ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ. บีทีได้ฤกษ์ออกขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์ "101 มนตรี สโตรเร็จ" หลังสถานการณ์การเมืองสงบ เริ่มไอพีโอแล้ววันนี้ ถึง 26 มิถุนายนนี้ เผยครึ่งปีหลัง จ่อคิวกองทุนใหม่อีก 1 กองทุน
นายนกุล ไชยนิล ผู้จัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทมีแผนที่จะออกกองทุนเปิดอสังหาริมทรัพย์กองแรกของบริษัทในช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่ต้องมีการชะงักตัวลงเนื่องจากว่าต้องประสบกับปัญหาต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ จึงต้องชะลอตัวเพื่อรอดูสถานการณ์ที่เป็นอยู่ให้นิ่งเสียก่อนที่จะเปิดขายออกไป ล่าสุด เมื่อเล็งเห็นแล้วว่าภาครัฐเริ่มมีนโยบายการบริหารงานที่ชัดเจนมากขึ้น บริษัทจึงส่งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 101 มนตรี สโตรเร็จ เปิดไอพีโอทันที ซึ่งกองทุนดังกล่าวได้เปิดขายแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 26 มิถุนายน 2552 นี้
โดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในโกดังเก็บสินค้าแบบมีกรรมสิทธิ์ มูลค่ากองทุนประมาณ 603 ล้านบาท โดยโกดังตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 101 บนพื้นที่ราว 40 ไร่ ซึ่งถือว่าเป็นโกดังเก็บสินค้ากลางเมืองใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพ ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวจะเสนอผลตอบแทนที่รับประกันโดยธนาคารพาณิชย์ที่ร้อยละ 7.0 ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 ปี
"กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 101 มนตรี สโตรเร็จ ที่มีแผนจะออกขายตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่ชะลอตัวออกไป เนื่องจากประสบปัญหาหลาย ๆ อย่างทั้งภายในประเทศและต่างประเทศที่เข้ามารุมเร้า จนกระทั้งมาถึงขณะนี้ บริษัทเล็งเห็นแล้วสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศเองเริ่มนิ่งขึ้นบ้างแล้ว ส่งผลให้กองทุนอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทนั้นคาดว่าจะสามารถออกขายได้ในช่วงกลาง ถึงปลายเดือนนี้"นายนกุลกล่าว
ทั้งนี้ เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เพราะปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก มีการปรับลดลงจนนักลงทุนไม่ค่อยสนใจมากนัก ดังนั้น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่นักลงทุนจะสามารถเข้ามาลงทุนได้เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่ดี อีกทั้งยังเป็นการกระจายความเสี่ยงอีกด้วย
นายนกุล กล่าวต่ออีกว่า ในช่วงครึ่งหลังนี้บริษัทมีแผนที่ออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นอีก โดยบริษัทจะเน้นที่เซอร์วิ อพาร์ทเมนต์ บริเวณใจกลางกรุงเทพ, โรงแรมในจังหวัดท่องเที่ยวหลักของไทย เช่น กระบี่ สมุย ภูเก็ต พัทยา เป็นต้น
ทั้งนี้ ในปี 2552 นับได้ว่าเป็นปีทองของธุรกิจกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ก็ว่าได้ เนื่องจากผลตอบแทนตลาดหลักทรัพย์มีความผันผวน ตลาดตราสารหนี้มีอัตราผลตอบแทนอยู่ในระดับต่ำไม่จูงใจในการลงทุน ประกอบกับภาวการณ์ลงทุนในตราสารหนี้ในต่างประเทศ ถึงแม้ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าในประเทศ แต่ก็มีความเสี่ยงค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลงทุน ที่มีความเหมาะสมในช่วงเวลานี้ เพราะเป็นกองทุนที่สร้างผลตอบแทนเฉลี่ย ประมาณ 6 – 9% ต่อปี
นายนกุล กล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้าไปลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ต้องเข้าไปลงทุนในระยะยาวจึงจะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดี ดังนั้น ถ้านักลงทุนจะเลือกลงทุน น่าจะแบ่งเงินบางส่วนเพื่อเป็นการกระจายการลงทุนในอีกรูปแบบหนึ่งด้วย ซึ่งถ้าเทียบกับการลงทุนในหุ้นกู้บริษัทเอกชนที่ออกมาระยะเวลายาวเช่นเดียวกัน นักลงทุนบางรายอาจจะมองว่าสามารถให้ผลตอบแทนที่ดี แต่ความเสี่ยงก็ยังมีอยู่เมื่อเทียบกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากนักลงทุนอาจจะไม่ทราบ ว่าบริษัทที่เราเข้าไปลงทุนนั้นมีฐานะทางการเงินเป็นอย่างไร หรือมีความมั่นคงมากน้อยแค่ไหน และในอีก 5 ปีข้างหน้าทรัพย์สินของบริษัทที่ออกหุ้นกู้นั้นจะมีการเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร
นายนกุล ไชยนิล ผู้จัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทมีแผนที่จะออกกองทุนเปิดอสังหาริมทรัพย์กองแรกของบริษัทในช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่ต้องมีการชะงักตัวลงเนื่องจากว่าต้องประสบกับปัญหาต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ จึงต้องชะลอตัวเพื่อรอดูสถานการณ์ที่เป็นอยู่ให้นิ่งเสียก่อนที่จะเปิดขายออกไป ล่าสุด เมื่อเล็งเห็นแล้วว่าภาครัฐเริ่มมีนโยบายการบริหารงานที่ชัดเจนมากขึ้น บริษัทจึงส่งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 101 มนตรี สโตรเร็จ เปิดไอพีโอทันที ซึ่งกองทุนดังกล่าวได้เปิดขายแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 26 มิถุนายน 2552 นี้
โดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในโกดังเก็บสินค้าแบบมีกรรมสิทธิ์ มูลค่ากองทุนประมาณ 603 ล้านบาท โดยโกดังตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 101 บนพื้นที่ราว 40 ไร่ ซึ่งถือว่าเป็นโกดังเก็บสินค้ากลางเมืองใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพ ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวจะเสนอผลตอบแทนที่รับประกันโดยธนาคารพาณิชย์ที่ร้อยละ 7.0 ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 ปี
"กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 101 มนตรี สโตรเร็จ ที่มีแผนจะออกขายตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่ชะลอตัวออกไป เนื่องจากประสบปัญหาหลาย ๆ อย่างทั้งภายในประเทศและต่างประเทศที่เข้ามารุมเร้า จนกระทั้งมาถึงขณะนี้ บริษัทเล็งเห็นแล้วสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศเองเริ่มนิ่งขึ้นบ้างแล้ว ส่งผลให้กองทุนอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทนั้นคาดว่าจะสามารถออกขายได้ในช่วงกลาง ถึงปลายเดือนนี้"นายนกุลกล่าว
ทั้งนี้ เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เพราะปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก มีการปรับลดลงจนนักลงทุนไม่ค่อยสนใจมากนัก ดังนั้น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่นักลงทุนจะสามารถเข้ามาลงทุนได้เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่ดี อีกทั้งยังเป็นการกระจายความเสี่ยงอีกด้วย
นายนกุล กล่าวต่ออีกว่า ในช่วงครึ่งหลังนี้บริษัทมีแผนที่ออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นอีก โดยบริษัทจะเน้นที่เซอร์วิ อพาร์ทเมนต์ บริเวณใจกลางกรุงเทพ, โรงแรมในจังหวัดท่องเที่ยวหลักของไทย เช่น กระบี่ สมุย ภูเก็ต พัทยา เป็นต้น
ทั้งนี้ ในปี 2552 นับได้ว่าเป็นปีทองของธุรกิจกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ก็ว่าได้ เนื่องจากผลตอบแทนตลาดหลักทรัพย์มีความผันผวน ตลาดตราสารหนี้มีอัตราผลตอบแทนอยู่ในระดับต่ำไม่จูงใจในการลงทุน ประกอบกับภาวการณ์ลงทุนในตราสารหนี้ในต่างประเทศ ถึงแม้ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าในประเทศ แต่ก็มีความเสี่ยงค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลงทุน ที่มีความเหมาะสมในช่วงเวลานี้ เพราะเป็นกองทุนที่สร้างผลตอบแทนเฉลี่ย ประมาณ 6 – 9% ต่อปี
นายนกุล กล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้าไปลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ต้องเข้าไปลงทุนในระยะยาวจึงจะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดี ดังนั้น ถ้านักลงทุนจะเลือกลงทุน น่าจะแบ่งเงินบางส่วนเพื่อเป็นการกระจายการลงทุนในอีกรูปแบบหนึ่งด้วย ซึ่งถ้าเทียบกับการลงทุนในหุ้นกู้บริษัทเอกชนที่ออกมาระยะเวลายาวเช่นเดียวกัน นักลงทุนบางรายอาจจะมองว่าสามารถให้ผลตอบแทนที่ดี แต่ความเสี่ยงก็ยังมีอยู่เมื่อเทียบกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากนักลงทุนอาจจะไม่ทราบ ว่าบริษัทที่เราเข้าไปลงทุนนั้นมีฐานะทางการเงินเป็นอย่างไร หรือมีความมั่นคงมากน้อยแค่ไหน และในอีก 5 ปีข้างหน้าทรัพย์สินของบริษัทที่ออกหุ้นกู้นั้นจะมีการเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร