xs
xsm
sm
md
lg

กลไกตลาดกับโอกาสในการลงทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ ตลาดทุนไทยในสายตาต่างชาติ
โดย บริษัท เน็กซ์วิว (ประเทศไทย) จำกัด


ในวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมได้ทำตามความฝันของตนเองอีกครั้ง กับการจัดงานสัมมนาเพื่อให้ความรู้กับนักลงทุนและผู้สนใจ ภายใต้หัวข้อ “โอกาสการทำกำไร ในทองคำ” โดยเป็นงานเดียวที่ผมสามารถรวบรวมวิทยากรและผู้ทรงคุณวุฒิทางด้าน “ทองคำ” และการวิเคราะห์ทางเทคนิค มาให้ความรู้แก่นักลงทุนและผู้สนใจถึง 10 คน โดยมีหัวข้อการสัมมนาให้เลือกกว่า 15 หัว และกว่า 5 ห้องสัมมนาจัดอบรมเกือบจะพร้อมกัน ในเวลาเพียงวันเดียว เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน ที่มีความรู้ด้านการลงทุนที่แตกต่างกัน สามารถเลือกฟังหัวข้อที่ตนเองสนใจ ตามระดับความรู้ เพราะจากประสบการณ์ตรง ที่ผมอยู่ในธุรกิจนี้ โดยส่วนตัวมีความารู้สึกว่า ในงานสัมมนาหลายๆ ครั้ง ทั้งที่จัดโดย ตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทหลักทรัพย์ หน่วยงานอื่นๆ มักจะจัดแบบตามใจผู้จัด แต่ไม่ได้ตามใจผู้ฟังอยากแท้จริง เพราะหน่วยงานเหล่านั้นไม่ได้สนใจว่า ความต้องการที่แท้จริงของผู้ฟังเป็นอย่างไร เขาต้องการอะไร เพียงแต่ทุกครั้ง จะพยายามจัดให้ดูใหญ่โต ทุ่มงบประมาณเยอะ มีการเลี้ยงอาหารว่าง ในกรณีที่จัดเฉพาะครึ่งวันเช้า หรือ บ่าย แต่ถ้าจัดทั้งวัน ก็ต้องเตรียมอาหารกลางวันเอาไว้ให้ด้วย จนบางครั้ง เวลา บริษัทฯ ผมจัดงานสัมมนาให้ความรู้แต่ละครั้ง จะมีนักลงทุนบางส่วนมักโทรมาถามก่อนเสมอว่า มีอาหารว่างไหม มีอาหารกลางวันไหม ซึ่งด้วยใจจริง ผมก็อยากถามกลับเหมือนกันว่า จะมาฟังสัมมนาเพื่อเอาความรู้ หรือ จะมาเพียงเพื่อรับประทานอาหารเท่านั้น

ตลาดในภาพรวมถูกปฏิบัติในแนวทางที่ไม่สมควรมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการฝึกอบรมให้ความรู้แก่นักลงทุน การจัดงานสัมมนาที่ผ่านมาในหลายๆ ครั้ง ไม่ได้ต้องการให้ความรู้แก่นักลงทุนอย่างแท้จริง แต่ต้องการเพียงบอกถึงหุ้น ที่น่าลงทุนในช่วงท้ายๆ ของการสัมมนาเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องโดยหลักปฏิบัติในการถ่ายทอดความรู้ เพราะกระบวนการในการให้ความรู้ที่แท้จริงนั้น จะต้องมีขั้นตอนที่ชัดเจน มีการจัดลำดับความยากง่ายของเนื้อหา มีกระบวนการในการวัดและประเมินผลที่ถูกวิธี และมีการจัดเตรียมเอกสาร ตำราประกอบการเรียนการสอนที่ถูกต้องตามหลักการเรียนรู้ และมีระบบจัดการที่ดี โดยคนที่มีความรู้จริง ไม่ได้ให้ใครก็ได้มาทำเพียงเพราะรู้จักกันเป็นการส่วนตัว โดยปราศจากความสามารถที่แท้จริง จนทำให้แนวทางการให้ความรู้ ไม่ถูกต้อง เพราะเพียงหลับตาข้างหนึ่งเอาไว้ แล้วบอกว่า การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ นั้นไม่ยาก จึงทำให้มีนักลงทุนเข้ามาทำกำไรในตลาดหลักทรัพย์กันมากในช่วงหลังเปลี่ยนถ่ายรัฐบาล เมื่อประมาณปี 2531 จนทำให้มีการเก็งกำไรในดัชนีตลาดหลักทรัพย์กันจนวิ่งไปแตะที่ 1800 จุด ในปี 2537 และปรับตัวลดลงจนถึงทุกวันนี้ เรียกได้ว่า ไม่ว่าจะเป็น Value Investors หรือ Speculators ถ้าไหวตัวไม่ทัน ก็ขาดทุนกันเป็นแถว โดยไม่มีข้อยกเว้น

ความผิดทั้งหลายทั้งปวงเกิดจากความต้องการที่จะกระตุ้นการซื้อ-ขาย ในตลาดให้มากขึ้น โดยไม่คำนึงถึงผลลัพท์ที่จะเกิดในอนาคต เพียงเพื่อผลประโยชน์ของคนไม่กี่คน ภายใต้ความยินยอมพร้อมใจแบบไร้จรรยาบรรณของผู้บริหารบางคนในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

สำหรับผลลัพท์ที่ผ่านมานั้น ค่อนข้างรุนแรง และส่งผลยาวนานมากจน ถ้าวันนี้ หากมีใครไปชวนนักลงทุน ที่มีประสบการณ์ร่วมในครั้งนั้น ในฐานะผู้ที่ลงทุนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ ตอนนั้น จะพบกับความรู้สึกที่เลวร้ายออกมาจากคำพูดของคนเหล่านั้น

