xs
xsm
sm
md
lg

ยูโอบีคงสัดส่วนหุ้นKBANK-AOT สวนดัชนี"MSCI"ปรับลดน้ำหนักลง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วนา พูลผล
ASTVผู้จัดการรายวัน – บลจ.ยูโอบี (ไทย) ไม่สนใจ MSCI-Thailand ถอนหุ้นแบงก์กสิกรไทย-ทอท.ออกจากการคำนวณดัชนี ส่งผลให้น้ำหนักลงทุนเหลือ 1.8% เผยไม่ได้ปรับลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นทั้งสองตัวลง เหตุเทียบกับดัชนี SET เป็นหลัก เชื่อนักลงทุนขายหุ้นออกไปเพียงเล็กน้อย ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้จะเน้นดูจังหวะโอกาส และผลตอบแทนที่เหมาะสม โดยยังเน้นลงในตราสารหนี้ที่มีเรตติ้งดี ขณะที่กองทุนส่วนบุคคลคืบหน้าไปพอสมควร หวังดันให้มูลค่าสินทรัพย์ขยับขึ้นไป 2,000 ล้านบาท

 นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจาก  MSCI-Thailand ที่ได้ถอนหุ้นธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK และหุ้นบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ออกจากการคำนวณดัชนี เนื่องจากบริษัทดังกล่าวมีสภาพคล่อง (Free Float) ต่ำกว่าเกณฑ์ โดยบริษัทไม่ได้มีการปรับลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นทั้งสองตัว เนื่องจากการลงทุนในหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทจะเทียบกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เป็นหลัก และพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานของหุ้น จึงทำให้ไม่ได้มีการปรับสัดส่วนการลงทุนแต่อย่างใด
 
อย่างไรก็ตาม การปรับหุ้นทั้งสองตัวออกจากการคำนวณในกลุ่มดัชนี MSCI-Thailand อาจจะทำให้นักลงทุนขายออกไปบ้างเล็กน้อย แต่จากการที่เป็นการปรับลดน้ำหนักการลงทุนของตลาดหุ้นไทยจาก 2% เหลือ 1.8% ส่งผลให้นักลงทุนจะค่อยๆ ทยอยขายหุ้นออกไปมากกว่า ซึ่งการปรับดัชนีดังกล่าวจะมีผลประมาณปลายเดือนพฤษภาคม 2552 ทั้งนี้ มองว่าปัจจัยพื้นฐานของหุ้นทั้งสองตัวยังใช้ได้ จึงยังเก็บหุ้นดังกล่าวไว้ในพอร์ตลงทุนต่อไป
ส่วนกองทุนที่เน้นลงทุนตราสารหนี้ของต่างประเทศยังต้องดูจังหวะโอกาส และผลตอบแทนที่เหมาะสม โดยยังเน้นลงในตราสารหนี้ที่มีอันดับบความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ที่ดี ขณะที่ภูมิภาคที่บริษัทให้ความสนใจค่อนข้างกระจัดกระจายไปทั่วโลก และส่วนใหญ่จะเป็นตราสารหนี้ของประเทศมหาอำนาจเป็นหลัก และมีอายุของตราสารหนี้ตั้งแต่ 1 – 3 ปี เนื่องจากหากอายุของตราสารหนี้สั้นกว่านี้จะไม่สามารถให้ผลตอบแทนที่จูงใจนักลงทุนได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่ได้มีการตัดสินใจเลือกตราสารหนี้ที่จะลงทุนแต่อย่างใด

 นายวนา กล่าวว่า แผนการขายสินทรัพย์ของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ยูโอบี อพาร์ทเมนท์ หนึ่ง (UOBAPF) ซึ่งได้แก่ สิทธิการเช่าในที่ดิน อาคาร พร้อมทรัพย์สินและอุปกรณ์ โครงการแนเชอรัล วิลล์ เรสซิเดนส์ ในปัจจุบันมีนักลงทุนในประเทศให้ความสนใจมาดูสินทรัพย์ และทำเลอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีข้อสรุปออกมาภายใน 1 – 2 สัปดาห์ข้างหน้าว่าจะมีการตกลงซื้อสินทรัพย์ของกองทุนดังกล่าวหรือไม่

 ขณะที่แผนที่จะจัดตั้งกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) เพื่อนำนักลงทุนต่างประเทศที่สนใจเข้ามาลงทุนในธุรกิจในไทย ในลักษณะของการลงทุนในนิติบุคคล (Private Equity) ในบริษัทขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ทั้งที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปัจจุบันมีความคืบหน้าไปพอสมควร

 ทั้งนี้ มีนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ความสนใจมาลงทุนพอสมควร คาดว่าหากการเจรจาประสบความสำเร็จจะทำให้มูลค่าสินทรัพย์ของกองทุนส่วนบุคคลปรับเพิ่มขึ้นไป 2,000 ล้านบาท โดยบริษัทได้ตั้งเป้าหมายการเจริญเติบโตของมูลค่าสินทรัพย์ของกองทุนดังกล่าวปีนี้ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน มูลค่าสินทรัพย์ของกองทุนส่วนบุคคลอยู่ที่ประมาณ 2,600 ล้านบาท
สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ยูโอบี อพาร์ทเมนท์ หนึ่ง เป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่เน้นลงทุนในเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ในโครงการแนเชอรัล วิลล์ เรสซิเดนส์ ของบริษัท แนเชอรัลพาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ N-PARK ซึ่งตั้งอยู่บนเลขที่ 61 ซอยหลังสวน 2 ถนนหลังสวน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร และเป็นทรัพย์สินที่มีการเช่าบนเนื้อที่ดินบางส่วน แปลงที่ 4, 4ก, 4ก/1, 4ข ของโฉนดที่ดินเลขที่ 2712 โดยกองทุนลงทุนในสิทธิการเช่า (Leasehold) ที่ดินบางส่วน พร้อมสิ่งปลูกสร้างเพื่อประกอบธุรกิจเป็นอาคารที่พักอาศัย 28 ชั้น ชั้นใต้ดิน 1 ชั้น มีกำหนด 30 ปี ระหว่างสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นผู้ให้เช่า
กำลังโหลดความคิดเห็น