xs
xsm
sm
md
lg

ThaiBMAเนื้อหอมถึงเวียดนาม นั่งที่ปรึกษาสมาคมตราสารหนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ได้รับการคัดเลือกจาก IFC/World Bank ตั้งเป็นปรึกษาสมาคมตลาดตราสารหนี้เวียดนาม พร้อมใช้ ThaiBMA เป็นต้นแบบ รับหน้าที่ จัดทำแนวการทำธุรกรรมในตลาด และมาตรฐานในการคำนวณราคา ระบุอนาคตตราสารหนี้ในเวียดนาม มีโอกาสเติบโตสูงมาก เหตุการเมืองมีเสถียรภาพมากกว่า ไม่ห่วงเป็นคู่แข่งไทยในอนาคต

นายณัฐพล ชวลิตชีวิน กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยถึงการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในภูมิภาคอาเซียน ว่า ขณะนี้ทาง International Finance Corporation หรือ  IFC ได้ให้ความสำคัญและสนับสนุนในเรื่องของตลาดตราสารหนี้เป็นอย่างมาก และเนื่องจากทาง IFC ค่อนข้างจะชื่นชมรูปแบบและแนวทางในการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ของไทย ตลอดจนบทบาทของทาง ThaiBMA จึงได้มีการสนับสนุนให้ ThaiBMAช่วยเหลือและเป็นตัวอย่างให้กับประเทศอื่นๆในแถบนี้ด้วย โดยล่าสุด ทางสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ก็เพิ่งไปบรรยายให้แก่ผู้ร่วมในตลาดตราสารหนี้ของเวียดนามที่ระดมสมองเพื่อหารุปแบบในการจัดตั้ง สมาคมตลาดตราสารหนี้เวียดนาม หรือ VBMA เนื่องจากทาง IFC มองว่าเราเป็นหน่วยงาน SRO ที่เป็นสมาคมเอกชนที่เข้มแข็งและประสบความสำเร็จแห่งหนึ่งในภูมิภาคนี้ ซึ่งสามารถนำเอาประสบการณ์ของเราเป็นต้นแบบที่ดีให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านได้

 อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทาง World Bank และ IFC จะใช้การส่งผู้เชี่ยวชาญจากอเมริกาและยุโรปมาช่วยในการแนะนำและพัฒนา แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เพราะความแตกต่างในระดับของการพัฒนาทางการเงิน ในระยะหลังจึงเน้นการนำเอาประสบการณ์จากประเทศในภูมิภาคเดียวกัน มาช่วยเหลือประเทศที่มีระดับการพัฒนาด้อยกว่าแทน เนื่องจากมีสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกัน ทำให้ ThaiBMA จึงเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีอันหนึ่งในการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ของภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
 
ทั้งนี้ นอกจากการให้ความช่วยเหลือแนะนำ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้การสนับสนุนกับทางตลาดตราสารหนี้ของเวียดนามแล้ว ก่อนหน้านี้ เราก็ได้ให้การต้อนรับผู้แทนจากประเทศต่างๆที่เดินทางมาดูงานด้านการพัฒนาตลาดตราสารหนี้หลายประเทศทั้งในทวีปอัฟริกา เช่น แทนซาเนีย เคนยา อูกันดา รวมทั้งประเทศในเอเซียเช่นฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เป็นต้น

 "ตลาดตราสารหนี้ของเวียดนามมีโอกาสที่จะเติบโตได้มาก โดยปัจจุบันอยู่ที่สุดส่วนประมาณ 19% ของ GDP ซึ่งหากเทียบกับตลาดตราสารหนี้ของไทย ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 60% ของ GDP อาจจะยังดูว่าเล็กกว่า แต่หากมองในระยะยาว ในอีก 10 ปีข้างหน้า ตลาดตราสารหนี้ของเวียดนามอาจจะโตเท่าตลาดตราสารหนี้ของไทยก็ได้ เพราะความได้เปรียบของเวียดนามก็คือการมีสภาวะทางการเมืองที่นิ่งกว่าไทย และปัจจุบันการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเวียดนามเติบโตอย่างรวดเร็วทำให้มีความต้องการเงินทุนเป็นจำนวนมาก ต่างชาติเองให้ความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ"นายณัฐพลกล่าว

 นายณัฐพล กล่าวด้วยว่า ทางสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นที่ปรึกษาให้กับสมาคมตลาดตราสารหนี้ของเวียดนาม โดยเฉพาะบทบาทการเป็นตัวกลางระหว่างภาครัฐและเอกชน การสร้างมาตรฐานต่างๆที่จำเป็นต่อการทำธุรกรรมในตลาดตราสารหนี้เช่น Code of Conduct รวมทั้งในเรื่องของ Market Convention เพื่อเป็นมาตรฐานในการคำนวณราคาตราสารหนี้ให้ด้วยซึ่งบทบาทของการเป็นที่ปรึกษาให้กับสมาคมตลาดตราสารหนี้ของเวียดนามครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเผยแพร่ชื่อเสียงของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยแล้วยังเป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลกันระหว่างประเทศในภูมิภาคอีกด้วย
ทั้งนี้ ประเด็นที่มีความเป็นห่วงว่า หากตลาดตราสารหนี้เวียดนามเติบโตขึ้นมา จะกลายเป็นคู่แข่งของไทยหรือไม่ ในเรื่องของเงินลงทุนจากต่างประเทศ ประเด็นนี้ คงไม่ได้เป็นคู่แข่งแน่ เพราะปกติตลาดตราสารหนี้ของไทยต่างชาติเข้ามาลงทุนแค่ประมาณ 1% เท่านั้น ซึ่งในภูมิภาคนี้อินโดนีเซียมีต่างชาติเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้มากที่สุดคือประมาณ 15% เพราะนอกจากให้ผลตอบแทนสูงแล้วยังได้รับการการรันตีบางส่วนโดยสถาบันการเงินระหว่างประเทศด้วย ทำให้นักลงทุนไม่ห่วงเรื่อง Credit Risk ซึ่งต่างกับของเราที่ใช้เครดิตของประเทศเราเองคือBBB  ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่มีความเสี่ยงพอสมควรประกอบกับ ผลตอบแทนค่อนข้างต่ำ ความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติจึงไม่สูงนัก
กำลังโหลดความคิดเห็น