ASTVผู้จัดการออนรายวัน - “อภิสิทธิ์”ส่งสัญญาณเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว เมื่อการเมืองเริ่มสงบ ระบุทุกฝ่ายต้องหันหน้าปรองดอง ร่วมมือกู้วิกฤต ด้านผู้จัดงาน Money Expo 2009 หวังผู้เข้าร่วมงานแตะ7แสนราย เชื่อโปรโมชั่นโบรกเกอร์ บลจ. แบงก์ดึงดูดใจผู้ร่วมชมงานแน่ ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ฯเลื่อนโรดโชว์ยุโรป-อเมริกาจาก 17-23 พ.ค.นี้เป็นปลายมิถุนายนแทน เหตุติดปัญหาไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ “ภัทรียา”ยืนยันไม่กระทบต่อการลงทุน ปลื้มต่างชาติเข้าซื้อต่อเนื่อง แต่เตือนอย่านักลงทุนเหลิง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในการเปิดงานมันนี่ เอ็กซ์โป 2009 (Money Expo 2009) ว่า เศรษฐกิจไทยในขณะนี้ เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นจากตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายตัวในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รวมไปถึงสถานการณ์ของตลาดทุนไทยที่มีแนวโน้มการซื้อขายหลักทรัพย์ไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่เศรษฐกิจโลกน่าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ในช่วงปีหน้า
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี เชื่อว่ามาตรการต่างๆ ของภาครัฐที่เร่งนำออกมาใช้นั้นจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศและบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกได้ และน่าจะทำให้ความเชื่อมั่นของไทยฟื้นคืนกลับมา ซึ่งการทำงานของทุกฝ่ายก็เพื่อเดินหน้าช่วยกันแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัญหาทางการเมืองในประเทศที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของไทยนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากพิจารณาในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาจะเห็นได้ถึงการแสดงออกถึงพลังสามัคคีของคนไทยในเรื่องปรองดองสมานฉันท์ ยึดมั่นต่อสถาบันหลัก และจงรักภักดีพระมหากษัตริย์ รวมถึงการยึดมั่นต่อพุทธศาสนา จึงเชื่อว่าความสามัคคีปรองดองของคนในชาติจะเป็นพลังส่วนหนึ่งที่ช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้
อย่างไรก็ดี ยอมรับว่าสิ่งที่ยังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ คือความเชื่อมั่นในภาคการเงินจากที่ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งไม่ปล่อยสินเชื่อ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของการดำเนินธุรกิจที่ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงเป็นสำคัญ แต่ในเรื่องนี้รัฐบาลพยายามเร่งสร้างบรรยากาศด้านการลงทุน เช่นส่งเสริมโครงการต่างๆ การค้ำประกันความ เสี่ยงสินเชื่อเพื่อแบ่งเบาภาระให้สถาบันการเงิน
โดยรัฐบาลจะพยายามติดตามแก้ปัญหาในเรื่องนี้ ซึ่งจะเร่งให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบให้มากขึ้น โดยไม่ให้กระทบกับกลไกของตลาด อีกทั้งรัฐบาลคาดหวังว่าภาคการเงินจะตอบสนองความต้องการให้แกผู้ประกอบการได้ในยามที่เศรษฐกิจมีปัญหา
“แม้บ้านเมืองจะประสบปัญหารอบด้าน แต่ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย เศรษฐกิจไทย และสังคมไทย เพราะปัญหาเศรษฐกิจทุกวันนี้ ล้วนแต่เป็นปัญหามาจากภายนอก ในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานของไทยยังมีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะสถาบันการเงิน เพราะได้ผ่านประสบการณ์ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจมาแล้ว ดังนั้น ผมจึงเชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถดูแลการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างมีศักยภาพทั้งด้านการผลิต การเกษตร และภาคอุตสาหกรรม หากรัฐบาลสามารถกระตุ้นการลงทุนให้เพิ่มขึ้นได้ ก็จะช่วยให้ภาคการผลิตขยายตัวมากขึ้นและจะเป็นหลักที่สำคัญของพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศ”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
