บลจ. บีที เผยยังไม่เปลี่ยนชื่อตามแบงก์แม่ หลังได้ "ซีไอเอ็มบี" เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ระบุเล็งใช้ความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนในแถบอาเซียน เสนอกองทุนให้ลูกค้า พร้อมกางแผนครึ่งปีหลัง จ่อออกกองทุนใหม่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพิ่มทางเลือกนักลงทุน
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ซีไอเอ็มบีเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารไทยธนาคาร ส่งผลให้ธนาคารได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ไปแล้วนั้น อย่างไรก็ตามในส่วนของ บลจ. บีที เอง ยังคงไม่ได้มีนโยบายในการปรับเปลี่ยนชื่อในขณะนี้ ซึ่งยังคงใช้ บลจ. บีทีอยู่ แต่ในเรื่องของรูปแบบการทำงานนั้นเราคงจะมีการทำการร่วมกับซีไอเอ็มบีมากขึ้นเนื่องจากว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในแถบอาเซียน
ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน นี้เป็นต้นไป บริษัทจะมีกองทุนออกมาหลากหลายเพื่อให้นักลงทุนได้มีทางเลือกในการเลงทุนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในเดือนมิถุนายน นี้บริษัทเตรียมออกกองทุนใหม่ 4กองทุน ประกอบด้วย กองทุนรวมตลาดเงินหรือมันนี่มาร์เก็ต 1 กองทุน โดยสาเหตุที่ต้องกองทุนดังกล่าวนั้น เนื่องจากว่าปัจจุบันจะเห็นได้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำมาก ดังนั้น จึงต้องการออกกองทุนดังกล่าวเพื่อมาเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่ต้องการได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากธนาคาร และลูกค้าที่สามารถรับความเสี่ยงได้ไม่มากนักเนื่องจากว่ากองทุนประเภทดังกล่าวจะมีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำมาก
"ถึงแม้ว่ากองทุนมันนี่มาร์เก็ตจะเป็นกองทุนพื้นฐาน ที่หลาย ๆ บลจ. ต่างก็มีกันอยู่แล้ว และนักลงทุนอาจจะมองว่าไม่ค่อยน่าสนใจสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเทียบกันในขณะนี้นักลงทุนที่เป็นลูกค้าเงินฝากธนาคารเองที่ได้รับความเสี่ยงได้น้อยนั้น มีจำนวนมากที่กำลังหาช่องทางใหม่ ๆ ที่คล้าย ๆ กับการนำเงินไปฝากธนาคารแต่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากขณะนี้ไม่ค่อยน่าสนในใจเท่าที่ควร" นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนกองทุนที่ 2 จะเป็นกองทุนที่เน้นออกกองทุนรวมต่างประเทศ หรือ เอฟไอเอฟ ในสกุลเงินต่างประเทศ ที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ แต่ไม่ใช้กองทุนที่มีลงทุนในประเทศเกาหลี เนื่องจากว่ากองทุนที่มีนโยบายลงทุนในประเทศเกาหลีที่เปิดขายอยู่ในขณะนี้มีจำนวนที่มากพอแล้ว โดยกองทุนดังกล่าวกำลังอยู่ในะระหว่างการพิจารณาว่าจะลงทุนในประเทศใด
ขณะเดียวกองทุนที่ 3 ก็ยังคงเป็นกองทุนเอฟไอเอฟเช่นกัน โดยจะเน้นลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ในรูปแบบของสตัคเจอร์โน้ต เนื่องจากว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทมีความรู้และมีความสามารถในด้านการลงทุนในแถบอาเชียน ดังนั้น คาดว่ากองทุนดังกล่าวจะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนอย่างแน่นอน
ส่วนกองทุนสุดท้าย กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาระหว่างกองทุนหุ้นกับกองทุนรวมตราสารหนี้ในต่างประเทศ ซึ่งบริษัทกำลังดูถึงความเหมาะสมที่จะออกมาในช่วงขณะนี้ว่า 2 กองทุนดังกล่าวกองทุนใดจะเหมาะสมกับนักลงทุนมากที่สุดสภาวะการณ์ขณะนี้
