บลจ.วรรณ พลาดโอกาสกำไรหุ้น เผยพอร์ตลงทุนล่าสุดถือเงินสด 10% ฉุดผลตอบแทนต่ำกว่ากองทุนอื่น ระบุไม่กังวล เหตุรอซื้อของถูกรอบต่อไป พร้อมประเมินดัชนีหุ้นไทย P/E ปรับตัวขึ้นสูงกว่า 12 เท่า กระตุ้นการเทขายทำกำไร
นายชัยพฤกษ์ กุลกาญจนาธร ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า การปรับพอร์ตการลงทุนของกองทุนรวมหุ้นของบริษัทที่ผ่านมานั้น มีการนำหุ้นออกขายเพื่อถือทำกำไรให้นักลงทุน โดยขณะนี้ บริษัทมีเงินสดอยู่ในพอร์ตการลงทุนหุ้นถึง 10% ของพอร์ตการลงทุน โดยการปรับพอร์ตดังกล่าว บริษัทจะเน้นการซื้อขายหุ้นรายตัวมากกว่าการซื้อขายเป็นรายกลุ่ม ซึ่งจะทำให้สามารถเลือกหุ้นได้ตรงตามความต้องการและสถานการณ์ขณะนั้นได้
ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเหนือ 630 จุด อาจจะทำให้นักลงทุนมีการเทขายเพื่อทำกำไร และอาจจะทำให้คลาดหุ้นปรับตัวลดลงได้ การที่บริษัทมีการถือเงินสดถึง 10% ของพอร์ตการลงทุน เมื่อราคาหุ้นที่บริษัทมีความสนใจปรับตัวถูกลง บลจ.จะเข้าไปเก็บหุ้นเล่านั้นมาไว้ในพอร์ต เพื่อรอทำกำไรในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การที่กองทุนรวมหุ้นของบริษัท มีผลการดำเนินงานที่ไม่สูงเหมือนเช่นกองทุนรวมอื่นๆ เนื่องจากบริษัทมีการปรับพอร์ตการลงทุน โดยให้น้ำหนักในการถือเงินสดเพิ่มมากขึ้น ขณะที่บริษัทอื่นๆที่ผลการดำเนินงานสูงกว่า อาจจะเป็นเพราะบริษัทเหล่านั้นมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมากกว่าของบลจ.วรรณก็เป็นไปได้
"กลยุทธ์การลงทุนของเรา หากหุ้นขาลง เราก็ขายหุ้นตามสภาพความผันแปรของกิจกรรมทางธุรกิจที่ขึ้นลงเป็นช่วงๆแบบวัฏจักร (Cyclical fluctuation)ไปซื้อหุ้นบริษัทชั้นดีของตลาด (Defensive) เช่น หุ้นเทเลคอม หุ้นพาณิชย์ ในทางกลับกัน หากช่วงขาขึ้น เราจะขายหุ้น Defensive แล้วเข้าซื้อหุ้นที่มี Cyclical ดี เช่นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มแบงก์ แต่การลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์จะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้นๆมากกว่าดัชนีตลาดหุ้น"นายชัยพฤกษ์
นายชัยพฤกษ์ กล่าวอีกว่า การที่มีเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย ทำให้การคาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทยนั้นทำได้ยากมาก ว่าดัชนีตลาดหุ้นจะมีแนวโน้มเป็นเช่นไร จะปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลง แต่เมื่อมองปัจจัยพื้นฐานแล้วนำมาวิเคราะห์พบว่า ดัชนีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้ค่า P/E ปรับตัวขึ้นสูงกว่า 12 เท่า โดยค่า P/E ขณะนี้ ส่งผลให้นักลงทุนได้เทขายหุ้นออกเพื่อทำกำไร จึงอาจทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงได้
โดย ผู้จัดการกองทุน ได้เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 2552 ของกองทุนรวมตราสารทุนภายใต้การบริหารจัดการ พบว่า กองทุนรวมตราสารทุนจำนวนทั้งสิ้น 8 กองทุน พบว่า กองทุนเปิดเอกสินทวี มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 31.00% กองทุนเปิดวรรณพลัสวรรณ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 30.93% กองทุนเปิดธนาวรรณ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 30.85% กองทุนเปิดสหธนาคารเอกปันผล 3 มีซึ่งมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 30.78% กองทุนเปิดไซรัสโมเมนตัมฟันด์ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3เดือนอยู่ที่ 30.77%
กองทุนเปิดเอกทวีคูณ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3เดือนอยู่ที่ 30.49% กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มหุ้นคุณค่าปันผล มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 28.75% และกองทุนเปิดวรรณเอเอ็มเซ็ท 50 มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3เดือนอยู่ที่ 29.24%