**ฝ่ายจัดงานคาดหวังคนทะลัก**
นายสันติ วิริยะรังสฤษฏ์ บรรณาธิการวารสารการเงินธนาคาร ในฐานะประธานจัดงานมหกรรมการเงิน มันนี่เอ็กซ์โป (Money Expo ) กล่าวถึง งานมหกรรมการเงินครั้งที่ 9 ว่า งานนี้ได้มีธนาคารสถาบันการเงิน รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมงานทั้งสิ้น 173 แห่ง เพื่อนำเสนอบริการทางการเงินและการลงทุนที่ครบวงจรให้กับประชาชนผู้เข้าชมงาน ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานประมาณ 700,000 คน และมีธุรกรรมเกิดขึ้นในงาน 50,000-60,000 ล้านบาท
โดยในส่วนของโปรโมชั่นภายในงานทั้งของ ธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์, บริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียน, บริษัทประกันภัย อาจมีหลากหลาย อาทิ ธนาคารกสิกรไทยให้สินเชื่อบ้านดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน การให้คำแนะนำด้านการลงทุนในหลักทรัพย์จากบรรดาโบรกเกอร์ พร้อมของสมนาคุณพิเศษสำหรับลูกค้าที่เปิดบัญชีกับบริษัท เช่นเดียวกับบริษัทจัดการลงทุน (บลจ.)ที่มีการให้บริการคำแนะนำการลงทุนผ่านกองทุนรวมประเภทต่างๆ และโปรโมชั่นอื่นๆอีกมากมาย สำหรับลูกค้าที่ซื้อหน่วยลงทุนภายในงานครั้งนี้
**ตลท.เลื่อนโรดโชว์ต่างประเทศ
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการหารือกับทางบริษัทหลักทรัพย์(บล.)ธนชาต และบล.บีเอ็นพี พารีบาล์ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ให้มีการเลื่อนไปแสดงรายการข้อมูล (โรดโชว์) ยุโรป สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 17 -23 พฤษภาคมนี้ เป็นช่วงปลายเดือนมิถุนายน แทน เนื่องจาก การเดินทางไม่สะดวกจากที่มีการตรวจเข้มในเรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือ H1N1
ทั้งนี้เชื่อว่าการเลื่อนจะไม่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจในการเข้ามาลงทุน เนื่องจาก ภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกมีการปรับตัวดีขึ้น และที่คาดว่าจะมีการไปโรดโชว์ในปลายเดือนมิถุนายน เพราะ เชื่อว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมหากไปในช่วงกรกฎาคม หรือสิงหาคม จะไม่ค่อยได้รับความสนใจจากนักลงทุน เพราะ เป็นช่วงที่นักลงทุนมีการหยุดพักผ่อน
สำหรับการไปโรดโชว์ครั้งนี้ จะเป็นช่วงที่งบการเงินของบริษัทจดทะเบียนออกมาแล้วนั้น ข้อมูลส่วนใหญ่ที่จะให้ไปข้อมูลแก่นักลงทุนนั้นจะเป็นในเรื่องนโยบายการบริหารงานของรัฐบาล และภาวะการเมืองไทยที่ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยขณะนี้ทางตลาดหลักทรัพย์ฯและทางบล.ธนชาตได้มีการแจ้งไปยังกับบริษัทจดทะเบียน 10 แห่ง ที่จะร่วมเดินทางไปให้ทราบในการเลื่อนโรดโชว์แล้ว
กรรมการและผู้จัดการตลท. กล่าวถึงดัชนีตลาดหุ้นไทยว่า ช่วงนี้เริ่มมีแนวโน้มการลงทุนของนักลงทุนเพิ่มขึ้นจากที่มีเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนมีนาคม ที่มีการซื้อสุทธิ 2,148 .12 ล้านบาท และในเดือนเมษายนมีแรงซื้อสุทธิ 3,815.99 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาค เพราะ ประเทศต่างๆมีการออกมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
โดยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิเหลือเพียง 283.55 ล้านบาท และดัชนีตลาดหุ้นไทยปัจจุบันได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 16%จากต้นปี และมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อวันที่ 10,591.03 ล้านบาท จากต้นปีที่ผ่านมาที่มี 8,000-9,000 ล้านบาท
“เม็ดเงินที่เข้ามาลงทุนนั้นเป็นกองทุนที่มีการลงทุนในภูมิภาคนี้ โดยพบว่ามีสัญญาณในการซื้อเพื่อที่จะนำมาบริหารพอร์ตเพื่อให้ผลตอบแทนที่ดีเพิ่มขึ้น และตลาดหุ้นไทยก็ได้รับอานิสงส์ในจุดนี้ ทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งเม็ดเงินเหล่านี้เข้ามาตามน้ำหนักการลงทุนในMSCI อย่างไรก็ตามแม้ดัชนีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้นนักลงทุนก็จะต้องมีความระมัดระวังในการลงทุนเช่นกัน และติดตามข้อมูลข่าวสารเพราะตลาดหุ้นจะมีความผันผวน ”นางภัทรียา กล่าว
สำหรับการประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด)ตลาดหลักทรัพย์ฯวาระพิเศษในวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ ในเรื่องปรับเป้าวอลุ่มเดิมในปลายเดือนมีนาคมนั้นจากภาวะตลาดหุ้นไทยไม่ดีนั้นมีแนวโน้มที่จะปรับลดวอลุ่มตลาดลง แต่จากช่วงนี้ภาวะตลาดหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้วนั้น ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยว่าจะมีการปรับเป้าวอลุ่มหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามฝ่ายจัดการได้มีการตั้งสมมุติฐานของวอลุ่มไว้หลายกรณี ซึ่งขึ้นอยู่กับทางคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ (บอร์ด) จะพิจารณา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในการเปิดงานมันนี่ เอ็กซ์โป 2009 (Money Expo 2009) ว่า เศรษฐกิจไทยในขณะนี้ เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นจากตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายตัวในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รวมไปถึงสถานการณ์ของตลาดทุนไทยที่มีแนวโน้มการซื้อขายหลักทรัพย์ไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่เศรษฐกิจโลกน่าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ในช่วงปีหน้า
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี เชื่อว่ามาตรการต่างๆ ของภาครัฐที่เร่งนำออกมาใช้นั้นจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศและบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกได้ และน่าจะทำให้ความเชื่อมั่นของไทยฟื้นคืนกลับมา ซึ่งการทำงานของทุกฝ่ายก็เพื่อเดินหน้าช่วยกันแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัญหาทางการเมืองในประเทศที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของไทยนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากพิจารณาในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาจะเห็นได้ถึงการแสดงออกถึงพลังสามัคคีของคนไทยในเรื่องปรองดองสมานฉันท์ ยึดมั่นต่อสถาบันหลัก และจงรักภักดีพระมหากษัตริย์ รวมถึงการยึดมั่นต่อพุทธศาสนา จึงเชื่อว่าความสามัคคีปรองดองของคนในชาติจะเป็นพลังส่วนหนึ่งที่ช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้
อย่างไรก็ดี ยอมรับว่าสิ่งที่ยังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ คือความเชื่อมั่นในภาคการเงินจากที่ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งไม่ปล่อยสินเชื่อ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของการดำเนินธุรกิจที่ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงเป็นสำคัญ แต่ในเรื่องนี้รัฐบาลพยายามเร่งสร้างบรรยากาศด้านการลงทุน เช่นส่งเสริมโครงการต่างๆ การค้ำประกันความ เสี่ยงสินเชื่อเพื่อแบ่งเบาภาระให้สถาบันการเงิน
โดยรัฐบาลจะพยายามติดตามแก้ปัญหาในเรื่องนี้ ซึ่งจะเร่งให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบให้มากขึ้น โดยไม่ให้กระทบกับกลไกของตลาด อีกทั้งรัฐบาลคาดหวังว่าภาคการเงินจะตอบสนองความต้องการให้แกผู้ประกอบการได้ในยามที่เศรษฐกิจมีปัญหา
“แม้บ้านเมืองจะประสบปัญหารอบด้าน แต่ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย เศรษฐกิจไทย และสังคมไทย เพราะปัญหาเศรษฐกิจทุกวันนี้ ล้วนแต่เป็นปัญหามาจากภายนอก ในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานของไทยยังมีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะสถาบันการเงิน เพราะได้ผ่านประสบการณ์ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจมาแล้ว ดังนั้น ผมจึงเชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถดูแลการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างมีศักยภาพทั้งด้านการผลิต การเกษตร และภาคอุตสาหกรรม หากรัฐบาลสามารถกระตุ้นการลงทุนให้เพิ่มขึ้นได้ ก็จะช่วยให้ภาคการผลิตขยายตัวมากขึ้นและจะเป็นหลักที่สำคัญของพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศ”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
**ฝ่ายจัดงานคาดหวังคนทะลัก**
นายสันติ วิริยะรังสฤษฏ์ บรรณาธิการวารสารการเงินธนาคาร ในฐานะประธานจัดงานมหกรรมการเงิน มันนี่เอ็กซ์โป (Money Expo ) กล่าวถึง งานมหกรรมการเงินครั้งที่ 9 ว่า งานนี้ได้มีธนาคารสถาบันการเงิน รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมงานทั้งสิ้น 173 แห่ง เพื่อนำเสนอบริการทางการเงินและการลงทุนที่ครบวงจรให้กับประชาชนผู้เข้าชมงาน ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานประมาณ 700,000 คน และมีธุรกรรมเกิดขึ้นในงาน 50,000-60,000 ล้านบาท
