เอเอฟพี - ราคาน้ำมันร่วงลงกว่า 1 ดอลลาร์ เมื่อวันพุธ (1) หลังกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เผย สต๊อกเชื้อเพลิงยานยนต์เพิ่มขึ้นผิดคาดในชาติผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดของโลก สะท้อนถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอลง ด้านวอลล์สตรีทเหวี่ยงตัวกลับไปปิดในแดนบวก เมื่อได้ปัจจัยหนุนจากดัชนีชี้วัดกิจกรรมภาคการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ร่วงลง 1.27 ดอลลาร์ ปิดที่ 48.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่เบรนต์ของลอนดอน ลดลง 79 เซ็นต์ ปิดที่ 48.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กระทรวงพลังงานสหรัฐฯในวันพุธ (1) ระบุว่า คลังน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผิดกับที่นักวิเคราะห์คาดหมายว่าจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล
ข้อมูลนี้มีออกมาก่อนฤดูกาลขับขี่ในสหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนหน้า โดยทุกปีช่วงเดือนพฤษภาคมอุปสงค์น้ำมันเบนซินในอเมริกาจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุด เนื่องจากอเมริกันชนมีการใช้รถใช้ถนนสำหรับวันหยุดยาว
ต่อเติมจากนั้น กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ยังระบุด้วยว่า สต๊อกน้ำมันดิบได้เพิ่มขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 27 มีนาคม มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ 2.6 ล้านบาร์เรล
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯสามารถเหวี่ยงตัวกลับขึ้นไปปิดในแดนบวกเมื่อวันพุธ (1) หลังได้รับปัจจัยหนุนจากผลสำรวจภาคโรงงานซึ่งเข้มแข็งมากกว่าที่คาดหมายไว้
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 151.65 จุด (1.99 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,760.57 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 12.92 จุด (1.62 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 810.79 จุด ขณะที่ แนสแดก ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 23.01 จุด (1.51 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,551.60 จุด
วอลล์สตรีทในวันพุธ (1) เปิดตลาดดิ่งลงอย่างรุนแรง -- ดาวโจนส์ ทรุดลงไปเกือบ 125 จุด -- หลังจากข้อมูลของเอดีพีเปิดเผยว่ามีจำนวนคนตกงานในภาคเอกชนเดือนมีนาคมถึง 742,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่คาดไว้ท่ามกลางความกังวลว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างยืดเยื้อยาวนาน ทั้งนี้นักวิเคราะห์ประมาณการณ์ไว้เพียง 663,000 ตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนกลับเข้ามาช้อนซื้อหลังมีข้อมูลทางเศรษฐกิจในทางบวกอื่นๆ ไหลเข้ามา
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ไอเอสเอ็ม) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของอเมริกาในเดือนมีนาคม ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 36.0 จุด เพิ่มขึ้นจาก 35.8 จุด ของเดือนกุมภาพันธ์
นอกจากนี้ ข้อมูลอื่นๆ ที่เปิดเผยออกมา รวมไปถึงตัวเลขการใช้จ่ายด้านก่อสร้างในเดือนกุมภาพันธ์ แม้จะหดตัวจากเดือนมกราคม 0.9 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ถือว่าลดลงน้อยกว่าเดือนมกราคม ที่หดตัวจากธันวาคมปีก่อนถึง 3.5 เปอร์เซ็นต์