หลายครั้งที่ตลาดหลักทรัพย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้พยายามจัดสัมมนาให้ความรู้แก่นักลงทุน และเจ้าหน้าที่การตลาด ในบริษัทหลักทรัพย์ หลายต่อหลายครั้ง สิ่งที่คนกลุ่มนั้นได้รับกลับไป อาจไม่ทำให้คนเหล่านั้นมั่นใจได้ว่า จะสามารถนำไปใช้ได้จริง ดูดังตัวอย่างตอนที่ตลาดหลักทรัพย์เปิดตัว SET50 Index Futures ใหม่ๆ เจ้าหน้าที่การตลาดในบริษัทหลักทรัพย์ ในสมัยนั้น เหมือนถูกบังคับให้ต้องไปอบรมเพื่อสอบใบอนุญาต ในการเป็นผู้ติดต่อนักลงทุน เพื่อเป็นนายหน้าซื้อ-ขาย ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จริงๆ แล้วหลักเบื้องต้นในการซื้อ-ขายผลิตภัณฑ์ในตลาดล่วงหน้า เพื่อการเก็งกำไรนั้น เข้าใจไม่ยากเลย แต่ถ้าลองมาดูเนื้อหาของเอกสารประกอบการเรียนการสอน เพื่อนำไปสอบใบอนุญาตนั้น ขอบอกว่า ทำความเข้าใจยากจริงๆ (ถ้าเจ้าหน้าที่การตลาดที่อยู่ในธุรกิจยังไม่เข้าใจ ก็ไม่ควรคาดหวังว่า นักลงทุนในภาพรวมจะเข้าใจในเนื้อหาดังกล่าว) เมื่อไม่เข้าใจ แต่ต้องการผ่านการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาต ทำให้เจ้าหน้าที่การตลาดหลายจน สอบผ่านด้วยวิธีการจำเนื้อหาเข้าไป โดยปราศจากความเข้าใจ ทำให้หลังจากสอบผ่านไปแล้ว ความรู้ที่ใช้สอบก็ถูกหลงลืมไป แต่จะเป็นความเข้าใจส่วนตัวของเจ้าหน้าที่การตลาดเอง โดยใช้ประสบการณ์ตรงของตนเองเข้ามาตีความ อธิบาย ความหมายของผลิตภัณฑ์แทน

ในส่วนของนักลงทุนก็เช่นเดียวกัน ถูกทำให้คุ้นเคยกับคำว่า สัมมนาฟรี สัมมนาฟรี กันจนคุ้นเคย จนทำให้พาลคิดไปว่า ในเมื่อมีสัมมนาฟรีที่จัดอยู่อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ทำไมต้องมาเสียเงินกับงานสัมมนาที่มีค่าใช้จ่ายด้วย โดยลืมไปว่า ถ้าตนเองเลือกได้และมีเงินเพียงพอ จะเลือกที่จะส่งลูกตนเองไปเรียน โรงเรียนในสังกัด กรุงเทพมหานคร หรือจะส่งลูกไปเรียน ที่โรงเรียนเอกชน หรือโรงเรียนนานาชาติ

ผมยอมรับโดยดุษฏีว่า ความรู้ด้านตลาดเงินและตลาดทุน โดยส่วนใหญ่มักมาจากต่างประเทศอันเนื่องมาจากประวัติศาสตร์ ความยาวนาน ทำให้เกิดการเพาะบ่ม และตกผลึกองค์ความรู้ ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง แก่คนหมู่มาก ซึ่งองค์ความรู้นั้น ถึงแม้จะดูไม่ทันสมัยมากนัก แต่เมื่อนำมาปรับใช้กับประเทศที่ยังมีเศรษฐกิจตามหลังประเทศอื่น ในหลายๆ ด้าน ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อยู่เหมือนกัน

ผมอยากให้นักลงทุนทั้งหลาย ที่มีความสนใจจริงด้านการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งที่แท้จริง ภายใต้เงื่อนไขที่เป็นไปได้ เข้าใจความเสี่ยง และเข้าใจกลไก การป้องกันความเสี่ยงในตลาดที่แท้จริง พยายามเรียนรู้จากเอกสาร ตำรา และผู้รู้ ที่รู้จริง ให้มากขึ้น เพื่อทำให้ตนเองสามารถเรียนรู้ และเข้าใจวิธีการในการลงทุนในตลาดฯ อย่างแท้จริง ในอนาคต โดยผมขอให้หลักง่ายๆ ดังนี้ “หากเรามีความรู้เท่ากับศูนย์ และต้องการเรียนรู้ วิธีการในการลงทุนแบบผู้เข้าใจอย่างแท้จริง หากไร้ซึ่งผู้แนะนำที่มีความรู้ที่แตกฉาน อาจต้องเสียเวลามากกว่า 10 ปี กว่าจะประสบความสำเร็จ หากนักลงทุนได้รับการเรียนรู้ที่ถูกวิธี จากผู้ที่มีความรู้ และประสบการณ์จริง ก็อาจใช้เวลาเพียงแค่ 3-5 ปี เท่านั้น ก็สามารถที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุน ได้อย่างที่ใจปราถนา” ครับ หากต้องการติดตามข้อมูลงานสัมมนา ที่จัดโดยบริษัท เน็กซ์วิว (ประเทศไทย) จำกัด สามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ที่ www.technicalday.com
กำลังโหลดความคิดเห็น