xs
xsm
sm
md
lg

ทิสโก้มั่นใจศักยภาพ2ยักษ์เอเชีย ชี้"ไชน่าอินเดียRMF"อาจรีบาวน์เกิน30%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.ทิสโก้เชื่อศักยภาพ2ยักษ์เอเชีย ชวนนักลงทุนซื้อหน่วยกอง"อาร์เอ็มเอฟไชน่าอินเดีย" มั่นใจมีโอกาสรีบาวน์เกิน 30% เหตุค่า P/E ลดต่ำเหลือแค่ 7-8 เท่า แต่พื้นฐานเศรษฐกิจยังดี ขณะเดียวกันอัดโปรโมชันเอาใจลูกค้า"LTF-RMF" หวังดันยอดลงทุนใช้สิทธิ์ทางภาษีช่วงสิ้นปี

นายพิชา รัตนธรรม
นายพิชา รัตนธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการลงทุน ธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันเชื่อว่าการลงทุนใน"กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย เพื่อการเลี้ยงชีพ" หรือกอง RMF จีนอินเดีย ซึ่งเป็นกอง RMF กองแรกและกองเดียวที่เน้นลงทุนในหุ้นจีนและอินเดีย ผ่านหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ จะสามารถสร้างโอกาสที่ดีให้กับนักลงทุนได้ในอนาคต

ทั้งนี้ เนื่องจากช่วงเวลานี้เป็นจังหวะเหมาะที่จะเข้าลงทุนในประเทศจีนและอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศในเอเชียที่ยังมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดี เพราะเน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านการลงทุนและการบริโภคในประเทศเป็นหลัก โดยในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นของทั้งสองประเทศปรับตัวลดลงมาแรงเกินไป เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐานจากภาวะเทขายอย่างหนักจากทั่วโลก โดยดัชนี HSCEI ของจีนปรับตัวลดลงมากว่า 57% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

"ปัจจุบันมีการซื้อขายหุ้นกันที่ระดับ P/E เพียง 7-8 เท่า ในขณะที่อดีตซื้อขายกันถึง 15 เท่า นอกจากนี้จีนและอินเดีย มีการคาดการณ์การขยายตัวของ GDP ปี 52 ไว้ที่ 8.4 และ 6.3% ตามลำดับ ซึ่งถือว่าเป็นระดับการเติบโตที่สูงกว่าไทยและตลาดเอเชียอื่นๆ อยู่มาก ดังนั้นราคาในระดับนี้จึงเป็นระดับที่น่าสนใจเจ้าไปลงทุนอย่างยิ่ง

นอกจากนี้เรายังเชื่อว่าหากความกดดันทางเศรษฐกิจผ่อนคลายลง เงินลงทุนจะไหลกลับเข้ามายังตลาดหุ้นอีกครั้ง โดยมองว่าตลาดหุ้นเอเชีย โดยเฉพาะจีนและอินเดีย ยังมีความน่าสนใจมากที่สุดในสายตาของต่างชาติ เพราะเป็นประเทศที่มีปัจจัยพื้นฐานและศักยภาพดีกว่า โดยสองประเทศนี้จะเป็นประเทศหลักๆ ที่เงินจะไหลเข้ามาก่อน การดีดตัวกลับจึงน่าจะเร็วและแรงกว่า ดังนั้นหากเป็นการลงทุนในระยะยาว โอกาสที่จะเห็นดัชนีหุ้นดีดกลับกว่า 30% จึงเป็นไปได้สูง" นายพิชากล่าว" นายพิชา กล่าว

สำหรับ จุดเด่นของ "กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย เพื่อการเลี้ยงชีพ คือเป็นกองทุน RMF กองแรกและกองเดียวในอุตสาหกรรมที่เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทชั้นนำในประเทศจีนและอินเดีย ซึ่งเป็นสองประเทศในเอเชียที่พื้นฐานทางเศรษฐกิจดี ผ่านหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ โดยตัวชี้วัดของกองทุนนี้ได้แก่ ค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของ MSCI China Index 25%, Hang Seng China Enterprise Index 25% และ MSCI India Index 50%

นายพิชา กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นช่วงที่มีเม็ดเงินไหลเข้ามามากที่สุด เพราะผู้ลงทุนสามารถนำเงินลงทุนไปหักลดหย่อนภาษีประจำปีได้ ทาง บลจ. ทิสโก้จึงมอบโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่ลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ให้เป็นพิเศษในช่วงนี้

โดยลูกค้าที่มียอดเงินลงทุนสะสมในกองทุน RMF หรือ LTF ประเภทกองทุนหุ้นหรือกองทุนผสม ทุกๆ 30,000 บาท หรือยอดเงินลงทุนสะสมในกองทุน RMF ประเภทกองตราสารหนี้ ทุกๆ 60,000 บาท จะได้รับบัตรของขวัญจากท๊อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ตมูลค่า100 บาท ซึ่งโปรโมชั่นดังกล่าวจะมีต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้

นอกจากนี้ทาง บลจ.ทิสโก้ ยังเพิ่มข้อเสนอพิเศษสุดสำหรับ "กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย เพื่อการเลี้ยงชีพ" โดยผู้ที่ซื้อกองทุนดังกล่าวจะได้รับของสมนาคุณเพิ่มเป็น 2 เท่าจากโปรโมชั่นส่งเสริมการขายหลักข้างต้น ซึ่งถือว่าเป็นโปรโมชั่นที่พิเศษกว่าทุกกองทุนของ บลจ. ทิสโก้

ทั้งนี้ ปัจจุบัน บลจ. ทิสโก้ มีกองทุน LTF ภายใต้การบริหารจัดการจำนวน 2 กอง คือ "กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นระยะยาว" และ "กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นระยะยาวปันผล" ที่เน้นลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีและมีศักยภาพในการเติบโตสูง และมีกองทุน RMF ภายใต้การบริหารจัดการ จำนวน 5 กอง คือ "กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้มั่นคงเพื่อการเลี้ยงชีพ" เน้นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและตั๋วเงินคลัง, "กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ" ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง และตราสารหนี้ประเภทอื่นๆ, "กองทุนเปิด ทิสโก้ พลทรัพย์เพื่อการเลี้ยงชีพ" กองทุนผสมแบบยืดหยุ่นที่ลงทุนได้ทั้งในตลาดหุ้นและตราสารหนี้, "กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นทุน เพื่อการเลี้ยงชีพ" เน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และ "กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย เพื่อการเลี้ยงชีพ" ซึ่งเป็นกอง RMF กองใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวในปลายปี 2550
กำลังโหลดความคิดเห็น