บล.ฟิลลิป ฟุ้ง 3 เดือน "Gold Futures" คึกคักเกินคาด เพิ่มขึ้นกว่า 100% ระบุยิ่งมีความผันผวนมาก ยิ่งได้รับความสนใจ เชื่อนักลงทุนส่วนใหญ่ เข้าใจมากขึ้น ชูการให้ข้อมูลแบบ Realtime อ้างอิงการซื้อขายจริง ช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้น พร้อมมองทิศทางราคาทองคำตลาดโลกเคลื่อนไหวกรอบ 864 – 916 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือราคา Gold Futures 14,700 - 15,500 บาท
นายกิดาการ สุวรรณธรรมา ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากเปิดการซื้อขาย Gold Futures ไปประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา ราคาทองคำในตลาดโลกเคลื่อนไหวในกรอบ 864-1005 เหรียญ ส่วน Gold Futures 14,680-16,750 บาท สะท้อนความผันผวน 17-29 % สอดคล้องกับจังหวะการเปิดซื้อขาย Gold Futures ทำให้นักลงทุนตอบรับ Gold Futures มากกว่าที่ทางบริษัทคาด ซึ่ง Volume การซื้อขายมีทิศทางเพิ่มมากขึ้นในภาพรวม โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาทองคำในตลาดโลกแกว่งตัวมากเป็นพิเศษ ตลาด Gold Futures จะมีปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่น แต่ถ้าหากช่วงไหนที่ดัชนี SET50 แกว่งตัวมากเป็นพิเศษ ผู้ลงทุนก็จะหันความสนใจมาที่ SET 50 Index Futures เนื่องจาก Futures เป็นสินค้าที่อยู่คู่กับความผันผวน
ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของ Gold Futures ที่ผ่านมาพบว่า มีการซื้อขายโดยเฉลี่ยในเดือนแรก (กพ.) ที่ 320 สัญญาต่อวัน ขณะที่ปัจจุบัน เดือนเมษายนอยู่ที่ 652 สัญญาต่อวัน ซึ่งเทียบเท่าน้ำหนักทองคำ 32,600 บาท คิดเป็นมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาทต่อวัน หรือเติบโต 104% จากในเดือนแรก และมีการซื้อขายสูงถึง 1,142 สัญญา/วัน เป็นสถิติสูงสุด ปริมาณสถานะคงค้าง โตจาก 630 สัญญาเป็น 1,795 สัญญา ซึ่งเทียบเท่าน้ำหนักทองคำประมาณ 90,000 บาท คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,400 ลบ. หรือโต 185% เทียบกับเดือนแรก และมีจำนวนสัญญาคงค้างสูงสุดร่วม 2,177 สัญญา หรือเทียบเท่าน้ำหนักทอง 108,850 บาท
"สำหรับนักลงทุน 3 เดือนที่ผ่านมา เป็นช่วงลองผิดลองถูก ราคา Futures มีทั้งจังหวะที่เป็น Premium เกินจริง เมื่อเทียบกับการให้ Premium ของ Gold Futures ในตลาดต่างประเทศ และ Discount เกินจริง ในบางช่วง เป็นเพราะความใหม่ของสินค้าและตัวผู้ลงทุน จึงทำให้ต้องใช้เวลาในการหาจุดสมดุล ซึ่งผู้ลงทุนในไทยมีความคาดหวังต่อ Gold Futures แตกต่างจากในต่างประเทศ ตรงนี้เองที่สะท้อนอยู่ในส่วนต่างของ Premium และ Discount ในประเทศ/ต่างประเทศ รวมทั้งทองคำมีการซื้อขายในหลายตลาด ผู้ลงทุนแต่ละราย อาจใช้ราคาอ้างอิงจากหลากหลายที่มา ทำให้มีความแตกต่างกัน และผลสะท้อนของราคาอ้างอิงจากแหล่งต่างๆ กลายเป็นความสับสนของนักลงทุนในการเข้าถึงแหล่งราคาอ้างอิงที่ถูกต้อง"นายกิดาการกล่าว
สำหรับ Gold Futures ที่ซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ในประเทศไทยนั้นใช้ราคาอ้างอิงจาก London เพียงแหล่งเดียวเท่านั้น บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) นอกจากจะเป็นเพียงบริษัทเดียวในประเทศไทยที่เผยแพร่ข้อมูลราคาซื้อขาย แบบ Loco London แล้ว ยังเป็นบริษัทเดียวที่เผยแพร่ราคาดังกล่าวแบบ Real time ในช่วง 6.00 -24.30 โดยแปลงเป็นสกุลเงินบาทให้แล้ว
