บลจ.เอ็มเอฟซี เดินหน้าสานต่อ "ทาร์เกตฟันด์" จ่อคิวตั้งกองใหม่ ลุย "น้ำมัน-บริค" หลัง 2 กองทุนก่อนหน้านี้ เข้าเป้าหมายก่อนกำหนด จากการจับจังหวะลงทุนได้ถูกต้อง มั่นใจ ยังมีโมเมนตัมลงทุนได้ ราคาไม่สูงเกินไป ชี้เป็นการเล่นรอบ รับโอกาสเศรษฐกิจฟื้นตัว
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนมิถุนายนและเดือนกรกฎาคม บริษัทจะเสนอขายกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ต่อเนื่อง หลังจากในช่วงก่อนหน้านี้ ประสบความสำเร็จไปถึง 2 กองทุนในเวลาใกล้เคียงกัน นั่นคือ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล ออยล์ ฟิฟทีน ซีรี่ส์ 1 หรือ I-OIL 15S1 และกองทุนรวมเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล บริค รีคัฟเวอรี่ หรือ I-BRIC Recovery โดยกองทุนใหม่ที่จะออกดังกล่าว เป็นกองทุนต่อเนื่องจาก 2 กองทุนที่ประสบความสำเร็จ สามารถคืนผลตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยได้ก่อนครบอายุกองทุน
โดยในสัปดาห์นี้ คาดว่าจะสามารถออกกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ที่ลงทุนในน้ำมันได้ก่อน ซึ่งในเบื้องต้นจะตั้งเป้าหมายสร้างผลตอบแทนเพียง 10% เท่านั้น เนื่องจากเราต้องการให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนเร็วขึ้น ในขณะที่กองทุนที่ลงทุนในหุ้นกลุ่ม บริค ซึ่งประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดียและจีน คาดว่าจะเปิดขายหน่วยลงทุนได้ในช่วงเดือนกรฎาคม แต่คงต้องรอดูจังหวะที่เหมาะสมอีกครั้ง
ทั้งนี้ มองว่าทั้ง 2 แอสเซทคลาส ยังมีโมเมนตัมให้ลงทุนอยู่ เพราะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการฟื้นตัว ซึ่งการที่ตลาดหุ้นในกลุ่มบริคเองเป็นตลาดเกิดใหม่ ดังนั้น จึงน่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ก่อนตลาดอื่นๆ อย่างไรก็ตาม การที่ตัวเลขพื้นฐานต่างๆ หยุดนิ่งไม่แย่ไปกว่าเดิม ทั้งตัวเลขการว่างงานในสหรัฐ ดัชนีภาคการผลิต ไม่ได้แปลว่าทุกอย่างดีขึ้นแล้ว เพราะถือเป็นเพียงปัจจัยบวกเพียงจุดเล็กๆ เท่านั้น ประกอบกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเฟดที่มีสัญญาณว่าจะขยับขึ้น รวมถึงการคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทั่วโลกของนักวิเคราะห์ที่ระบุว่า จะไม่เห็นการลดลงแล้ว ซึ่งต่างจากช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาที่มีการวิเคราะห์ว่าจะยังเห็นการลดลงอยู่ โดยปัจจัยบวกทั้งหมดดังกล่าว ทำให้นักลงทุนส่วนหนึ่งมองว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้
"ตอนนี้ ความกลัวของนักลงทุนทั่วโลกลดลง ซึ่งก่อนหน้านี้ คนที่กลัวส่วนใหญ่จะเอาเงินเข้าสหรัฐฯ แต่หลังจากความกลัวเริ่มลดลงแล้ว ทำให้คนเหล่านี้มองหาช่องทางการลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนที่ดีขึ้น ซึ่งตอนนี้เป็นช่วงของการเริ่มต้นกระจายเงินออกมาเท่านั้น"นายพิชิตกล่าว
นายพิชิตกล่าวว่า สำหรับบรรยากาศการลงทุนในตอนนี้ มองว่ายังไม่สายจนเกินไปที่จะออกกองทุนที่มีการกำหนดเป้าหมายอย่าง กองทุนทาร์เก็ตฟันด์เพื่อไปลงทุนในหุ้นกลุ่มบริคและน้ำมัน ซึ่งมีโอกาสได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยหุ้นกลุ่มบริคเอง จะได้อานิสงส์จากรัสเซียและบราซิล ซึ่งได้ประโยชน์จากราคาน้ำมัน ในขณะที่จีนและอินเดีย จะได้ประโยชน์จากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการบริโภคในประเทศ ส่วนประเด็นของน้ำมัน มีความผูกพันกับการฟื้นตัวเช่นกัน เพราะเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว สินค้าโภคภัณฑ์ (คอมมอดิตี) ก้อฟื้นตัวตามไปด้วย นอกจากนี้ ยังจะได้ประโยชน์จากความต้อวการที่เพิ่มขึ้น เพื่อนนำไปใช้ในการลงทุนพัฒนาประเทศมากขึ้นด้วย
"ภาพรวมตอนนี้ยังไม่สายเกินไป หรือแพงเกินไปที่จะเข้าไปลงทุน เพราะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการฟื้นตัวเท่านั้น โดยการหาผลตอบแทนในรอบที่ผ่านมา เป็นการหาประโยชน์จากความผิดปกติของราคาที่ปรับลดลงไปต่ำกว่าที่ควรจะเป็น แต่ในรอบนี้ เป็นการหาประโยชนจากความคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวต่อเนื่อง"นายพิชิตกล่าว
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนมิถุนายนและเดือนกรกฎาคม บริษัทจะเสนอขายกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ต่อเนื่อง หลังจากในช่วงก่อนหน้านี้ ประสบความสำเร็จไปถึง 2 กองทุนในเวลาใกล้เคียงกัน นั่นคือ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล ออยล์ ฟิฟทีน ซีรี่ส์ 1 หรือ I-OIL 15S1 และกองทุนรวมเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล บริค รีคัฟเวอรี่ หรือ I-BRIC Recovery โดยกองทุนใหม่ที่จะออกดังกล่าว เป็นกองทุนต่อเนื่องจาก 2 กองทุนที่ประสบความสำเร็จ สามารถคืนผลตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยได้ก่อนครบอายุกองทุน
โดยในสัปดาห์นี้ คาดว่าจะสามารถออกกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ที่ลงทุนในน้ำมันได้ก่อน ซึ่งในเบื้องต้นจะตั้งเป้าหมายสร้างผลตอบแทนเพียง 10% เท่านั้น เนื่องจากเราต้องการให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนเร็วขึ้น ในขณะที่กองทุนที่ลงทุนในหุ้นกลุ่ม บริค ซึ่งประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดียและจีน คาดว่าจะเปิดขายหน่วยลงทุนได้ในช่วงเดือนกรฎาคม แต่คงต้องรอดูจังหวะที่เหมาะสมอีกครั้ง
ทั้งนี้ มองว่าทั้ง 2 แอสเซทคลาส ยังมีโมเมนตัมให้ลงทุนอยู่ เพราะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการฟื้นตัว ซึ่งการที่ตลาดหุ้นในกลุ่มบริคเองเป็นตลาดเกิดใหม่ ดังนั้น จึงน่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ก่อนตลาดอื่นๆ อย่างไรก็ตาม การที่ตัวเลขพื้นฐานต่างๆ หยุดนิ่งไม่แย่ไปกว่าเดิม ทั้งตัวเลขการว่างงานในสหรัฐ ดัชนีภาคการผลิต ไม่ได้แปลว่าทุกอย่างดีขึ้นแล้ว เพราะถือเป็นเพียงปัจจัยบวกเพียงจุดเล็กๆ เท่านั้น ประกอบกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเฟดที่มีสัญญาณว่าจะขยับขึ้น รวมถึงการคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทั่วโลกของนักวิเคราะห์ที่ระบุว่า จะไม่เห็นการลดลงแล้ว ซึ่งต่างจากช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาที่มีการวิเคราะห์ว่าจะยังเห็นการลดลงอยู่ โดยปัจจัยบวกทั้งหมดดังกล่าว ทำให้นักลงทุนส่วนหนึ่งมองว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้
"ตอนนี้ ความกลัวของนักลงทุนทั่วโลกลดลง ซึ่งก่อนหน้านี้ คนที่กลัวส่วนใหญ่จะเอาเงินเข้าสหรัฐฯ แต่หลังจากความกลัวเริ่มลดลงแล้ว ทำให้คนเหล่านี้มองหาช่องทางการลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนที่ดีขึ้น ซึ่งตอนนี้เป็นช่วงของการเริ่มต้นกระจายเงินออกมาเท่านั้น"นายพิชิตกล่าว
นายพิชิตกล่าวว่า สำหรับบรรยากาศการลงทุนในตอนนี้ มองว่ายังไม่สายจนเกินไปที่จะออกกองทุนที่มีการกำหนดเป้าหมายอย่าง กองทุนทาร์เก็ตฟันด์เพื่อไปลงทุนในหุ้นกลุ่มบริคและน้ำมัน ซึ่งมีโอกาสได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยหุ้นกลุ่มบริคเอง จะได้อานิสงส์จากรัสเซียและบราซิล ซึ่งได้ประโยชน์จากราคาน้ำมัน ในขณะที่จีนและอินเดีย จะได้ประโยชน์จากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการบริโภคในประเทศ ส่วนประเด็นของน้ำมัน มีความผูกพันกับการฟื้นตัวเช่นกัน เพราะเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว สินค้าโภคภัณฑ์ (คอมมอดิตี) ก้อฟื้นตัวตามไปด้วย นอกจากนี้ ยังจะได้ประโยชน์จากความต้อวการที่เพิ่มขึ้น เพื่อนนำไปใช้ในการลงทุนพัฒนาประเทศมากขึ้นด้วย
"ภาพรวมตอนนี้ยังไม่สายเกินไป หรือแพงเกินไปที่จะเข้าไปลงทุน เพราะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการฟื้นตัวเท่านั้น โดยการหาผลตอบแทนในรอบที่ผ่านมา เป็นการหาประโยชน์จากความผิดปกติของราคาที่ปรับลดลงไปต่ำกว่าที่ควรจะเป็น แต่ในรอบนี้ เป็นการหาประโยชนจากความคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวต่อเนื่อง"นายพิชิตกล่าว