xs
xsm
sm
md
lg

ทางสองแพร่งกับจุดวัดใจนักลงทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ ตลาดทุนไทยในสายตาต่างชาติ
บริษัท เน็กซ์วิว (ประเทศไทย) จำกัด

ในสัปดาห์ที่แล้ว ถือได้ว่าเป็นช่วงที่ผมค่อนข้างยุ่งกับภารกิจประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น การบริหารสำนักงานสาขา ที่ต้องทำการสรุปผลประกอบการ ของปีนี้ ให้กับทีมบริหารต่างประเทศ และยังต้องวางแผนการทำงานสำหรับปีหน้าอีกด้วย (เริ่มต้น เดือน 7 และไปสิ้นสุด เดือน 6) ซึ่งท้ายที่สุด ในต้นเดือนหน้า ผมคงต้องบินไปต่างประเทศอีกครั้ง เพื่อนำเสนอแผนให้กับ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ถือหุ้นได้รับทราบ ซึ่งโดยภาพรวมแล้ว ก็ค่อนข้างน่ายินดี ที่ผลลัพธ์ที่ได้ในปีนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว ณ เวลาเดียวกัน ตัวเลขกลับสูงขึ้น ซึ่งอาจเป็นเพราะ ณ ตอนนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยภาพรวม มีการปรับตัวขึ้นให้เห็นอย่างชัดเจน (ถึงแม้จะเป็นช่วงสั้นๆ แต่ก็ได้กำไรกันไปพอสมควร) ทำให้นักลงทุนรายย่อย พอมีกำลังใจในการลงทุน ซึ่งแน่นอน ย่อมส่งผลดีต่อภาพรวมของตลาดที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว

ผมได้บอกกับนักเรียนในคอร์ส “ทำกำไรในทองคำ ด้วยกราฟเทคนิค” ในวันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า หลังจากที่ผ่านการเรียน การสอนมาตลอด 1 วันเต็ม สำหรับภาคทฤษฏี และ ครึ่งวัน สำหรับการทำ Workshop โดยการนำเอาทฤษฏีที่ได้เรียน มาลองวางกลยุทธ์ในการซื้อ-ขาย ตามสัญญาทางเทคนิค ซึ่งในภาพรวม ทุกคนก็ค่อนข้างเห็นสอดคล้องกันว่า ราคาทองคำในตลาดโลก อาจมีโอกาสปรับตัวลดลงในช่วงสัปดาห์นี้ อันเนื่องมาจากเหตุผล 2 ประการ คือ

1. ราคาทองคำในตลาดโลก ได้ปรับตัวขึ้นไปทดสอบ ณ ตำแหน่งแนวต้านที่มีนัยสำคัญ คือ ที่ราคา 957 USD ในวันที่ 20 มีนาคม 2552

2. เกิดจุด Pivot ขึ้น ในลักษณะ Reversal ในรูปแบบ Bearish star ณ วันที่ 22 พฤษภาคม 2552 ที่ผ่านมา

3. กราฟราคาในระยะกลาง ได้ปรับตัวขึ้นมาเป็นขาขึ้น เพื่อกำลังปรับตัวเป็นคลื่น 1และกำลังย่อตัวลง เพื่อทำคลื่น 2 ทำให้ ณ ตอนนี้ กราฟราคากำลังพักตัวลงเล็กน้อย ตามทฤษฏี Elliott Wave
รูปที่ 1 การชะลอตัวของราคาทองคำโลก เมื่อปรับตัวมาถึงแนวต้านที่ 957 USD
แต่ถึงแม้จะมีสัญญาณดังกล่าวให้เห็น แต่นักลงทุนทั้งหลายก็อย่าพึ่งบุ่มบ่ามเข้าไปถือสัญญาขายล่วงหน้า (Short) อันเนื่องมาจาก ผลของอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงิน USD เมื่อเปลี่ยนมาเป็นสกลุลเงินไทยบาทนั้น จากแนวโน้มปัจจุบันที่ค่าเงินบาทแข็งตัวขึ้น ย่อมส่งผลทำให้การแกว่งตัวของราคาทองคำในประเทศไทยนั้น แกว่งตัวน้อยกว่าต่างประเทศเมื่อเปรียบกับช่วงที่ผ่านมา อาจเปรียบได้กับกำแพงของอัตราแลกเปลี่ยนในบ้านเราได้ปรับตัวสูงขึ้นนั่นเอง (โดยปกติ อัตราแลกเปลี่ยนในประเทศมักจะสูงกว่า อัตราแลกเปลี่ยนในตลาดต่างประเทศเสมอ ยกเว้นในช่วงนี้ ที่กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย มีความต้องการที่จะกระตุ้นยอดการส่งออก ทำให้ค่าเงินบาทของเราค่อนข้างที่จะอ่อน เมื่อเทียบกับตลาดต่างประเทศ ซึ่งก็ต้องดูกันในระยะยาวว่า นโยบายดังกล่าวจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้มากน้อย เพียงใด)

จากการที่ได้มีโอกาสสอนนักลงทุน ในหลายๆ ครั้งนั้น พบว่า โดยส่วนใหญ่ ยังไม่เข้าใจหลักหรือแก่น ของการวิเคราะห์ทางเทคนิค อาจเป็นเพราะยังมีความเชื่อเดิมๆ ตามที่เคยได้ยินมา หรือได้รับการสอนจากคนที่ไม่มีความรู้และเข้าใจจริง จึงทำให้เกิดความสับสน และไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ในการวิเคราะห์กราฟเป็นอันดับแรก จนทำให้เป็นนักเทคนิคแบบขาดๆ เกินๆ เข้าทำนองว่า ทำกำไรได้บ้าง ไม่ได้บ้าง โดยไม่รู้สาเหตุว่า ในบางครั้งทำให้ขายเสร็จ กราฟราคาก็วิ่งไปต่อ หรือ เมื่อเข้าซื้อตามสัญญาณทางเทคนิค ราคาก็กลับล่วงลงไปแบบคาดไม่ถึง
รูปที่ 2 การแกว่งตัวของดัชนี SET50 ที่ออกอาการแผ่ว หลังจากปรับตัวขึ้นมาได้สักพัก
ในส่วนของดัชนีตลาดหลักทรัพย์บ้านเรา ก็เช่นเดียวกัน ที่ส่งสัญญาณถึงการปรับตัวในลักษณะชะลอตัว อันเนื่องมาจากการทะยอยเทขายทำกำไรระยะสั้นของนักลงทุนในภาพรวม ทำให้ดัชนี ณ ช่วงนี้ ยังอาจเคลื่อนที่แบบไม่ไปไหนสักเท่าไหร่ แต่ในอีกนัยหนึ่ง ก็เป็นสัญญาณเตือนว่า ดัชนีอาจมีการแกว่งตัวแบบแรงขึ้นอีกครั้ง เปรียบเหมือนนักกีฬาที่เพิ่งเข้าแข่งขันเสร็จใหม่ๆ แน่นอนว่าก็ยอมต้องพักเหนื่อยเป็นธรรมดา ถ้าได้พักสักเล็กน้อย ก็สามารถที่จะเข้าแข่งขันต่อได้ ซึ่งโดยสัญญาณทางเทคนิคแล้ว หลายคนบอกว่า ณ จุดนี้ เป็นคลื่น 5 แล้ว แต่โดยความเห็นส่วนตัวของผม ยังมองว่า ไม่น่าที่จะใช่ แต่ก็ต้องรอดูการเคลื่อนไหวที่แน่ชัดของดัชนีอีกครั้ง ถ้าสามารถปรับตัวยืนเหนือ 565 จุด ได้สำเร็จ (สำหรับดัชนีตลาดหลักทรัพย์) และ 405 จุด (สำหรับดัชนี SET50) ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีของตลาด ในการปรับตัวขึ้นต่อครับ แต่ในทางตรงกันข้าม หากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ล่วงลงไปต่ำกว่า 543 จุด ก็คงเป็นสัญญาณว่า แรงซื้อในตลาด ยังไม่แกร่งพอ ที่จะดันความเชื่อมั่นของตลาด ณ ช่วงนั้น ให้ขึ้นต่อไปได้ ซึ่งก็อาจสอดคล้องกับ ตัวเลขทางเศรษฐกิจ ที่ประกาศถึงผลประกอบการณ์ของประเทศในช่วงไตรมาศ 2 ที่ผ่านมา ซึ่งก็เหมือนดังที่คาด คือ ยังคงติดลบเช่นเดิม

สำหรับนักลงทุนท่านใด ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ด้านการวิเคราะห์โดยใช้ปัจจัยทางเทคนิค สามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้ที่ www.technicalday.com ได้ตลอดเวลาครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น