นายกิดาการกล่าวว่า ราคาทองคำในตลาดโลกนั้น ถึงแม้ว่าจะสามารถหาดูได้ตาม Website ที่เกี่ยวกับทองคำทั่วไป หรือ ดูจากระบบบริการข้อมูลในห้องค้า ซึ่งเป็นราคา Real time แต่ข้อมูลแบบนั้นจะใช้ราคาจาก London เพียงบางช่วงของการซื้อขายเท่านั้น และยังเป็นราคาอ้างอิงที่เวียนกันไปแต่ละประเทศ แต่สำหรับ TFEX ใช้ราคาอ้างอิงจากราคาทองคำในตลาด London เท่านั้น ซึ่งสินค้าที่ซื้อขายกันคนละตลาด ย่อมมีราคาไม่เท่ากัน จึงไม่สามารถใช้เป็นแหล่งอ้างอิงข้อมูลได้ 100% นอกจากนั้น ราคา Real-time ที่ดูได้ทั่วไปจะแสดงราคาเป็น USD ซึ่งนักลงทุนจะต้องแปลงค่าเงินบาทด้วยตัวเอง ด้วยเหตุผลนี้ ทำให้ทาง บล.ฟิลลิป จึงมั่นใจในราคาทองคำที่ใช้อ้างอิง ที่มีให้กับลูกค้าว่าเป็นข้อมูลอ้างอิงที่เชื่อถือได้
อย่างไรก็ตาม ด้วยระบบดังกล่าว ถือเป็นเครื่องมือหนึ่งในการช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจก่อนการลงทุนได้สะดวกมากขึ้น สังเกตได้จากลูกค้าที่มีการซื้อขายสม่ำเสมอปัจจุบันกว่า 30% มีการซื้อขาย Gold Futures ควบคู่ไปกับสินค้าอนุพันธ์อื่นๆ นอกจากนั้น ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดใน Gold Futures อยู่ที่ 13% ซึ่งสูงกว่าส่วนแบ่งการตลาดโดยรวมในทุกสินค้าที่ 9.2% จึงอาจกล่าวได้ว่า บริษัทประสบความสำเร็จใน สินค้า Gold Futures มากกว่าสินค้าอื่น ๆ โดยการซื้อขาย Gold Futures ผ่าน Internet ปัจจุบันอยู่ที่ 18.42% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย Internet Volume ของตลาดที่ 15.19%
ส่วนทิศทางราคา Gold Futures จะเป็นอย่างไรนั้น หลังจากที่ Spot Gold ได้ทดสอบแนวต้านทางจิตวิทยาที่ 1000 usd/ounce และ แนวรับที่แข็งแกร่งบริเวณ 864 usd/ounce แล้ว ปัจจุบันทิศทางเป็นการเคลื่อนไหวในกรอบ864 – 916 เหรียญ หรือราคา Gold Futures 14,700 - 15,500 บาท
"ตัวเลข 15,000 บาท ได้กลายเป็นฐานราคาใหม่ เมื่อไหร่ที่ราคาลดลงต่ำกว่านี้ จะเกิดแรงซื้อในทองคำแท่งเข้ามา เนื่องจากที่ระดับต่ำกว่า 15,000 บาทผู้ลงทุนระยะยาวเริ่มมองว่าลงทุนได้แล้ว ความเสี่ยงจึงค่อนข้างต่ำ นอกจากกรณีเศรษฐกิจและตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวเร็วกว่าคาด ราคาทองอาจลงไปสร้างฐานราคาใต้ 15,000 บาทใหม่ สำหรับการพัฒนาสินค้าอนุพันธ์นั้น ขณะนี้มีความเป็นไปได้ในการออกสัญญา Gold Futures หลากหลายขนาดสัญญา นอกเหนือจาก ขนาด 50 บาทในปัจจุบัน เพื่อเป็นทางเลือกให้นักลงทุนยิ่งขึ้น จึงคาดว่าจะมีนักลงทุนสนใจซื้อขายเพิ่มเติมในขนาดสัญญาใหม่ด้วย"นายกิดาการกล่าว
ขณะที่ความคืบหน้าในการเปิดรับ Selling Agent และ Introducing Agent เมื่อนับรวมจำนวนรวมกับ 40 Broker จะทำให้ในปีนี้ มีกว่า 100 บริษัท ที่ร่วมกันผลักดันให้มูลค้าการซื้อขาย Gold Futures สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของนักลงทุนต่างชาติ ยอมรับว่ายังไม่ค่อยให้ความสนใจมากนัก เพราะยังคงให้น้ำหนักการซื้อขายใน SET50 Futures เป็นหลักเนื่องจากมีสภาพคล่องที่สูงกว่า ส่วนนักลงทุนที่สนใจ และต้องการรู้ลึกเรื่อง Futures นั้น บริษัทจะจัดให้มีการจัดการบรรยายเรื่อง "เกาะติดต่างชาติในตลาด Futures" ที่ตลาดหลักทรัพย์ ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ โดยผู้สนใจสามารถลงทะเบียนผ่าน www.poems.in.th
นายกิดาการ สุวรรณธรรมา ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากเปิดการซื้อขาย Gold Futures ไปประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา ราคาทองคำในตลาดโลกเคลื่อนไหวในกรอบ 864-1005 เหรียญ ส่วน Gold Futures 14,680-16,750 บาท สะท้อนความผันผวน 17-29 % สอดคล้องกับจังหวะการเปิดซื้อขาย Gold Futures ทำให้นักลงทุนตอบรับ Gold Futures มากกว่าที่ทางบริษัทคาด ซึ่ง Volume การซื้อขายมีทิศทางเพิ่มมากขึ้นในภาพรวม โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาทองคำในตลาดโลกแกว่งตัวมากเป็นพิเศษ ตลาด Gold Futures จะมีปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่น แต่ถ้าหากช่วงไหนที่ดัชนี SET50 แกว่งตัวมากเป็นพิเศษ ผู้ลงทุนก็จะหันความสนใจมาที่ SET 50 Index Futures เนื่องจาก Futures เป็นสินค้าที่อยู่คู่กับความผันผวน
ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของ Gold Futures ที่ผ่านมาพบว่า มีการซื้อขายโดยเฉลี่ยในเดือนแรก (กพ.) ที่ 320 สัญญาต่อวัน ขณะที่ปัจจุบัน เดือนเมษายนอยู่ที่ 652 สัญญาต่อวัน ซึ่งเทียบเท่าน้ำหนักทองคำ 32,600 บาท คิดเป็นมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาทต่อวัน หรือเติบโต 104% จากในเดือนแรก และมีการซื้อขายสูงถึง 1,142 สัญญา/วัน เป็นสถิติสูงสุด ปริมาณสถานะคงค้าง โตจาก 630 สัญญาเป็น 1,795 สัญญา ซึ่งเทียบเท่าน้ำหนักทองคำประมาณ 90,000 บาท คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,400 ลบ. หรือโต 185% เทียบกับเดือนแรก และมีจำนวนสัญญาคงค้างสูงสุดร่วม 2,177 สัญญา หรือเทียบเท่าน้ำหนักทอง 108,850 บาท
"สำหรับนักลงทุน 3 เดือนที่ผ่านมา เป็นช่วงลองผิดลองถูก ราคา Futures มีทั้งจังหวะที่เป็น Premium เกินจริง เมื่อเทียบกับการให้ Premium ของ Gold Futures ในตลาดต่างประเทศ และ Discount เกินจริง ในบางช่วง เป็นเพราะความใหม่ของสินค้าและตัวผู้ลงทุน จึงทำให้ต้องใช้เวลาในการหาจุดสมดุล ซึ่งผู้ลงทุนในไทยมีความคาดหวังต่อ Gold Futures แตกต่างจากในต่างประเทศ ตรงนี้เองที่สะท้อนอยู่ในส่วนต่างของ Premium และ Discount ในประเทศ/ต่างประเทศ รวมทั้งทองคำมีการซื้อขายในหลายตลาด ผู้ลงทุนแต่ละราย อาจใช้ราคาอ้างอิงจากหลากหลายที่มา ทำให้มีความแตกต่างกัน และผลสะท้อนของราคาอ้างอิงจากแหล่งต่างๆ กลายเป็นความสับสนของนักลงทุนในการเข้าถึงแหล่งราคาอ้างอิงที่ถูกต้อง"นายกิดาการกล่าว
สำหรับ Gold Futures ที่ซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ในประเทศไทยนั้นใช้ราคาอ้างอิงจาก London เพียงแหล่งเดียวเท่านั้น บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) นอกจากจะเป็นเพียงบริษัทเดียวในประเทศไทยที่เผยแพร่ข้อมูลราคาซื้อขาย แบบ Loco London แล้ว ยังเป็นบริษัทเดียวที่เผยแพร่ราคาดังกล่าวแบบ Real time ในช่วง 6.00 -24.30 โดยแปลงเป็นสกุลเงินบาทให้แล้ว