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อไปว่า ตั้งแต่ครึ่งปีหลังนี้เป็นต้นไป บริษัทจะออกกองทุนใหม่ทุก ๆ เดือนอย่างสม่ำเสมอประมาณเดือนละ 1 - 2 กองทุน ไม่ว่าจะเป็นกองทุนในประเทศหรือต่างประเทศ ซึ่งถ้าเป็นกองทุนในต่างประเทศส่วนใหญ่แล้วคงเป็นการลงทุนในแถบอาเชียนเป็นหลัก เนื่องจากว่า ซีไอเอ็มบี เองต่างมีความรู้และความเชี่ยวชาญในด้านการลงทุนแถบอาเซียนเป็นพิเศษ เพราะเป็นแบงก์ของประเทศมาเลเซียที่ติดอันดับ 1 ใน 5 แถบเอเชีย ซึ่งจะส่งผลให้การลงทุนต่อไปข้างหน้าจะมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ซีไอเอ็มบีเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารไทยธนาคาร ส่งผลให้ธนาคารได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ไปแล้วนั้น อย่างไรก็ตามในส่วนของ บลจ. บีที เอง ยังคงไม่ได้มีนโยบายในการปรับเปลี่ยนชื่อในขณะนี้ ซึ่งยังคงใช้ บลจ. บีทีอยู่ แต่ในเรื่องของรูปแบบการทำงานนั้นเราคงจะมีการทำการร่วมกับซีไอเอ็มบีมากขึ้นเนื่องจากว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในแถบอาเซียน
ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน นี้เป็นต้นไป บริษัทจะมีกองทุนออกมาหลากหลายเพื่อให้นักลงทุนได้มีทางเลือกในการเลงทุนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในเดือนมิถุนายน นี้บริษัทเตรียมออกกองทุนใหม่ 4กองทุน ประกอบด้วย กองทุนรวมตลาดเงินหรือมันนี่มาร์เก็ต 1 กองทุน โดยสาเหตุที่ต้องกองทุนดังกล่าวนั้น เนื่องจากว่าปัจจุบันจะเห็นได้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำมาก ดังนั้น จึงต้องการออกกองทุนดังกล่าวเพื่อมาเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่ต้องการได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากธนาคาร และลูกค้าที่สามารถรับความเสี่ยงได้ไม่มากนักเนื่องจากว่ากองทุนประเภทดังกล่าวจะมีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำมาก
"ถึงแม้ว่ากองทุนมันนี่มาร์เก็ตจะเป็นกองทุนพื้นฐาน ที่หลาย ๆ บลจ. ต่างก็มีกันอยู่แล้ว และนักลงทุนอาจจะมองว่าไม่ค่อยน่าสนใจสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเทียบกันในขณะนี้นักลงทุนที่เป็นลูกค้าเงินฝากธนาคารเองที่ได้รับความเสี่ยงได้น้อยนั้น มีจำนวนมากที่กำลังหาช่องทางใหม่ ๆ ที่คล้าย ๆ กับการนำเงินไปฝากธนาคารแต่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากขณะนี้ไม่ค่อยน่าสนในใจเท่าที่ควร" นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนกองทุนที่ 2 จะเป็นกองทุนที่เน้นออกกองทุนรวมต่างประเทศ หรือ เอฟไอเอฟ ในสกุลเงินต่างประเทศ ที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ แต่ไม่ใช้กองทุนที่มีลงทุนในประเทศเกาหลี เนื่องจากว่ากองทุนที่มีนโยบายลงทุนในประเทศเกาหลีที่เปิดขายอยู่ในขณะนี้มีจำนวนที่มากพอแล้ว โดยกองทุนดังกล่าวกำลังอยู่ในะระหว่างการพิจารณาว่าจะลงทุนในประเทศใด
ขณะเดียวกองทุนที่ 3 ก็ยังคงเป็นกองทุนเอฟไอเอฟเช่นกัน โดยจะเน้นลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ในรูปแบบของสตัคเจอร์โน้ต เนื่องจากว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทมีความรู้และมีความสามารถในด้านการลงทุนในแถบอาเชียน ดังนั้น คาดว่ากองทุนดังกล่าวจะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนอย่างแน่นอน
ส่วนกองทุนสุดท้าย กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาระหว่างกองทุนหุ้นกับกองทุนรวมตราสารหนี้ในต่างประเทศ ซึ่งบริษัทกำลังดูถึงความเหมาะสมที่จะออกมาในช่วงขณะนี้ว่า 2 กองทุนดังกล่าวกองทุนใดจะเหมาะสมกับนักลงทุนมากที่สุดสภาวะการณ์ขณะนี้
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อไปว่า ตั้งแต่ครึ่งปีหลังนี้เป็นต้นไป บริษัทจะออกกองทุนใหม่ทุก ๆ เดือนอย่างสม่ำเสมอประมาณเดือนละ 1 - 2 กองทุน ไม่ว่าจะเป็นกองทุนในประเทศหรือต่างประเทศ ซึ่งถ้าเป็นกองทุนในต่างประเทศส่วนใหญ่แล้วคงเป็นการลงทุนในแถบอาเชียนเป็นหลัก เนื่องจากว่า ซีไอเอ็มบี เองต่างมีความรู้และความเชี่ยวชาญในด้านการลงทุนแถบอาเซียนเป็นพิเศษ เพราะเป็นแบงก์ของประเทศมาเลเซียที่ติดอันดับ 1 ใน 5 แถบเอเชีย ซึ่งจะส่งผลให้การลงทุนต่อไปข้างหน้าจะมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น