวั่น"พันธบัตรไทยเข็มเเข็ง"เเย่งฐานลูกค้า
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตอนนี้บริษัทเปิดให้บริการโปรแกรมเซฟวิ่งแพลน หรือโปรแกรมออมต่อเนื่อง โดยให้ธนาคารที่ให้บริการดังกล่าวได้เเก่ ธนาคารทหารไทย ธนาคารนครหลวงไทย ธนาคารซีไอเอ็มบี ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย ธนาคารเอชเอสบีซี ธนาคารซิตี้เเบงก์เเละ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เป็นต้น ซึ่งสัดส่วนนักลงทุนที่เข้ามาใช้โปรเเกรมยังน้อยเพราะนักลงทุนยังไม่ค่อยเข้าใจโปรเเกรมการออมประเภทดังกล่าว
สำหรับโปรเเกรมเซฟวิ่งเเพลนนั้น เราจะใช้กับทุกกองทุนของบลจ. เพื่อให้เกิดประโยชน์กับผู้ลงทุนมากที่สุด ซึ่งการใช้โปรเเกรมดังกล่าวจะช่วยให้นักลงทุนได้ลงทุนเเบบเฉลี่ยราคาหรือ dollar cost average ซึ่งการลงทุนดังกล่าวเป็นการลงทุนที่จะช่วยลดความเสี่ยง จากการเข้าลงทุนไม่ถูกจังหวะเพราะต้นทุนถูกเฉลี่ยออกไป ช่วยลดโอกาสที่นักลงทุนจะเข้าไปลงทุนในช่วงที่ตลาดอยู่ในจุดสูงสุดได้ โดยนักลงทุนไม่จำเป็นที่จะต้องคาดเดาว่า ตอนนี้ตลาดอยู่ที่จุดต่ำสุดหรือจุดสูงสุดแล้วหรือไม่ และที่สำคัญไม่จำเป็นต้องอาศัยการวิเคราะห์เศรษฐกิจที่ซับซ้อน พร้อมทั้งเป็นการเสริมสร้างวินัยการลงทุนที่ดี เพราะนักลงทุนมักมีแนวโน้มที่จะลงทุนมากเกินไปในช่วงขาขึ้นและลังเลที่จะเข้าลงทุนในช่วงที่มีการปรับตัวลงการลงทุนอย่างต่อเนื่องจะช่วยลดข้อจำกัดในข้อนี้ได้อีกด้วย โดยกองทุนที่ทำเเล้วได้ผลที่สุดคือกองทุนที่ลงทุนในหุ้น
อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลออกพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ส่งผลกระทบกับกองทุนตราสารหนี้ของบลจ.เพียงเล็กน้อย ซึ่งกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นอาจจะได้รับผลกระทบในส่วนนี้ อย่างไรก็ตามเรามองว่านักลงทุนยังมีความต้องการที่จะลงทุนกองทุนตราสารหนี้ทำให้ทางบลจ.ไม่กลัวเรื่องการเเย่งส่วนเเบ่งทางการตลาด สำหรับกองทุนตราสารหนี้เกาหลีใต้นั้นเราก็ยังคงให้ความสำคัญกับการออกกองทุนดังกล่าวเช่นกัน โดยในเเต่ละเดือนนั้นจะมีกองทุนตราสารหนี้เกาหลีใต้อย่างน้อย 2 กองทุนให้ลูกค้าได้เลือกลงทุนอีกด้วย
นายจุมพล กล่าวอีกว่า สำหรับฐานลูกค้าใหม่ที่เข้ามาลงทุนกับบลจ.ไอเอ็นจี ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 15% เมื่อเทียบกับปี 2550 มีลูกค้าใหม่เข้ามาลงทุนประมาณ 20-25% โดยในครึ่งปีเเรกของปีนี้มีปัจจัยเรื่องของวิกฤติเศรษฐกิจ การเมือง เเละภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เป็นต้น ซึ่งช่วงเดือนที่เหลือต่อจากนี้ก็น่าจะมีฐานลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่มเนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น ทำให้นักลงทุนกล้าที่จะเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมมากขึ้น
นอกจากนี้ บลจ.กำลังอยู่ในช่วงเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย 3 เดือน โรล โอเว่อร์ A มีอายุโครงการ 3 เดือนให้ผลตอบเเทน 0.80- 0.90 % ต่อปี เปิดขายหน่วยลงทุนเเล้วตั้งเเต่วันนี้ถึง 7 กรกฎาคม 2552 ซึ่งกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนที่จะเน้นลงทุนแบบซื้อแล้วถือจนครบกำหนด (Buy and Hold) ในตราสารหนี้ที่ออก รับรอง รับอาวัล หรือค้ำประกันการจ่ายเงิน โดยสถาบันการเงิน ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ภาครัฐ ตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ตราสารหนี้ที่ออกโดยกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน รวมทั้งเงินฝาก
โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ซึ่งตราสารหนี้ที่ลงทุนจะมีกำหนดชำระคืนเมื่อทวงถาม หรือมีอายุคงเหลือของตราสารประมาณ 3 เดือน ทั้งนี้ตราสารหนี้ที่กองทุนลงทุนนั้น จะเป็นตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตต่ำเเละจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือตราสารหนี้ที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) หรือ (Credit Linked Note)
