บลจ.ทิสโก้แนะลูกค้าเดินหน้าลงทุนจีน-อินเดีย มั่นใจเป็นจังหวะดี หลังพบสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจน ดันผลการดำเนินงาน"ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย"ปรับตัวดีขึ้นกว่า 33% พร้อมเตรียมโปรโมชั่นเอาใจลูกค้าซื้อหน่วยลงทุนไชน่า อินเดีย ทุกๆ 15,000 บาท รับฟรีบัตรของขวัญ 100 บาท ตั้งแต่ 1 มิ.ย.ถึง 31 ก.ค.นี้
นายพิชา รัตนธรรม หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า การเข้าลงทุนในประเทศจีนและอินเดียขณะนี้นับเป็นช่วงเวลาที่จังหวะเหมาะมากที่สุด เนื่องจากเป็นสองประเทศในเอเชียที่ยังมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และเป็นประเทศแรกๆ ในเอเชียที่เริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด
"เราไม่อยากให้นักลงทุนพลาดโอกาสการลงทุน เพราะในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นของทั้งสองประเทศมีการปรับตัวลดลงมาอย่างมากจากการเทขายเพื่อทำกำไรอย่างหนักโดยนักลงทุนทั่วโลก แต่ปัจจุบันตลาดหุ้นของทั้งสองประเทศมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาพอสมควรแล้วจากการไหลกลับของเงินทุนจากทั่วโลก ซึ่งส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของ กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย เพื่อการเลี้ยงชีพของเราด้วย"นายพิชากล่าว
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ต้นปีผลการดำเนินงานของกองทุนปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 33% ซึ่งถือว่าเป็นการส่งสัญญาณที่ดีและเชื่อว่าหุ้นของทั้งสองประเทศน่าจะมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดหากนักลงทุนมีความต้องการจะลงทุนในกองทุนประเภทนี้ บริษัทได้เตรียมโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับผู้ที่ลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย เพื่อการเลี้ยงชีพ” โดยนอกจากจะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแล้ว (ไม่เกิน 15% ของรายได้ หรือสูงสุด 500,000 บาทต่อปี) ผู้ลงทุนยังจะได้รับบัตรของขวัญจากท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต มูลค่า 100 บาท สำหรับเงินลงทุนทุกๆ 15,000 บาท หรือคิดเป็นมูลค่าสูงสุด 3,000 บาท โดยโปรโมชั่นดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. ถึงวันที่ 31 ก.ค.52 นี้
นายพิชา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในกองทุน RMF เพื่อการลดหย่อนภาษีเงินได้ และในขณะเดียวกันก็ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากการลงทุนในกอง RMF ตราสารหนี้และตราสารทุนในประเทศเพียงอย่างเดียวนั้น “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย เพื่อการเลี้ยงชีพ” ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ ทั้งนี้เนื่องจากกองทุนดังกล่าวเป็นกอง RMF กองแรกและกองเดียวที่มีเสนอขายในตลาดที่มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นจีนและอินเดียผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทั้งการลดหย่อนภาษี และโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนเพิ่มเติมจากการลงทุนในขณะเดียวกัน
อย่างไรก็ตามสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อหักลดหย่อยภาษีในรูปแบบอื่น บริษัทยังมีผลิตภัณฑ์ภายใต้การบริหารให้นักลงทุนได้เลือกอีก โดยปัจจุบัน บลจ. ทิสโก้ มีกองทุน RMF ภายใต้การบริหารจัดการ จำนวน 5 กอง คือ “กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้มั่นคงเพื่อการเลี้ยงชีพ” ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและตั๋วเงินคลัง, “กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ” ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง และตราสารหนี้ประเภทอื่นๆ, “กองทุนเปิด ทิสโก้ พลทรัพย์เพื่อการเลี้ยงชีพ” กองทุนผสมแบบยืดหยุ่นที่ลงทุนได้ทั้งในตลาดหุ้นและตราสารหนี้, “กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นทุน เพื่อการเลี้ยงชีพ” เน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และ “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย เพื่อการเลี้ยงชีพ” ซึ่งเป็นกอง RMF กองใหม่ล่าสุดของทิสโก้ และมีกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ภายใต้การบริหารจัดการ 2 กอง คือ “กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นระยะยาว” และ “กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นระยะยาวปันผล” ที่เน้นลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี มีศักยภาพในการเติบโตสูง
นายพิชา รัตนธรรม หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า การเข้าลงทุนในประเทศจีนและอินเดียขณะนี้นับเป็นช่วงเวลาที่จังหวะเหมาะมากที่สุด เนื่องจากเป็นสองประเทศในเอเชียที่ยังมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และเป็นประเทศแรกๆ ในเอเชียที่เริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด
"เราไม่อยากให้นักลงทุนพลาดโอกาสการลงทุน เพราะในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นของทั้งสองประเทศมีการปรับตัวลดลงมาอย่างมากจากการเทขายเพื่อทำกำไรอย่างหนักโดยนักลงทุนทั่วโลก แต่ปัจจุบันตลาดหุ้นของทั้งสองประเทศมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาพอสมควรแล้วจากการไหลกลับของเงินทุนจากทั่วโลก ซึ่งส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของ กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย เพื่อการเลี้ยงชีพของเราด้วย"นายพิชากล่าว
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ต้นปีผลการดำเนินงานของกองทุนปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 33% ซึ่งถือว่าเป็นการส่งสัญญาณที่ดีและเชื่อว่าหุ้นของทั้งสองประเทศน่าจะมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดหากนักลงทุนมีความต้องการจะลงทุนในกองทุนประเภทนี้ บริษัทได้เตรียมโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับผู้ที่ลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย เพื่อการเลี้ยงชีพ” โดยนอกจากจะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแล้ว (ไม่เกิน 15% ของรายได้ หรือสูงสุด 500,000 บาทต่อปี) ผู้ลงทุนยังจะได้รับบัตรของขวัญจากท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต มูลค่า 100 บาท สำหรับเงินลงทุนทุกๆ 15,000 บาท หรือคิดเป็นมูลค่าสูงสุด 3,000 บาท โดยโปรโมชั่นดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. ถึงวันที่ 31 ก.ค.52 นี้
นายพิชา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในกองทุน RMF เพื่อการลดหย่อนภาษีเงินได้ และในขณะเดียวกันก็ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากการลงทุนในกอง RMF ตราสารหนี้และตราสารทุนในประเทศเพียงอย่างเดียวนั้น “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย เพื่อการเลี้ยงชีพ” ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ ทั้งนี้เนื่องจากกองทุนดังกล่าวเป็นกอง RMF กองแรกและกองเดียวที่มีเสนอขายในตลาดที่มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นจีนและอินเดียผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทั้งการลดหย่อนภาษี และโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนเพิ่มเติมจากการลงทุนในขณะเดียวกัน
อย่างไรก็ตามสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อหักลดหย่อยภาษีในรูปแบบอื่น บริษัทยังมีผลิตภัณฑ์ภายใต้การบริหารให้นักลงทุนได้เลือกอีก โดยปัจจุบัน บลจ. ทิสโก้ มีกองทุน RMF ภายใต้การบริหารจัดการ จำนวน 5 กอง คือ “กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้มั่นคงเพื่อการเลี้ยงชีพ” ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและตั๋วเงินคลัง, “กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ” ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง และตราสารหนี้ประเภทอื่นๆ, “กองทุนเปิด ทิสโก้ พลทรัพย์เพื่อการเลี้ยงชีพ” กองทุนผสมแบบยืดหยุ่นที่ลงทุนได้ทั้งในตลาดหุ้นและตราสารหนี้, “กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นทุน เพื่อการเลี้ยงชีพ” เน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และ “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย เพื่อการเลี้ยงชีพ” ซึ่งเป็นกอง RMF กองใหม่ล่าสุดของทิสโก้ และมีกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ภายใต้การบริหารจัดการ 2 กอง คือ “กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นระยะยาว” และ “กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นระยะยาวปันผล” ที่เน้นลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี มีศักยภาพในการเติบโตสูง