การลงทุนรายเดือน (MIP) อาจเป็นกลยุทธ์ที่มีประโยชน์ต่อนักลงทุนในภาวะผันผวนของตลาดหุ้น
“การฝากเงินเพื่อการลงทุนทุกเดือนสร้างศักยภาพให้เงินทุนเติบโตขึ้น และเป็นวิธีลงทุนที่มีประสิทธิภาพมากกว่าวิธีลงทุนครั้งเดียวด้วยเงินก้อนใหญ่ เพราะการลงทุนทุกเดือนเฉลี่ยต้นทุนการลงทุนให้ลดลงได้” ปีเตอร์ เอลส์ตัน ผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การลงทุน ประจำทวีปเอเชีย จาก อเบอร์ดีน แอสเสท แมเนจเมนท์ เอเชีย ลิมิเต็ด
ระโยชน์ของแผนการลงทุนรายเดือน คือ วิธีการลงทุนที่คุณควบคุมได้ ...... ช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงความผิดพลาดจากการลงทุนได้หลายประการ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน
ในช่วงหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนต้องรับมือกับแรงกดดันทั้งจากผลขาดทุนในตลาดหุ้น และจากความไม่มั่นคงในหน้าที่การงาน แล้วทำอย่างไรนักลงทุนจึงคิดจะลงทุนในช่วงเวลาเช่นนี้ ในขณะที่ตลาดหุ้นตกลงไปมากกว่าครึ่ง และยังไม่แน่ว่าจะหยุดตกเมื่อไร?
คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าภาวะของตลาดหุ้นที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้ เป็นหนึ่งใน “ตลาดหมี” ครั้งที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ และมันอาจจะยืดเยื้อต่อไปอีกซักพักนึง แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนสามารถมั่นใจได้ คือ ตลาดหมีในครั้งนี้จะจบลงเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้
เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ตลาดหมีสิ้นสุดลง คุณคงไม่ต้องการเห็นเงินทั้งหมดของคุณฝากอยู่กับธนาคาร และไม่ได้นำไปใช้หาผลประโยชน์จากตลาดหุ้นในช่วงที่ตลาดเริ่มฟื้นตัวอีกครั้งซึ่งจะปรับขึ้นอย่างมากและด้วยความรวดเร็ว คุณจึงไม่ควรทำตามนักลงทุนที่เคยพลาดโอกาสในการลงทุนเช่นนี้มาก่อน
ณอาจบอกตัวเองว่าคุณยินดีที่จะรอไปก่อน ซึ่งเป็นธรรมดาของทุกคนหลังจากประสบกับภาวะตลาดหมีขั้นรุนแรงเช่นในปัจจุบัน ที่ทำให้ทุกคนต้องการหาที่ปลอดภัยมากกว่า แต่การพลาดโอกาสที่จะลงทุนในช่วงที่ตลาดเริ่มฟื้นตัวอาจส่งผลต่ออัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญได้
คล็ดลับอยู่ที่การไม่ใส่ใจกับความผันผวนของตลาด และยังคงลงทุนในตลาดหุ้นต่อไปอย่างมีวินัยและไม่เครียด
การนำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นทุกๆ เดือนจะทำให้จำนวนหุ้นที่ท่านมีค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละนิด และหากตลาดหุ้นปรับตัวลดลงในเดือนใดก็ตาม เงินลงทุนในเดือนนั้นจะสามารถซื้อหุ้นได้จำนวนมากขึ้น และหากตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น เงินที่ลงทุนในเดือนนั้นจะซื้อหุ้นได้จำนวนน้อยลง แต่มูลค่าหุ้นทั้งหมดในพอร์ตการลงทุนของคุณจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในเดือนนั้นด้วย
ระโยชน์ของแผนการลงทุนรายเดือนคือ วิธีการลงทุนที่คุณควบคุมได้ ดยคุณกำหนดจำนวนเงินที่จะลงทุนในแต่ละเดือนเท่าๆ กัน คุณเป็นผู้ตัดสินใจว่าคุณต้องการลงทุนอะไร และคุณสามารถหยุด หรือเริ่มลงทุนใหม่ได้ตลอดเวลา แม้ว่าแผนการลงทุนรายเดือนนี้จะไม่ใช่สูตรสำเร็จสำหรับนักลงทุน แต่สามารถช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงความผิดพลาดจากการลงทุนได้หลายประการ ซึ่งความผิดพลาดนี้อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน
“การลงทุนอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ (Dollar Cost Averaging)”
ในภาพรวมการลงทุนทำได้ในสองแนวทาง คือ แนวทางที่มีระบบ และแนวทางที่ไม่มีระบบ แนวทางที่มีระบบ คือการลงทุนตามแบบแผน และไม่ใช้อารมณ์หรือความรู้สึกในการตัดสินใจ คุณลงทุนในกองทุนด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันทุกๆ เดือน โดยไม่สนใจว่าตลาดจะอยู่ในภาวะใด และราคาของหน่วยลงทุนอยู่ที่เท่าไร
**หากราคาของกองทุนปรับลดลง คุณจะสามารถซื้อหน่วยลงทุนได้จำนวนมากขึ้น ในทางกลับกัน หากราคาของกองทุนปรับเพิ่มขึ้น คุณจะซื้อหน่วยลงทุนได้จำนวนน้อยลง วิธีการลงทุนเช่นนี้เรียกว่า “การลงทุนอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ (Dollar Cost Averaging)” **ซึ่งหมายความว่า ต้นทุนเฉลี่ยของหน่วยลงทุนทั้งหมดที่คุณซื้อมาในแต่ละเดือน จะน้อยกว่าวิธีการลงทุนที่นำเงินที่จ่ายไปทุกเดือนมารวมกันเพื่อซื้อหน่วยลงทุนในคราวเดียว หรือจะกล่าวได้ว่า หากราคาปรับตัวในลักษณะผันผวนเมื่อใด ท่านจะมีโอกาสซื้อหน่วยลงทุนได้มากขึ้นด้วยจำนวนเงินที่เท่ากัน
จากการติดตามสถิติที่ผ่านมายืนยันได้อย่างชัดเจนว่า ต้นทุนการซื้อหน่วยลงทุนลดลงได้ ด้วยแนวทางการลงทุนที่มีระบบ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง ดังจะเห็นจากตารางสถิติต่อไปนี้
เมื่ออารมณ์เป็นใหญ่
ทุกปี ดาลบาร์ อิงค์ จัดพิมพ์บทวิเคราะห์ผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนของการซื้อและขายกองทุนรวมของสหรัฐฯ แม้ว่าตัวเลขจะเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี แต่ผลลัพธ์ยังคงเหมือนเดิม คือ นักลงทุนส่วนใหญ่ได้รับผลตอบแทนที่ต่ำกว่าตัวเลขที่ประเมินได้จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของกองทุนรวมอย่างมีนัยสำคัญ
เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? คำตอบอยู่ที่จังหวะการเข้าลงทุนในตลาด เรามักจะสำคัญตนผิดว่าเราสามารถกะจังหวะที่เหมาะสมในการเข้าซื้อหรือขายหุ้นได้อย่างถูกเวลาเสมอ แต่ในความเป็นจริงแล้วโชคชะตา (ซึ่งมักจะเป็นโชคร้ายมากกว่าโชคดี) มีบทบาทสำคัญพอๆ กับความชำนาญ แม้ว่าคำแนะนำที่มีมานานจะฟังดูง่ายและมีเหตุผลชัดเจน คือให้เราซื้อเมื่อราคาถูกและขายเมื่อราคาขึ้น แต่พฤติกรรมที่ไม่เป็นระบบของเรา มักจะชักนำให้เราทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม
ดาลบาร์ แสดงข้อมูลว่าในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาจนถึง 31 ธันวาคม 2550 นักลงทุนในกองทุนหุ้นส่วนใหญ่ น่าจะได้รับอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีเพียง 4.5% ซึ่งต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนต่อปีของ S & P 500 กว่า 7% นอกจากนี้การลงทุนในกองทุนรวม 10,000 เหรียญสหรัฐฯ ในคราวเดียวในช่วงเวลา 20 ปี จะได้ผลตอบแทนทั้งหมดเพียง 14,011 เหรียญสหรัฐฯ เปรียบเทียบกับการลงทุนอย่างมีระบบ โดยแบ่งเงินลงทุน 10,000 เหรียญสหรัฐฯ เป็นงวดเท่ากันๆ เพื่อลงทุนทุกเดือนตลอดระยะเวลา 240 เดือน วิธีการนี้จะได้รับผลตอบแทนทั้งหมดสูงถึง 21,036 เหรียญสหรัฐฯ (โปรดดูกราฟ)
ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดที่ทำได้ง่ายๆคือการลงทุนเป็นประจำ และถือครองไว้ในระยะยาว
“การฝากเงินเพื่อการลงทุนทุกเดือนสร้างศักยภาพให้เงินทุนเติบโตขึ้น และเป็นวิธีลงทุนที่มีประสิทธิภาพมากกว่าวิธีลงทุนครั้งเดียวด้วยเงินก้อนใหญ่ เพราะการลงทุนทุกเดือนเฉลี่ยต้นทุนการลงทุนให้ลดลงได้” ปีเตอร์ เอลส์ตัน ผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การลงทุน ประจำทวีปเอเชีย จาก อเบอร์ดีน แอสเสท แมเนจเมนท์ เอเชีย ลิมิเต็ด
ระโยชน์ของแผนการลงทุนรายเดือน คือ วิธีการลงทุนที่คุณควบคุมได้ ...... ช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงความผิดพลาดจากการลงทุนได้หลายประการ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน
ในช่วงหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนต้องรับมือกับแรงกดดันทั้งจากผลขาดทุนในตลาดหุ้น และจากความไม่มั่นคงในหน้าที่การงาน แล้วทำอย่างไรนักลงทุนจึงคิดจะลงทุนในช่วงเวลาเช่นนี้ ในขณะที่ตลาดหุ้นตกลงไปมากกว่าครึ่ง และยังไม่แน่ว่าจะหยุดตกเมื่อไร?
คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าภาวะของตลาดหุ้นที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้ เป็นหนึ่งใน “ตลาดหมี” ครั้งที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ และมันอาจจะยืดเยื้อต่อไปอีกซักพักนึง แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนสามารถมั่นใจได้ คือ ตลาดหมีในครั้งนี้จะจบลงเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้
เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ตลาดหมีสิ้นสุดลง คุณคงไม่ต้องการเห็นเงินทั้งหมดของคุณฝากอยู่กับธนาคาร และไม่ได้นำไปใช้หาผลประโยชน์จากตลาดหุ้นในช่วงที่ตลาดเริ่มฟื้นตัวอีกครั้งซึ่งจะปรับขึ้นอย่างมากและด้วยความรวดเร็ว คุณจึงไม่ควรทำตามนักลงทุนที่เคยพลาดโอกาสในการลงทุนเช่นนี้มาก่อน
ณอาจบอกตัวเองว่าคุณยินดีที่จะรอไปก่อน ซึ่งเป็นธรรมดาของทุกคนหลังจากประสบกับภาวะตลาดหมีขั้นรุนแรงเช่นในปัจจุบัน ที่ทำให้ทุกคนต้องการหาที่ปลอดภัยมากกว่า แต่การพลาดโอกาสที่จะลงทุนในช่วงที่ตลาดเริ่มฟื้นตัวอาจส่งผลต่ออัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญได้
คล็ดลับอยู่ที่การไม่ใส่ใจกับความผันผวนของตลาด และยังคงลงทุนในตลาดหุ้นต่อไปอย่างมีวินัยและไม่เครียด
การนำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นทุกๆ เดือนจะทำให้จำนวนหุ้นที่ท่านมีค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละนิด และหากตลาดหุ้นปรับตัวลดลงในเดือนใดก็ตาม เงินลงทุนในเดือนนั้นจะสามารถซื้อหุ้นได้จำนวนมากขึ้น และหากตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น เงินที่ลงทุนในเดือนนั้นจะซื้อหุ้นได้จำนวนน้อยลง แต่มูลค่าหุ้นทั้งหมดในพอร์ตการลงทุนของคุณจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในเดือนนั้นด้วย
ระโยชน์ของแผนการลงทุนรายเดือนคือ วิธีการลงทุนที่คุณควบคุมได้ ดยคุณกำหนดจำนวนเงินที่จะลงทุนในแต่ละเดือนเท่าๆ กัน คุณเป็นผู้ตัดสินใจว่าคุณต้องการลงทุนอะไร และคุณสามารถหยุด หรือเริ่มลงทุนใหม่ได้ตลอดเวลา แม้ว่าแผนการลงทุนรายเดือนนี้จะไม่ใช่สูตรสำเร็จสำหรับนักลงทุน แต่สามารถช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงความผิดพลาดจากการลงทุนได้หลายประการ ซึ่งความผิดพลาดนี้อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน
“การลงทุนอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ (Dollar Cost Averaging)”
ในภาพรวมการลงทุนทำได้ในสองแนวทาง คือ แนวทางที่มีระบบ และแนวทางที่ไม่มีระบบ แนวทางที่มีระบบ คือการลงทุนตามแบบแผน และไม่ใช้อารมณ์หรือความรู้สึกในการตัดสินใจ คุณลงทุนในกองทุนด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันทุกๆ เดือน โดยไม่สนใจว่าตลาดจะอยู่ในภาวะใด และราคาของหน่วยลงทุนอยู่ที่เท่าไร
**หากราคาของกองทุนปรับลดลง คุณจะสามารถซื้อหน่วยลงทุนได้จำนวนมากขึ้น ในทางกลับกัน หากราคาของกองทุนปรับเพิ่มขึ้น คุณจะซื้อหน่วยลงทุนได้จำนวนน้อยลง วิธีการลงทุนเช่นนี้เรียกว่า “การลงทุนอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ (Dollar Cost Averaging)” **ซึ่งหมายความว่า ต้นทุนเฉลี่ยของหน่วยลงทุนทั้งหมดที่คุณซื้อมาในแต่ละเดือน จะน้อยกว่าวิธีการลงทุนที่นำเงินที่จ่ายไปทุกเดือนมารวมกันเพื่อซื้อหน่วยลงทุนในคราวเดียว หรือจะกล่าวได้ว่า หากราคาปรับตัวในลักษณะผันผวนเมื่อใด ท่านจะมีโอกาสซื้อหน่วยลงทุนได้มากขึ้นด้วยจำนวนเงินที่เท่ากัน
จากการติดตามสถิติที่ผ่านมายืนยันได้อย่างชัดเจนว่า ต้นทุนการซื้อหน่วยลงทุนลดลงได้ ด้วยแนวทางการลงทุนที่มีระบบ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง ดังจะเห็นจากตารางสถิติต่อไปนี้
เมื่ออารมณ์เป็นใหญ่
ทุกปี ดาลบาร์ อิงค์ จัดพิมพ์บทวิเคราะห์ผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนของการซื้อและขายกองทุนรวมของสหรัฐฯ แม้ว่าตัวเลขจะเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี แต่ผลลัพธ์ยังคงเหมือนเดิม คือ นักลงทุนส่วนใหญ่ได้รับผลตอบแทนที่ต่ำกว่าตัวเลขที่ประเมินได้จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของกองทุนรวมอย่างมีนัยสำคัญ
เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? คำตอบอยู่ที่จังหวะการเข้าลงทุนในตลาด เรามักจะสำคัญตนผิดว่าเราสามารถกะจังหวะที่เหมาะสมในการเข้าซื้อหรือขายหุ้นได้อย่างถูกเวลาเสมอ แต่ในความเป็นจริงแล้วโชคชะตา (ซึ่งมักจะเป็นโชคร้ายมากกว่าโชคดี) มีบทบาทสำคัญพอๆ กับความชำนาญ แม้ว่าคำแนะนำที่มีมานานจะฟังดูง่ายและมีเหตุผลชัดเจน คือให้เราซื้อเมื่อราคาถูกและขายเมื่อราคาขึ้น แต่พฤติกรรมที่ไม่เป็นระบบของเรา มักจะชักนำให้เราทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม
ดาลบาร์ แสดงข้อมูลว่าในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาจนถึง 31 ธันวาคม 2550 นักลงทุนในกองทุนหุ้นส่วนใหญ่ น่าจะได้รับอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีเพียง 4.5% ซึ่งต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนต่อปีของ S & P 500 กว่า 7% นอกจากนี้การลงทุนในกองทุนรวม 10,000 เหรียญสหรัฐฯ ในคราวเดียวในช่วงเวลา 20 ปี จะได้ผลตอบแทนทั้งหมดเพียง 14,011 เหรียญสหรัฐฯ เปรียบเทียบกับการลงทุนอย่างมีระบบ โดยแบ่งเงินลงทุน 10,000 เหรียญสหรัฐฯ เป็นงวดเท่ากันๆ เพื่อลงทุนทุกเดือนตลอดระยะเวลา 240 เดือน วิธีการนี้จะได้รับผลตอบแทนทั้งหมดสูงถึง 21,036 เหรียญสหรัฐฯ (โปรดดูกราฟ)
ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดที่ทำได้ง่ายๆคือการลงทุนเป็นประจำ และถือครองไว้ในระยะยาว