ทั้งนี้ ผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงเวลาเดียวกัน ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 29.87%
นายชัยพฤกษ์ กุลกาญจนาธร ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า การปรับพอร์ตการลงทุนของกองทุนรวมหุ้นของบริษัทที่ผ่านมานั้น มีการนำหุ้นออกขายเพื่อถือทำกำไรให้นักลงทุน โดยขณะนี้ บริษัทมีเงินสดอยู่ในพอร์ตการลงทุนหุ้นถึง 10% ของพอร์ตการลงทุน โดยการปรับพอร์ตดังกล่าว บริษัทจะเน้นการซื้อขายหุ้นรายตัวมากกว่าการซื้อขายเป็นรายกลุ่ม ซึ่งจะทำให้สามารถเลือกหุ้นได้ตรงตามความต้องการและสถานการณ์ขณะนั้นได้
ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเหนือ 630 จุด อาจจะทำให้นักลงทุนมีการเทขายเพื่อทำกำไร และอาจจะทำให้คลาดหุ้นปรับตัวลดลงได้ การที่บริษัทมีการถือเงินสดถึง 10% ของพอร์ตการลงทุน เมื่อราคาหุ้นที่บริษัทมีความสนใจปรับตัวถูกลง บลจ.จะเข้าไปเก็บหุ้นเล่านั้นมาไว้ในพอร์ต เพื่อรอทำกำไรในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การที่กองทุนรวมหุ้นของบริษัท มีผลการดำเนินงานที่ไม่สูงเหมือนเช่นกองทุนรวมอื่นๆ เนื่องจากบริษัทมีการปรับพอร์ตการลงทุน โดยให้น้ำหนักในการถือเงินสดเพิ่มมากขึ้น ขณะที่บริษัทอื่นๆที่ผลการดำเนินงานสูงกว่า อาจจะเป็นเพราะบริษัทเหล่านั้นมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมากกว่าของบลจ.วรรณก็เป็นไปได้
"กลยุทธ์การลงทุนของเรา หากหุ้นขาลง เราก็ขายหุ้นตามสภาพความผันแปรของกิจกรรมทางธุรกิจที่ขึ้นลงเป็นช่วงๆแบบวัฏจักร (Cyclical fluctuation)ไปซื้อหุ้นบริษัทชั้นดีของตลาด (Defensive) เช่น หุ้นเทเลคอม หุ้นพาณิชย์ ในทางกลับกัน หากช่วงขาขึ้น เราจะขายหุ้น Defensive แล้วเข้าซื้อหุ้นที่มี Cyclical ดี เช่นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มแบงก์ แต่การลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์จะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้นๆมากกว่าดัชนีตลาดหุ้น"นายชัยพฤกษ์
นายชัยพฤกษ์ กล่าวอีกว่า การที่มีเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย ทำให้การคาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทยนั้นทำได้ยากมาก ว่าดัชนีตลาดหุ้นจะมีแนวโน้มเป็นเช่นไร จะปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลง แต่เมื่อมองปัจจัยพื้นฐานแล้วนำมาวิเคราะห์พบว่า ดัชนีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้ค่า P/E ปรับตัวขึ้นสูงกว่า 12 เท่า โดยค่า P/E ขณะนี้ ส่งผลให้นักลงทุนได้เทขายหุ้นออกเพื่อทำกำไร จึงอาจทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงได้
โดย ผู้จัดการกองทุน ได้เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 2552 ของกองทุนรวมตราสารทุนภายใต้การบริหารจัดการ พบว่า กองทุนรวมตราสารทุนจำนวนทั้งสิ้น 8 กองทุน พบว่า กองทุนเปิดเอกสินทวี มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 31.00% กองทุนเปิดวรรณพลัสวรรณ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 30.93% กองทุนเปิดธนาวรรณ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 30.85% กองทุนเปิดสหธนาคารเอกปันผล 3 มีซึ่งมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 30.78% กองทุนเปิดไซรัสโมเมนตัมฟันด์ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3เดือนอยู่ที่ 30.77%
กองทุนเปิดเอกทวีคูณ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3เดือนอยู่ที่ 30.49% กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มหุ้นคุณค่าปันผล มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 28.75% และกองทุนเปิดวรรณเอเอ็มเซ็ท 50 มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3เดือนอยู่ที่ 29.24%
ทั้งนี้ ผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงเวลาเดียวกัน ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 29.87%