บลจ.วรรณลุ้นเศรษฐกิจมะกันฟื้นดันผลตอบแทนกอง"ยูเอส รีคอฟเวอรี่ออพพอร์ทูนิตี้ ฟันด์" พร้อมแนะนักลงทุนรอบคอบก่อนตัดสินใจ หวั่นแรงขายเทกำไร และตัวเลขเศรษฐกิจทรุด ฉุดดัชนีร่วงอีกครั้ง แต่เชื่อนักลงทุนบ้างส่วนมองระยะยาว ถือโอกาสลงทุนเพิ่มเพื่อซื้ออนาคตจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
นางสาวสหัทยา สรรค์ประสิทธิ์ ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า การที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในขณะนี้ มีความสอดคล้องกับตลาดหุ้นไทยอย่างมาก โดยดัชนีที่ปรับเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องอาจทำให้นักลงทุนมีการเทขายหน่วยลงทุนเพื่อทำกำไรระยะสั้น จึงมีโอกาสที่ดัชนีตลาดหุ้นจะปรับตัวลดลงได้
ทั้งนี้ หากตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆที่ประกาศออกมา แย่กว่าที่หลายฝ่ายได้คาดการณ์กันไว้ อาจส่งผลทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นทั้งในและต่างประเทศได้รับผลกระทบอีกระลอกหนึ่ง ดังนั้น นักลงทุนจึงจะต้องเพิ่มความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม การที่นักลงทุนบางกลุ่มถือโอกาสในการเข้ามาลงทุนในหุ้นในช่วงที่ดัชนีปรับตัวลดลงนั้น มองว่านักลงทุนเหล่านี้ ไม่ได้มองถึงปัจจัยลบและผลกระทบที่เกิดขึ้น แต่นักลงทุนได้มองข้ามไปยังอนาคตหรือซื้อเพื่ออนาคตมากกว่า
"การที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาอ่อนค่าอยู่ในขณะนี้มีส่วนให้ภาพรวมของเศรษฐกิจดีขึ้นบ้าง แต่สถานการณ์นี้ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลที่จะถือครองเงินสกุลดอลลาร์จากความด้วยค่าที่ลดลง จึงเปลี่ยนพฤติกรรมไปลงทุน โดยการกระจายการลงทุนไปยังตลาดอื่นๆ มากขึ้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงดังกล่าวจากการลงทุนเพียงตลาดเดียว"นางสาวสหัสยากล่าว
นางสาวสหัทยา กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามหากเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกายังประสบปัญหาอยู่ จะทำให้กองทุนรวมของเราที่ลงทุนในสหรัฐอเมริกาโดยตรงได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะกลุ่มการเงิน ที่ยังคงมีปัญหาอยู่ในขณะนี้ รวมไปถึงปัญหาเงินเฟ้อที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งไม่ได้เกิดมาจากดีมานด์ที่แท้จริง เกิดจากการนักลงทุนได้โยกเงินจากการลงทุนในพันธบัตรหรือธนาคารไปลงทุนยังสินค้าโภคภัณฑ์แทน ทำให้ดีมานด์ของกลุ่มโภคภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งดีมานด์เหล่านี่ไม่ได้เกิดจากการบริโภคสินค้า แต่เกิดจากการเก็งกำไรของนักลงทุน
ขณะเดียวกัน การที่อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ทำให้นักลงทุนกล้าที่จะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เนื่องจากผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับนั้นมีสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับ รวมไปถึงนักลงทุนมีการคาดหวังว่าเศรษฐกิจเริ่มมีการฟื้นตัว จึงหันมาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับกองทุนเปิดวรรณ ยูเอส รีคอฟเวอรี่ออพพอร์ทูนิตี้ ฟันด์(1US-OPP)เป็นกองทุนรวมผสมแบบไม่กำหนดสัดส่วนการลงทุนในตราสารแห่งทุนที่ลงทุนในต่างประเทศและมีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดยเน้นลงทุนในตราสารแห่งทุน ตราสารแห่งหนี้ เงินฝากและ/หรือ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ฯลฯ ในต่างประเทศรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยเน้นลงทุนในตราสารแห่งทุนที่อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งระดับราคาได้ปรับตัวลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตั้งแต่ร้อยละ0 ถึงร้อยละ 100 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ทั้งนี้ สัดส่วนการลงทุน ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบริษัทจัดการและตามความเหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ ฯลฯ
ในส่วนของผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน1US-OPP ณ วันที่ 2 มิถุนายน 2552 พบว่ากองทุนมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 54.61 % ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 38.2452% ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 21.11% ส่วนเกณฑ์มาตรฐานเท่ากับ 11.7744% ด้านผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 18.21% และมีเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 4.5934% ทั้งนี้เกณฑ์มาตรฐานเปรียบเทียบกับค่าเฉลียของอัตราผลตอบแทนของ S&P 500 Index
อย่างไรก็ตาม แม้ที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาจะประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจจนส่งผลกระทบไปยังหลายๆประเทศทั่วโลก ก็ไม่ได้ทำให้นักลงทุนที่ลงทุนกับกองทุน 1US-OPP ไถ่ถอนหน่วยลงทุนออกจากกองทุนมากนัก โดยยังคงมีนักลงทุนที่ไม่กลัวความเสี่ยงกล้าที่จะกลับเข้ามาลงทุน จึงทำให้ขนาดของกองทุน1US-OPP โตขึ้นมา ถึงแม้ว่าไม่มากนักก็ตาม แต่จากการที่ขนาดของกองทุนเพิ่มขึ้นได้สะท้อนถึงนักลงทุนที่จับจังหวะการลงทุนหรือรอการทำกำไรในระยะยาว อีกทั้งนักลงทุนนั้นชอบการลงทุนที่ไม่เหมือนกันด้วย
นางสาวสหัทยา สรรค์ประสิทธิ์ ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า การที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในขณะนี้ มีความสอดคล้องกับตลาดหุ้นไทยอย่างมาก โดยดัชนีที่ปรับเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องอาจทำให้นักลงทุนมีการเทขายหน่วยลงทุนเพื่อทำกำไรระยะสั้น จึงมีโอกาสที่ดัชนีตลาดหุ้นจะปรับตัวลดลงได้
ทั้งนี้ หากตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆที่ประกาศออกมา แย่กว่าที่หลายฝ่ายได้คาดการณ์กันไว้ อาจส่งผลทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นทั้งในและต่างประเทศได้รับผลกระทบอีกระลอกหนึ่ง ดังนั้น นักลงทุนจึงจะต้องเพิ่มความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม การที่นักลงทุนบางกลุ่มถือโอกาสในการเข้ามาลงทุนในหุ้นในช่วงที่ดัชนีปรับตัวลดลงนั้น มองว่านักลงทุนเหล่านี้ ไม่ได้มองถึงปัจจัยลบและผลกระทบที่เกิดขึ้น แต่นักลงทุนได้มองข้ามไปยังอนาคตหรือซื้อเพื่ออนาคตมากกว่า
"การที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาอ่อนค่าอยู่ในขณะนี้มีส่วนให้ภาพรวมของเศรษฐกิจดีขึ้นบ้าง แต่สถานการณ์นี้ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลที่จะถือครองเงินสกุลดอลลาร์จากความด้วยค่าที่ลดลง จึงเปลี่ยนพฤติกรรมไปลงทุน โดยการกระจายการลงทุนไปยังตลาดอื่นๆ มากขึ้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงดังกล่าวจากการลงทุนเพียงตลาดเดียว"นางสาวสหัสยากล่าว
นางสาวสหัทยา กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามหากเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกายังประสบปัญหาอยู่ จะทำให้กองทุนรวมของเราที่ลงทุนในสหรัฐอเมริกาโดยตรงได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะกลุ่มการเงิน ที่ยังคงมีปัญหาอยู่ในขณะนี้ รวมไปถึงปัญหาเงินเฟ้อที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งไม่ได้เกิดมาจากดีมานด์ที่แท้จริง เกิดจากการนักลงทุนได้โยกเงินจากการลงทุนในพันธบัตรหรือธนาคารไปลงทุนยังสินค้าโภคภัณฑ์แทน ทำให้ดีมานด์ของกลุ่มโภคภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งดีมานด์เหล่านี่ไม่ได้เกิดจากการบริโภคสินค้า แต่เกิดจากการเก็งกำไรของนักลงทุน
ขณะเดียวกัน การที่อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ทำให้นักลงทุนกล้าที่จะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เนื่องจากผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับนั้นมีสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับ รวมไปถึงนักลงทุนมีการคาดหวังว่าเศรษฐกิจเริ่มมีการฟื้นตัว จึงหันมาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับกองทุนเปิดวรรณ ยูเอส รีคอฟเวอรี่ออพพอร์ทูนิตี้ ฟันด์(1US-OPP)เป็นกองทุนรวมผสมแบบไม่กำหนดสัดส่วนการลงทุนในตราสารแห่งทุนที่ลงทุนในต่างประเทศและมีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดยเน้นลงทุนในตราสารแห่งทุน ตราสารแห่งหนี้ เงินฝากและ/หรือ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ฯลฯ ในต่างประเทศรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยเน้นลงทุนในตราสารแห่งทุนที่อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งระดับราคาได้ปรับตัวลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตั้งแต่ร้อยละ0 ถึงร้อยละ 100 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ทั้งนี้ สัดส่วนการลงทุน ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบริษัทจัดการและตามความเหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ ฯลฯ
ในส่วนของผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน1US-OPP ณ วันที่ 2 มิถุนายน 2552 พบว่ากองทุนมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 54.61 % ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 38.2452% ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 21.11% ส่วนเกณฑ์มาตรฐานเท่ากับ 11.7744% ด้านผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 18.21% และมีเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 4.5934% ทั้งนี้เกณฑ์มาตรฐานเปรียบเทียบกับค่าเฉลียของอัตราผลตอบแทนของ S&P 500 Index
อย่างไรก็ตาม แม้ที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาจะประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจจนส่งผลกระทบไปยังหลายๆประเทศทั่วโลก ก็ไม่ได้ทำให้นักลงทุนที่ลงทุนกับกองทุน 1US-OPP ไถ่ถอนหน่วยลงทุนออกจากกองทุนมากนัก โดยยังคงมีนักลงทุนที่ไม่กลัวความเสี่ยงกล้าที่จะกลับเข้ามาลงทุน จึงทำให้ขนาดของกองทุน1US-OPP โตขึ้นมา ถึงแม้ว่าไม่มากนักก็ตาม แต่จากการที่ขนาดของกองทุนเพิ่มขึ้นได้สะท้อนถึงนักลงทุนที่จับจังหวะการลงทุนหรือรอการทำกำไรในระยะยาว อีกทั้งนักลงทุนนั้นชอบการลงทุนที่ไม่เหมือนกันด้วย
