xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นโล่งหลังม็อบแดงไม่คึก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตลาดหุ้นโล่งอก หลังม็อบเสื้อแดงมาน้อย ไม่คึกดังคุยโว ปิดตลาดบวกขึ้น 1.01 จุด ปิดที่ 443.57 จุด มูลค่าการซื้อสุดเอง 8,888.80 ล้านบาท "ภัทรียา"เซ็งปัญหาการเมืองในประเทศกดดันดัชนีหุ้นไทยไม่โตตามเพื่อนบ้านในภูมิภาคเดียวกัน เตรียมบินโรดโชว์นักลงทุนต่างชาติ ลอนดอน นิวยอร์ก ช่วงวันที่ 18-20 พฤษภาคมนี้กับ"บีเอ็นพี พาริบาส์"พันธมิตรบล.ธนชาต ด้านโบรกเกอร์ เร่งย้ำเตือนถือเงินสด รอดูสถานการณ์ ให้แนวรับ 436 จุด แนวต้าน 440 จุด

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวานนี้ (8เม.ย.) ปิดตลาดที่ระดับ 443.57 จุด เพิ่มขึ้น 1.01 จุด หรือ +0.23% มูลค่าการซื้อขาย 8,888.80 ล้านบาท โดยการซื้อขายหุ้นวานนี้ช่วงเช้าดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบโดยตลอดจนปิดตลาดในครึ่งวันแรก เช่นเดียวกับเมื่อเปิดตลาดช่วงบ่ายดัชนียังแกว่งในแดนลบ ก่อนที่จะพลิกกลับขึ้นมายืนในแดนบวกได้เป็นครั้งแรกในช่วงท้ายของวัน โดยมีจุดต่ำสุดอยู่ที่ 438.05 จุด สูงสุดที่ 443.57 จุด

ขณะที่สัดส่วนการลงทุนพบว่า นักลงทุนทั่วไปซึ้อสุทธิ 766.30 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ -193.96 ล้านบาท และสถาบันขายสุทธิ-572.35 ล้านบาท จำนวนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 138 หลักทรัพย์ ลดลง 127 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 126 หลักทรัพย์

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ปัจจัยสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศสร้างความวิตกกังวลอย่างมากให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะการชุมนุมเคลื่อนไหวใหญ่ของคนเสื้อแดงวานนี้ (8 เม.ย.) นับเป็นสาเหตุสำคัญที่กดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยไม่ให้ปรับตัวขึ้นมากนัก ทั้งนี้จึงขอแนะนำให้นักลงทุนคอยติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด

ขณะเดียวกัน ในระหว่างวันที่ 18 -20 พฤษภาคมนี้ ตลาดหลักทรัพย์จะเดินทางไปโรดโชว์ข้อมูลในต่างประเทศ 2 แห่ง คือ ลอนดอน และ นิวยอร์ก ซึ่งจะเป็นการร่วมเดินทางไปกับบีเอ็นพี พาริบาส์ ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ธนชาต โดยตลาดหลักทรัพย์ตั้งเป้าที่จะใช้โอกาสนี้ในการนำเสนอ และชี้แจงข้อมูลถึงสถานการณ์ต่างๆให้กับนักลงทุนต่างประเทศได้รับทราบ

นายธวัชชัย อัศวพรชัย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด (GBS) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวานนี้ปรับตัวลดลง จากบรรยากาศการลงทุนที่ซบเซา และมูลค่าการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติชะลอการลงทุนอยู่นอกตลาด เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากเหตุการณ์การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.)ที่นัดรวมพลใหญ่ ขณะเดียวกันนักลงทุนยังจับตาการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) ที่มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% แต่เหตุการณ์ไม่ได้เกิดความรุนแรงอย่างที่คิด ส่งผลให้ตลาดปรับตัวเป็นบวกในช่วงท้าย ปิดตลาดที่ 443.57 จุด เพิ่มขึ้น 1.01 จุด

ทั้งนี้ปัจจัยภายในประเทศการประชุมของคณะกรรมกนง.มีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย(อาร์พี 1 วัน)ลง 0.25% ต่อปี ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาอยู่ที่ 1.25% จากเดิมอยู่ที่ 1.50% เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจรอบนี้อาจรุนแรงและยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ และยังมีความไม่แน่นอนว่าจะจบสิ้นเมื่อใด

สำหรับปัจจัยทางการเมืองกรณีการประกาศชุมนุมครั้งใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดง ที่กดดันบรรยากาศการลงทุนวานนี้ได้สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน จนส่งผลมีการเทขายหุ้นออกมา เพื่อลดความเสี่ยงจากปัจจัยดังกล่าว โดยนักลงทุนต่างรอติดตามทิศทางของสถานการณ์ว่าจะออกมาอย่างไร ส่วนประเมินแนวโน้มดัชนีวันนี้(9เม.ย.) คาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยอาจมีการแกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยประเมินแนวรับที่ 436 จุด แนวต้าน 440 จุด กลยุทธ์แนะนำนักลงทุนถือเงินสด เพื่อป้องกันความเสี่ยง

นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วานนี้แกว่งตัวในแดนลบช่วงกรอบแคบๆ มาตลอดทั้งวัน จนมาปิดตลาดเป็นบวกที่ 443.57 จุด เพิ่มขึ้น 1.01 จุด มีมูลค่าการซื้อขายที่ 8,888.80 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่เกินคาดจากที่นักวิเคราะห์หลายคนได้คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ปัจจัยที่ส่งผลต่อการปรับตัวของตลาดหุ้นไทยมีอยู่ 2 ข้อ คือ การปรับตัวตามตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นดาวโจนส์ที่ปรับตัวลดลงกว่า 100 จุด และจากปัจจัยทางการเมืองในประเทศที่มีน้ำหนักสูงต่อการกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยให้เกิดการผันผวน
 อย่างไรก็ตามเหตุการณ์การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดงวานนี้ไม่ได้เกิดความรุนแรงตามที่คาดการณ์ไว้มากนัก ส่งผลให้ช่วงท้ายของตลาดปรับตัวเป็นบวกได้ ซึ่งถือว่าเป็นข่าวดีของตลาดทุน
ขณะเดียวกัน ปัจจัยจากตลาดต่างประเทศวานนี้ไม่ได้เป็นปัจจัยหลักในการปรับตัวของดัชนีไทยมากนัก เห็นได้จากในช่วงที่ดัชนีตลาดอื่นปรับตัวดีขึ้นตลาดหุ้นไทยก็ไม่ได้ปรับตัวดีตาม แต่เหตุการณ์ในประเทศน่าจะเป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลมากกว่า

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักลงทุนต้องจับตาดูและนำมาพิจารณาคือ เหตุการณ์ชุมนุมเมื่อคืนวานนี้ เพราะสถานการณ์การเมืองในประเทศที่ขณะนี้ถือว่าอยู่ในจุดที่ค่อนข้างเข้มข้น และถ้าหากในคืนนี้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น ตลาดหุ้นจะมีการตอบรับทันทีในช่วงเช้า ดังนั้นนักลงทุนความระมัดระวังเป็นอย่างมาก และช่วงระยะเวลาก่อนเทศกาลสงกรานต์คาดว่ามูลค่าการซื้อขายจะอยู่ในสถานะที่เบาบาง ทำให้นักลงทุนไม่กล้าที่จะลงทุนมากนัก จากปัจจัยความไม่ชัดเจนในหลายๆด้าน ประกอบกับช่วงระยะเวลาวันหยุดที่มีจำนวนหลายวันติดต่อกัน จะส่งผลต่อการชะลอการลงทุนของนักลงทุนไปด้วย

ส่วนแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้(9เม.ย.) ประเมินแนวรับที่ 435 จุด แนวต้านที่ 445 จุด แนะนำนักลงทุนซื้อช่วงที่ดัชนีอ่อนตัว สำหรับหุ้นที่น่าสนใจ คือหุ้นกลุ่มพลังงาน

ด้าน น.ส.ศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นวานนี้ปัจจัยการเมืองยังเป็นตัวหลักและตลาดต่างประเทศก็ไม่ได้มีอะไรใหม่ ยังคงมีแรงเทขายในต่างประเทศ และช่วงนี้ใกล้วันหยุดยาวทำให้วอลุ่มซื้อขายลดลง อีกทั้งผลประชุมกนง.ออกมาถือว่าเป็นไปตามคาดระหว่าง 0.25-0.50% และมองว่ายังมีโอกาสลดลงได้อีก 1-2 รอบ

สำหรับ แนวโน้มวันนี้คงจะไม่แตกต่างจากวันนี้ เพราะนักลงทุนไม่ต้องการถือหุ้นข้ามไป โดยที่ไม่ทราบว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร และไม่ได้มีปัจจัยอะไรบวกเด่น ๆ เข้ามาเลยทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ จะเห็นดัชนีหุ้นดาวโจนส์ที่ขึ้นมาหลายสัปดาห์ก็เริ่มถูกขายทำกำไร ซึ่งเป็นเรื่องปกติและคนเริ่มหนีเข้าไปซื้อดอลลาร์แทน โดยจะเห็นว่า commodity ก็ปรับลงทั้งหมด จึงคาดว่าตลาดยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบวอลุ่มเบาบาง ทิศทางไม่ค่อยมี

"ดูเหมือนจะมีความพยายามก่อให้เกิดความรุนแรง และก่อให้เกิดเหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อมกันทั่วเมือง เป็นการก่อกวนจึงเป็นเรื่องที่ต้องจับตา แต่ถ้าตราบใดที่ไม่มี เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นวันนี้คนก็จับตาเหมือนเดิม แต่ถ้ามีอะไรที่รุนแรงขึ้นมา ตลาดเราก็ไม่ต้องพูดถึง"น.ส.ศศิกร กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น