เซ็นทรัลพัฒนา ขยับเป้าเติบโตรายได้ปีนี้เกิน 25 % เหตุการเปิดศูนย์การค้าแห่งใหม่สร้างรายได้หนุน คาดผลงานไตรมาส 2 สวยกว่าไตรมาสแรก เล็งออกกองทุน CPNRF เพิ่มอีก 5-6 พันล้านบาท ขายนักลงทุนในประเทศ เล็งออกหุ้นกู้อีกกระลอก เผยสนลงทุนกองทุนรวมอสังหาฯ ในต่างประเทศ
นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ปรับเป้ารายได้ปีนี้โตไม่เกิน 25% จากปี 51 ที่มีรายได้ 9.84 พันล้านบาท เป็นขยายตัวเกิน 25% เนื่องจากมีการเปิดศูนย์การค้าใหม่ เช่น เซ็นทรัลชลบุรี เซ็นทรัลพัทยา เซ็นทรัลขอนแก่น จึงน่าจะทำให้มีรายได้เข้ามาเพิ่มเติม และคาดผลงานไตรมาส 2 จะออกมาดีกว่าไตรมาสแรกที่มีรายได้รวม 2.89 พันล้านบาท เพราะเริ่มรับรู้รายได้จากศูนย์การค้าเจริญศรีคอมเพล็กซ์ที่เพิ่งซื้อกิจการมา แต่ในส่วนของกำไรนั้นคงจะไม่สามารถตอบได้ เพราะบริษัทต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการเปิดศูนย์การค้าใหม่ ดอกเบี้ยจ่ายรวมทั้งค่าเสื่อมของศูนย์การค้าที่ซื้อมาด้วย
สำหรับงบลงทุนในปี 52 บริษัทวางไว้ 8,690 ล้านบาท เพื่อนำไปขยายธุรกิจและปรับปรุงศูนย์การค้า อาทิ ปิ่นเกล้า ลาดพร้าว โดยแหล่งเงินทุนมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานประมาณ 4,000 ล้านบาท และเงินกู้ยืมระยะยาวหรือ Projects Financeจากสถาบันการเงิน ประมาณ 4,500 ล้านบาท ซึ่งการกู้ยืมเงินครั้งนี้ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) เพิ่มขึ้นเป็น 1.00 เท่า จากเดิม 0.7-0.8 เท่า
ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีแผนจะเพิ่มขนาดกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF) อีกประมาณ 5-6 พันล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยจะนำสินทรัพย์เดิมเข้ามา อาทิ เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ซึ่งจะเสนอขายให้แก่นักลงทุนในประเทศจากเดิมที่วางไว้ว่าจะจำหน่ายให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
" เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว บริษัทฯ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนขายให้กับนักลงทุนในประเทศเท่านั้น ซึ่งหากบริษัทฯ ขยายกองทุนฯเสร็จสิ้นแล้ว ก็มีแนวคิดจะออกหุ้นกู้ในวงเงินที่เหลือที่ได้รับการอนุมัติจากบอร์ดอีก 5 พันล้านบาท หลังจากเมื่อเดือน พ.ค.51 บริษัทได้ออกหุ้นกู้ประเภทไม่มีหลักประกันอายุ 3-5 ปี ในวงเงิน 3 พันล้านบาทไปแล้ว เพื่อรีไฟแนนซ์หุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนดและใช้เป็นทุน ส่วนจะออกเท่าไหร่นั้นยังกำหนดไม่ได้ " นายนริศกล่าว
นอกจากนี้ CPN มีแผนที่จะไปลงทุนกองทุนรวมอสังหาฯ ที่มีสินทรัพย์อยู่ในต่างประเทศอีก 3 - 5 ปีข้างหน้า โดยเบื้องต้นอาจจะเข้าไปซื้อขายในตลาดหุ้นสิงคโปร์ เนื่องจากไม่สามารถซื้อขายในประเทศได้ เพราะผิดกฏของคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่ห้ามซื้อขายกองทุนที่มีสินทรัพย์ในต่างประเทศ ส่วนความคืบหน้าการเข้าไปเจรจากับต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศอินเดีย เวียดนาม และจีน ซึ่งพบว่าจีนมีความชัดเจนมากสุด
นายนริศกล่าวถึงโครงการเซ็นทรัลพลาซ่า ขอนแก่น ว่าขณะนี้ก่อสร้างและปล่อยให้เช่าพื้นที่ตามแผนที่กำหนดไว้ โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ธันวาคมนี้ ส่วนของเซ็นทรัลพลาซ่า ชลบุรีได้เปิดให้บริการไปแล้วเมื่อ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีอัตราการเช่าพื้นที่ ณ วันที่เปิดให้บริการอยู่ที่ 80% และคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีอัตราการเช่าพื้นที่อยู่ที่ 92% ส่วนการเข้าซื้อศูนย์การค้าเจริญศรีคอมเพล็กซ์ประกอบด้วยศูนย์การค้าที่มีพื้นที่ค้าปลีกประมาณ 8.6 หมื่นตารางเมตรและโรงแรมขนาด 255 ห้องพัก ซึ่งจะรับรู้รายได้ไตรมาส 2 ปีนี้เป็นต้นไป
นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ปรับเป้ารายได้ปีนี้โตไม่เกิน 25% จากปี 51 ที่มีรายได้ 9.84 พันล้านบาท เป็นขยายตัวเกิน 25% เนื่องจากมีการเปิดศูนย์การค้าใหม่ เช่น เซ็นทรัลชลบุรี เซ็นทรัลพัทยา เซ็นทรัลขอนแก่น จึงน่าจะทำให้มีรายได้เข้ามาเพิ่มเติม และคาดผลงานไตรมาส 2 จะออกมาดีกว่าไตรมาสแรกที่มีรายได้รวม 2.89 พันล้านบาท เพราะเริ่มรับรู้รายได้จากศูนย์การค้าเจริญศรีคอมเพล็กซ์ที่เพิ่งซื้อกิจการมา แต่ในส่วนของกำไรนั้นคงจะไม่สามารถตอบได้ เพราะบริษัทต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการเปิดศูนย์การค้าใหม่ ดอกเบี้ยจ่ายรวมทั้งค่าเสื่อมของศูนย์การค้าที่ซื้อมาด้วย
สำหรับงบลงทุนในปี 52 บริษัทวางไว้ 8,690 ล้านบาท เพื่อนำไปขยายธุรกิจและปรับปรุงศูนย์การค้า อาทิ ปิ่นเกล้า ลาดพร้าว โดยแหล่งเงินทุนมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานประมาณ 4,000 ล้านบาท และเงินกู้ยืมระยะยาวหรือ Projects Financeจากสถาบันการเงิน ประมาณ 4,500 ล้านบาท ซึ่งการกู้ยืมเงินครั้งนี้ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) เพิ่มขึ้นเป็น 1.00 เท่า จากเดิม 0.7-0.8 เท่า
ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีแผนจะเพิ่มขนาดกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF) อีกประมาณ 5-6 พันล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยจะนำสินทรัพย์เดิมเข้ามา อาทิ เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ซึ่งจะเสนอขายให้แก่นักลงทุนในประเทศจากเดิมที่วางไว้ว่าจะจำหน่ายให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
" เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว บริษัทฯ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนขายให้กับนักลงทุนในประเทศเท่านั้น ซึ่งหากบริษัทฯ ขยายกองทุนฯเสร็จสิ้นแล้ว ก็มีแนวคิดจะออกหุ้นกู้ในวงเงินที่เหลือที่ได้รับการอนุมัติจากบอร์ดอีก 5 พันล้านบาท หลังจากเมื่อเดือน พ.ค.51 บริษัทได้ออกหุ้นกู้ประเภทไม่มีหลักประกันอายุ 3-5 ปี ในวงเงิน 3 พันล้านบาทไปแล้ว เพื่อรีไฟแนนซ์หุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนดและใช้เป็นทุน ส่วนจะออกเท่าไหร่นั้นยังกำหนดไม่ได้ " นายนริศกล่าว
นอกจากนี้ CPN มีแผนที่จะไปลงทุนกองทุนรวมอสังหาฯ ที่มีสินทรัพย์อยู่ในต่างประเทศอีก 3 - 5 ปีข้างหน้า โดยเบื้องต้นอาจจะเข้าไปซื้อขายในตลาดหุ้นสิงคโปร์ เนื่องจากไม่สามารถซื้อขายในประเทศได้ เพราะผิดกฏของคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่ห้ามซื้อขายกองทุนที่มีสินทรัพย์ในต่างประเทศ ส่วนความคืบหน้าการเข้าไปเจรจากับต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศอินเดีย เวียดนาม และจีน ซึ่งพบว่าจีนมีความชัดเจนมากสุด
นายนริศกล่าวถึงโครงการเซ็นทรัลพลาซ่า ขอนแก่น ว่าขณะนี้ก่อสร้างและปล่อยให้เช่าพื้นที่ตามแผนที่กำหนดไว้ โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ธันวาคมนี้ ส่วนของเซ็นทรัลพลาซ่า ชลบุรีได้เปิดให้บริการไปแล้วเมื่อ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีอัตราการเช่าพื้นที่ ณ วันที่เปิดให้บริการอยู่ที่ 80% และคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีอัตราการเช่าพื้นที่อยู่ที่ 92% ส่วนการเข้าซื้อศูนย์การค้าเจริญศรีคอมเพล็กซ์ประกอบด้วยศูนย์การค้าที่มีพื้นที่ค้าปลีกประมาณ 8.6 หมื่นตารางเมตรและโรงแรมขนาด 255 ห้องพัก ซึ่งจะรับรู้รายได้ไตรมาส 2 ปีนี้เป็นต้นไป