นายกิดาการกล่าวว่า ราคาทองคำในตลาดโลกนั้น ถึงแม้ว่าจะสามารถหาดูได้ตาม Website ที่เกี่ยวกับทองคำทั่วไป หรือ ดูจากระบบบริการข้อมูลในห้องค้า ซึ่งเป็นราคา Real time แต่ข้อมูลแบบนั้นจะใช้ราคาจาก London เพียงบางช่วงของการซื้อขายเท่านั้น และยังเป็นราคาอ้างอิงที่เวียนกันไปแต่ละประเทศ แต่สำหรับ TFEX ใช้ราคาอ้างอิงจากราคาทองคำในตลาด London เท่านั้น ซึ่งสินค้าที่ซื้อขายกันคนละตลาด ย่อมมีราคาไม่เท่ากัน จึงไม่สามารถใช้เป็นแหล่งอ้างอิงข้อมูลได้ 100% นอกจากนั้น ราคา Real-time ที่ดูได้ทั่วไปจะแสดงราคาเป็น USD ซึ่งนักลงทุนจะต้องแปลงค่าเงินบาทด้วยตัวเอง ด้วยเหตุผลนี้ ทำให้ทาง บล.ฟิลลิป จึงมั่นใจในราคาทองคำที่ใช้อ้างอิง ที่มีให้กับลูกค้าว่าเป็นข้อมูลอ้างอิงที่เชื่อถือได้
อย่างไรก็ตาม ด้วยระบบดังกล่าว ถือเป็นเครื่องมือหนึ่งในการช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจก่อนการลงทุนได้สะดวกมากขึ้น สังเกตได้จากลูกค้าที่มีการซื้อขายสม่ำเสมอปัจจุบันกว่า 30% มีการซื้อขาย Gold Futures ควบคู่ไปกับสินค้าอนุพันธ์อื่นๆ นอกจากนั้น ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดใน Gold Futures อยู่ที่ 13% ซึ่งสูงกว่าส่วนแบ่งการตลาดโดยรวมในทุกสินค้าที่ 9.2% จึงอาจกล่าวได้ว่า บริษัทประสบความสำเร็จใน สินค้า Gold Futures มากกว่าสินค้าอื่น ๆ โดยการซื้อขาย Gold Futures ผ่าน Internet ปัจจุบันอยู่ที่ 18.42% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย Internet Volume ของตลาดที่ 15.19%
ส่วนทิศทางราคา Gold Futures จะเป็นอย่างไรนั้น หลังจากที่ Spot Gold ได้ทดสอบแนวต้านทางจิตวิทยาที่ 1000 usd/ounce และ แนวรับที่แข็งแกร่งบริเวณ 864 usd/ounce แล้ว ปัจจุบันทิศทางเป็นการเคลื่อนไหวในกรอบ864 – 916 เหรียญ หรือราคา Gold Futures 14,700 - 15,500 บาท
"ตัวเลข 15,000 บาท ได้กลายเป็นฐานราคาใหม่ เมื่อไหร่ที่ราคาลดลงต่ำกว่านี้ จะเกิดแรงซื้อในทองคำแท่งเข้ามา เนื่องจากที่ระดับต่ำกว่า 15,000 บาทผู้ลงทุนระยะยาวเริ่มมองว่าลงทุนได้แล้ว ความเสี่ยงจึงค่อนข้างต่ำ นอกจากกรณีเศรษฐกิจและตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวเร็วกว่าคาด ราคาทองอาจลงไปสร้างฐานราคาใต้ 15,000 บาทใหม่ สำหรับการพัฒนาสินค้าอนุพันธ์นั้น ขณะนี้มีความเป็นไปได้ในการออกสัญญา Gold Futures หลากหลายขนาดสัญญา นอกเหนือจาก ขนาด 50 บาทในปัจจุบัน เพื่อเป็นทางเลือกให้นักลงทุนยิ่งขึ้น จึงคาดว่าจะมีนักลงทุนสนใจซื้อขายเพิ่มเติมในขนาดสัญญาใหม่ด้วย"นายกิดาการกล่าว
ขณะที่ความคืบหน้าในการเปิดรับ Selling Agent และ Introducing Agent เมื่อนับรวมจำนวนรวมกับ 40 Broker จะทำให้ในปีนี้ มีกว่า 100 บริษัท ที่ร่วมกันผลักดันให้มูลค้าการซื้อขาย Gold Futures สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของนักลงทุนต่างชาติ ยอมรับว่ายังไม่ค่อยให้ความสนใจมากนัก เพราะยังคงให้น้ำหนักการซื้อขายใน SET50 Futures เป็นหลักเนื่องจากมีสภาพคล่องที่สูงกว่า ส่วนนักลงทุนที่สนใจ และต้องการรู้ลึกเรื่อง Futures นั้น บริษัทจะจัดให้มีการจัดการบรรยายเรื่อง "เกาะติดต่างชาติในตลาด Futures" ที่ตลาดหลักทรัพย์ ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ โดยผู้สนใจสามารถลงทะเบียนผ่าน www.poems.in.th