โดยในส่วนของโปรโมชั่นภายในงานทั้งของ ธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์, บริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียน, บริษัทประกันภัย อาจมีหลากหลาย อาทิ ธนาคารกสิกรไทยให้สินเชื่อบ้านดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน การให้คำแนะนำด้านการลงทุนในหลักทรัพย์จากบรรดาโบรกเกอร์ พร้อมของสมนาคุณพิเศษสำหรับลูกค้าที่เปิดบัญชีกับบริษัท เช่นเดียวกับบริษัทจัดการลงทุน (บลจ.)ที่มีการให้บริการคำแนะนำการลงทุนผ่านกองทุนรวมประเภทต่างๆ และโปรโมชั่นอื่นๆอีกมากมาย สำหรับลูกค้าที่ซื้อหน่วยลงทุนภายในงานครั้งนี้
**ตลท.เลื่อนโรดโชว์ต่างประเทศ
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการหารือกับทางบริษัทหลักทรัพย์(บล.)ธนชาต และบล.บีเอ็นพี พารีบาล์ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ให้มีการเลื่อนไปแสดงรายการข้อมูล (โรดโชว์) ยุโรป สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 17 -23 พฤษภาคมนี้ เป็นช่วงปลายเดือนมิถุนายน แทน เนื่องจาก การเดินทางไม่สะดวกจากที่มีการตรวจเข้มในเรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือ H1N1
ทั้งนี้เชื่อว่าการเลื่อนจะไม่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจในการเข้ามาลงทุน เนื่องจาก ภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกมีการปรับตัวดีขึ้น และที่คาดว่าจะมีการไปโรดโชว์ในปลายเดือนมิถุนายน เพราะ เชื่อว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมหากไปในช่วงกรกฎาคม หรือสิงหาคม จะไม่ค่อยได้รับความสนใจจากนักลงทุน เพราะ เป็นช่วงที่นักลงทุนมีการหยุดพักผ่อน
สำหรับการไปโรดโชว์ครั้งนี้ จะเป็นช่วงที่งบการเงินของบริษัทจดทะเบียนออกมาแล้วนั้น ข้อมูลส่วนใหญ่ที่จะให้ไปข้อมูลแก่นักลงทุนนั้นจะเป็นในเรื่องนโยบายการบริหารงานของรัฐบาล และภาวะการเมืองไทยที่ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยขณะนี้ทางตลาดหลักทรัพย์ฯและทางบล.ธนชาตได้มีการแจ้งไปยังกับบริษัทจดทะเบียน 10 แห่ง ที่จะร่วมเดินทางไปให้ทราบในการเลื่อนโรดโชว์แล้ว
กรรมการและผู้จัดการตลท. กล่าวถึงดัชนีตลาดหุ้นไทยว่า ช่วงนี้เริ่มมีแนวโน้มการลงทุนของนักลงทุนเพิ่มขึ้นจากที่มีเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนมีนาคม ที่มีการซื้อสุทธิ 2,148 .12 ล้านบาท และในเดือนเมษายนมีแรงซื้อสุทธิ 3,815.99 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาค เพราะ ประเทศต่างๆมีการออกมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
โดยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิเหลือเพียง 283.55 ล้านบาท และดัชนีตลาดหุ้นไทยปัจจุบันได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 16%จากต้นปี และมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อวันที่ 10,591.03 ล้านบาท จากต้นปีที่ผ่านมาที่มี 8,000-9,000 ล้านบาท
“เม็ดเงินที่เข้ามาลงทุนนั้นเป็นกองทุนที่มีการลงทุนในภูมิภาคนี้ โดยพบว่ามีสัญญาณในการซื้อเพื่อที่จะนำมาบริหารพอร์ตเพื่อให้ผลตอบแทนที่ดีเพิ่มขึ้น และตลาดหุ้นไทยก็ได้รับอานิสงส์ในจุดนี้ ทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งเม็ดเงินเหล่านี้เข้ามาตามน้ำหนักการลงทุนในMSCI อย่างไรก็ตามแม้ดัชนีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้นนักลงทุนก็จะต้องมีความระมัดระวังในการลงทุนเช่นกัน และติดตามข้อมูลข่าวสารเพราะตลาดหุ้นจะมีความผันผวน ”นางภัทรียา กล่าว
สำหรับการประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด)ตลาดหลักทรัพย์ฯวาระพิเศษในวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ ในเรื่องปรับเป้าวอลุ่มเดิมในปลายเดือนมีนาคมนั้นจากภาวะตลาดหุ้นไทยไม่ดีนั้นมีแนวโน้มที่จะปรับลดวอลุ่มตลาดลง แต่จากช่วงนี้ภาวะตลาดหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้วนั้น ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยว่าจะมีการปรับเป้าวอลุ่มหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามฝ่ายจัดการได้มีการตั้งสมมุติฐานของวอลุ่มไว้หลายกรณี ซึ่งขึ้นอยู่กับทางคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ (บอร์ด) จะพิจารณา
