เซ็นทรัลพัฒนา แจงผลโรดโชว์ที่อังกฤษร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ พบกองทุนต่างประเทศสนใจเข้าลงทุนอื้อ คงเป้ารายได้โต 25% จากปีก่อน 9.84 พันล้านบาท เดินหน้าขยายกอง CPNRF เพิ่มอีก 5-6 พันล้านบาทไตรมาส 4 ปีนี้ เผยอยู่ระหว่างประเมินผลกระทบต่อปริมาณผู้เข้าใช้บริการในห้าง หากรัฐบาลสั่งปิดอาจกระทบธุรกิจ
นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN เปิดเผยว่า จากการเดินทางไปโรดโชว์ร่วมกับทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษในช่วงที่ผ่านมากับผู้บริหารกองทุนต่างประเทศจำนวน 14 ราย พบว่ามีอยู่ 8 ราย ซึ่งเป็นกองทุนหน้าใหม่แสดงความสนใจเข้าร่วมลงทุนทั้งในหุ้นของบริษัทและกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF)
" ส่วนตัวมองการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพและเสถียรภาพของ CPN รวมทั้งราคาหลักทรัพย์ที่มีราคาค่อนข้างต่ำน่าจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กองทุนต่างประเทศสนใจเข้ามาลงทุนกับเราหลังจากได้พบปะพูดคุยกัน " นายนริศกล่าว
สำหรับแผนขยายกองทุน CPNRF เพิ่มอีก 5-6 พันล้านบาท ด้วยการนำพื้นที่บริเวณศูนย์การค้าเซ็นทรัลปิ่นเกล้ามาเป็นสินทรัพย์ในกอง ซึ่งจะเสนอขายเฉพาะนักลงทุนในประเทศยังคงเป็นกำหนดเดิมในช่วงไตรมาส 4/52 ปัจจุบันเหลือเพียงการรอประเมินราคาที่ดิน คาดว่าจะแล้วเสร็จสิ้นเดือนสิงหาคม 52 ขณะที่ปัจจุบันยังไม่มีแนวคิดการออกหุ้นกู้ (บอนด์) เพิ่มเติม จากที่เคยออกไปแล้วมูลค่ารวม 4.2 พันล้าน เพราะสภาพคล่องดีและยังไม่จำเป็นต้องใช้เงิน
ทั้งนี้ ผลประกอบการในปี 52 บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้ารายได้เติบโตประมาณ 25 % จากปีก่อนที่ 9.84 พันล้านบาท หลังจากเปิดศูนย์การค้าแห่งใหม่ในจังหวัดชลบุรีและพัทยา รวมทั้งเตรียมเปิดเพิ่มอีกในจังหวัดอุดรธานีในเดือนธันวาคมนี้ จากก่อนหน้านี้ที่มีแนวคิดจะปรับเป้ารายได้ดังกล่าว เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจยังทรงตัว
ขณะที่การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างประเมินผลกระทบในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งมองว่าหากรัฐบาลปิดแหล่งชุมนุมของประชาชนจำนวนมากอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณผู้เข้าใช้บริการในห้างสรรพสินค้า
ส่วนเรื่องการเช่าพื้นที่บริเวณสวนลุมพินี เพื่อสร้างศูนย์การค้าหรือโรงแรมขนาดใหญ่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการส่งมอบพื้นภายหลังติดปัญหาผู้เช่ารายเดิมไม่ยอมย้ายออกจากสถานที่ อย่างไรก็ดี คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปี 52 โดยลักษณะสัญญาเช่าเบื้องต้น 30 ปี นับจากวันที่ส่งมอบพื้นที่ และเมื่อหมดสัญญาก็จะดำเนินต่อแบบอัตโนมัติอีก 30 ปี ซึ่งแหล่งเงินทุนในโครงการส่วนดังกล่าวคงต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง
นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN เปิดเผยว่า จากการเดินทางไปโรดโชว์ร่วมกับทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษในช่วงที่ผ่านมากับผู้บริหารกองทุนต่างประเทศจำนวน 14 ราย พบว่ามีอยู่ 8 ราย ซึ่งเป็นกองทุนหน้าใหม่แสดงความสนใจเข้าร่วมลงทุนทั้งในหุ้นของบริษัทและกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF)
" ส่วนตัวมองการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพและเสถียรภาพของ CPN รวมทั้งราคาหลักทรัพย์ที่มีราคาค่อนข้างต่ำน่าจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กองทุนต่างประเทศสนใจเข้ามาลงทุนกับเราหลังจากได้พบปะพูดคุยกัน " นายนริศกล่าว
สำหรับแผนขยายกองทุน CPNRF เพิ่มอีก 5-6 พันล้านบาท ด้วยการนำพื้นที่บริเวณศูนย์การค้าเซ็นทรัลปิ่นเกล้ามาเป็นสินทรัพย์ในกอง ซึ่งจะเสนอขายเฉพาะนักลงทุนในประเทศยังคงเป็นกำหนดเดิมในช่วงไตรมาส 4/52 ปัจจุบันเหลือเพียงการรอประเมินราคาที่ดิน คาดว่าจะแล้วเสร็จสิ้นเดือนสิงหาคม 52 ขณะที่ปัจจุบันยังไม่มีแนวคิดการออกหุ้นกู้ (บอนด์) เพิ่มเติม จากที่เคยออกไปแล้วมูลค่ารวม 4.2 พันล้าน เพราะสภาพคล่องดีและยังไม่จำเป็นต้องใช้เงิน
ทั้งนี้ ผลประกอบการในปี 52 บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้ารายได้เติบโตประมาณ 25 % จากปีก่อนที่ 9.84 พันล้านบาท หลังจากเปิดศูนย์การค้าแห่งใหม่ในจังหวัดชลบุรีและพัทยา รวมทั้งเตรียมเปิดเพิ่มอีกในจังหวัดอุดรธานีในเดือนธันวาคมนี้ จากก่อนหน้านี้ที่มีแนวคิดจะปรับเป้ารายได้ดังกล่าว เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจยังทรงตัว
ขณะที่การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างประเมินผลกระทบในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งมองว่าหากรัฐบาลปิดแหล่งชุมนุมของประชาชนจำนวนมากอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณผู้เข้าใช้บริการในห้างสรรพสินค้า
ส่วนเรื่องการเช่าพื้นที่บริเวณสวนลุมพินี เพื่อสร้างศูนย์การค้าหรือโรงแรมขนาดใหญ่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการส่งมอบพื้นภายหลังติดปัญหาผู้เช่ารายเดิมไม่ยอมย้ายออกจากสถานที่ อย่างไรก็ดี คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปี 52 โดยลักษณะสัญญาเช่าเบื้องต้น 30 ปี นับจากวันที่ส่งมอบพื้นที่ และเมื่อหมดสัญญาก็จะดำเนินต่อแบบอัตโนมัติอีก 30 ปี ซึ่งแหล่งเงินทุนในโครงการส่วนดังกล่าวคงต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง