xs
xsm
sm
md
lg

กองทุนบอนด์"เกาหลี-ออสซี่" 2ทางเลือกยุคดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยุคที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำติดดินเช่นนี้ ดูจะเป็นโอกาสทองของกองทุนรวมในการดึงเงินเข้ามาอยู่ในพอร์ต และเวลาแบบนี้ บรรดาบริษัทจัดการกองทุนเอง ก็ไม่ยอมปล่อยโอกาสทอง เพราะต่างพร้อมใจออกกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก และมีความเสี่ยงไม่มาก ซึ่งมีทั้งกองทุนในประเทศและกองทุนต่างประเทศ

แต่ในจังหวะนี้ ดูเหมือนว่ากองทุนต่างประเทศจะได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ เพราะด้วยผลตอบแทนที่สูงกว่า ความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำการป้องกันไว้แล้ว ทำให้นักลงทุนมั่นใจ ยอมที่จะฝากเงินเอาไว้** และแม้ว่าขณะนี้ ผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศเองจะปรับลดลงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะผลตอบแทจากกองทุนตราสารหนี้เกาหลีใต้ แต่ส่วนต่างที่ยังสูงกว่าตราสารหนี้ในประเทศ ทำให้ทางเลือกนี้ ยังเป็นที่ต้องการของนักลงทุน

นอกเหนือไปจากนั้น ทางเลือกอื่นเองก็เพิ่มขึ้นมาด้วย เช่น การลงทุนในพันธบัตรออสเตรเลีย ซึ่งได้อานิสงส์จาการที่เศรษฐกิจฟื้นตัว ทำให้ค่าเงินของประเทศนี้ แข็งค่าขึ้น ดังนั้น หลังจากแปลงเป็นเงินไทยกลับมาแล้ว ก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงๆ เช่นกัน

เกริ่นไปเยอะแล้ว เข้าเรื่องของเราดีกว่าครับ...ต้องบอกว่า กองทุนใหม่ที่เปิดขายในสัปดาห์นี้ ส่วนใหญ่จะเห็นกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในประเทศเกาหลีใต้เป็นหลัก และมีกองทุนพันธบัตรแดนจิงโจ้พ่วงมาด้วย 1 กองทุน...คอลัมน์ **"MutualFund IPO" **ฉบับนี้ เลยขอเอาใจนักลงทุนที่กำลังมองหาช่องทางลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก ส่วนจะมีกองทุนของค่ายไหนบ้างนั้น ไปติดตามกันดีกว่าครับ

ขอเริ่มต้นกันด้วย **บลจ.ไทยพาณิชย์** ที่กำลังอยู่ระหว่างการเปิดขาย**กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ฟอร์เรน โนท 1Y19 อายุโครงการ 1 ปี และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ฟอร์เรน โนท 9M5 อายุโครงการ 9 เดือน** ซึ่งทั้งสองกองทุน คาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 2.6% ต่อปี และ 2.3% ต่อปี ตามลำดับ

โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าว เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือพันธบัตรธนาคารแห่งชาติเกาหลีใต้ โดยบริษัทฯได้ทำการซื้อขายสัญญาล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนทุกกองทุน และจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติเพียงครั้งเดียวเมื่อครบอายุกองทุน และนำเงินลงทุนต่อในกองทุนเปิดไทยพาณิชย์สะสมทรัพย์ตราสารหนี้ (SCBSFF)

สนใจ 2กองทุนนี้ บลจ.ไทยพาณิชย์จะเสนอขายช่วงไอพีโอวันนี้ (8 มิ.ย.) เป็นวันสุดท้าย ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียงกองทุนละ 10,000 บาท

...ต่อด้วย **กองทุนบัวหลวงธนสารพลัส 11/09**ของ**บลจ.บัวหลวง**ซึ่งกองทุนนี้ มีอายุประมาณ 6 เดือน มีขนาดโครงการ 2,000 ล้านบาท โดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้เกาหลีใต้มีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน (Foreign Investment Fund) โดยเน้นลงทุนในตราสารภาครัฐต่างประเทศ หรือตราสารที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจ หรือสถาบันการเงินต่างประเทศซึ่งผู้ออกหรือตราสารได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ตั้งแต่ A- ขึ้นไป

กองทุนนี้ เหมาะสมกับเงินลงทุนส่วนที่ต้องการความมั่นคง และความเสี่ยงต่ำ เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงิน โดยไม่ต้องไปลงทุนในหุ้น ลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ที่ราคาเสนอขาย 10 บาทต่อหน่วยลงทุน ซึ่งเริ่มไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึง 11 มิถุนายน 2552

**บลจ.นครหลวงไทย** ก็กำลังเสนอขาย***กองทุนเปิดเอสซีไอ ตราสารหนี้ต่างประเทศ จีไอ 6M5/09**มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท...โดยกองทุนนี้ มีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน ซึ่งจะเน้นลงทุนใน Korea Monetary Stabilization Bond (MSB) เป็นพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ ในสัดส่วน 100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ใน 2 อันดับแรก AA จากสถาบัน Fitch Rating

คาดว่ากองทุนนี้ จะให้ผลตอบแทนประมาณ 2.25% ต่อปี สนใจ บลจ.นครลหวงไทย เปิดเสนอขายครั้งเดียวตั้งแต่วันนี้ – 9 มิถุนายน 2552 นี้ ด้วยมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 2,000 บาท

ขณะที่**บลจ.กรุงไทย**ส่ง **กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เอฟไอเอฟ 12เดือน 4** ร่วมแชร์ส่วนแบ่ง โดยกองทุนนี้ จะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยธนาคารกลางของประเทศเกาหลีใต้ ( Monetary Stabilization Board (MSB) Bond ) ทั้ง 100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ซึ่งพันธบัตรรัฐบาลดังกล่าวมีบทบาทในการรักษาเสถียรภาพการเงินของเกาหลีใต้มีสถานะเป็นหน่วยงานภาครัฐ และกองทุนจะทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน

ซึ่งกองทุนนี้ มีอายุโครงการ อายุโครงการ1ปี มูลค่า 5,000 ล้านบาท เสนอขายไอพีโอถึงวันที่ 9 มิถุนายนนี้ โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 2.60% ต่อปีและไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย

**บลจ.แอสเซท พลัส**เอง ก็อยู่ระหว่างการเสนอขาย**กองทุนเปิดแอ็คทีฟเอฟไอเอฟ 4** ซึ่งจะลงทุนโดยตรงในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ (Korea Monetary Stabilization Bond (MSB)) ที่มีอายุประมาณ 6 เดือน โดยคาดว่าผลตอบแทนหลังจากทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงเต็มจำนวนและหักค่าใช้จ่ายกองทุนแล้ว อยู่ที่ 2.30% ต่อปี

กองทุนนี้ เป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในต่างประเทศที่สร้างโอกาสผลตอบแทนที่ดีในระดับความเสี่ยงที่ต่ำ ซึ่งจะเสนอขายไอพีโอในระหว่างวันที่ 9-16 มิถุนายน นี้

ปิดท้ายด้วย **กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 18 เดือน เอ**ของ**บลจ.กสิกรไทย**...อย่างที่เกริ่นไปข้างต้น กองทุนนี้ จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ของสถาบันการเงินชั้นนำในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งบริษัทได้มอบหมาย BlackRock Investment Management (Australia) Limited บริษัทจัดการลงทุนมืออาชีพระดับโลกซึ่งมีสาขาในออสเตรเลียเป็นผู้จัดการลงทุน ทั้งยังป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 100%

โดยกองทุนนี้ มีระยะเวลาลงทุนประมาณ 15 เดือน มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากประจำ ซึ่งบลจ.กสิกรไทย จะเสนอขายช่วงไอพีโอถึงวันที่ 8 มิถุนายนนี้ เป็นวันสุดท้าย

...ทำความรู้จักกับกองทุนใหม่ในรอบสัปดาห์นี้ไปแล้ว ไปฟังมุมมองจากผู้จัดการกองทุนกันว่า มีมุมมองต่อประเทศที่เข้าไปลงทุนยังไงบ้าง

**โชติกา สวนานนท์** กรรมการผู้อำนวยการ บลจ. ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนพฤษภาคมเป็นเดือนที่ 3 ไว้ที่ 2.00% หลังจากที่ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องในช่วงวิกฤติปี 2008 แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ผ่านช่วงวิกฤติมาแล้ว และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลดอัตราดอกเบี้ยต่อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีก ในขณะที่หนี้ต่างประเทศระยะสั้นของเกาหลีลดลงจาก 194 พันล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อสิ้นปี 2008 เป็น 185.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ สวนทางกับเงินทุนสำรองต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 212.48 พันล้านเหรียญสหรัฐ แสดงให้เห็นว่าเกาหลีมีหนี้สินลดลงแต่มีศักยภาพในการจ่ายหนี้เพิ่มขึ้น

**สมชัย บุญนำศิริ** กรรมการผู้จัดการ บลจ. กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมากองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ จะลงทุนในตราสารหนี้สถาบันการเงินภาครัฐ (ECP หรือ MTN) ของประเทศเกาหลีใต้ เพราะผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุน Monetary Stabilization Board (MSB) Bond แต่กองทุนที่กำลังเปิดขายอยู่นี้ จะหันมาลงทุนใน MSB Bond เเทน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ปรับตัวดีขึ้น ทำให้มีเงินทุนต่างประเทศไหลกลับเข้าไปลงทุนทั้งในตลาดตราสารหนี้และตลาดตราสารทุน ส่งผลให้ความเสี่ยงในการโอนเงินข้ามสกุลระหว่างวอนกับดอลล่าร์สหรัฐฯ ลดลงอย่างชัดเจน และผลตอบแทนจากการลงทุนใน ECP หรือ MTN ได้ลดลงอย่างมากประกอบกับสถาบันการเงินต่างๆ ในเกาหลีใต้มีการปรับโครงสร้างการเงินโดยเน้นการออกตราสารหนี้ในระยะกลาง-ยาวเพิ่มขึ้น จึงทำให้ความจำเป็นในการออกตราสารหนี้ระยะสั้นไม่เกิน 1 ปีลดลง ดังนั้น กองทุนจึงเพิ่มทางเลือกโดยการหันมาเน้นลงทุนใน MSB Bond ซึ่งเป็นตราสารที่มีอายุใกล้เคียงกับกองทุน โดยมีสถานะเป็นภาครัฐได้รับการจัดอันดันความน่าเชื่อถือระยะสั้น A1 โดย S&P
กำลังโหลดความคิดเห็น