xs
xsm
sm
md
lg

KTAMเเนะกระจายเสี่ยงลงบอนด์-หุ้น ใช้"DollarCost"เสริมช่วยรับยิลด์ดีในอนาคต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วิโรจน์ ตั้งเจริญ
ASTVผู้จัดการายวัน-บลจ.กรุงไทย เเนะเครื่องมือลดความเสี่ยง "กระจายลงทุนทั้งตราสารหนี้-หุ้น" พร้อมใช้ "การลงทุนเเบบถัวเฉลี่ย" ช่วยนักลงทุนได้ผลตอบเเทนที่ดีในอนาคตได้ ขณะเดียวกันเเนะผู้ลงทุนบอนด์เกาหลี ระวังความเสี่ยงเรื่องของอัตราเเลกเปลี่ยนด้วย

นายวิโรจน์ ตั้งเจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บรรยกาศการลงทุนทั้งตลาดหุ้นเเละตลาดตลาดตราสารหนี้ในช่วงนี้เริ่มส่งสัญญาดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดหลักทรัพย์ของไทย ซึ่งก็เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว ซึ่งในส่วนของประเทศไทยเองนั้น มีปัญหาปัจจัยเรื่องปัญหาทางการเมืองทำให้ตลาดหุ้นนั้นอาจจะปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่บ้าง

 อย่างไรก็ตาม อยากเเนะนำให้นักลงทุนกระจายการลงทุนเเละกระจายความเสี่ยงในการลงทุนให้มากที่สุด ซึ่งการลงทุนเเบบผสมผสานหลายกองทุนทั้งกองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมตราสารหนี้ เเละกองทุนหุ้น นั้นเป็นการบริหารจัดการลงทุนที่ดี
ขณะเดียวกันหากนักลงทุนใช้วิธีลงทุนเเบบถัวเฉลี่ยหรือ Dollar Cost Average ลงทุนด้วยจำนวนเงินเท่ากันทุกเดือน ซึ่งวิธีการดังกล่าวจะช่วยลดความเสี่ยงของราคาต้นทุนให้กับนักลงทุนได้อีกด้วย โดยเฉพาะกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF)  เเละกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่นักลงทุนส่วนใหญ่จะลงทุนในช่วงเดือนธันวาคมเพียงครั้งเดียวเพื่อให้ได้สิทธิการลดหย่อนภาษี
ทั้งนี้ การลงทุนของกองทุนรวมตราสารหนี้ เเละกองทุนรวมตลาดเงิน นั้นจะได้ความนิยมจากนักลงทุนเป็นพิเศษ เนื่องจากดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารนั้นมีโอกาสที่ปรับลงได้อีก ทำให้นักลงทุนหรือผู้ที่มีเงินฝากไว้กับธนาคาร ต่างโยกเงินฝากไปลงทุนกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เเละกองทุนรวมตลาดเงินเเทน ทั้งนี้การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือกนง.ที่จะมีขึ้นในวันที่ 20 พฤษภาคม 2552 ทางกนง.มีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% หรือ 25 สตางค์
 
สำหรับกองทุนตรสารหนี้ที่หลายบลจ.ให้ความสำคัญตอนนี้คือ กองทุนตราสารหนี้ประเทศเกาหลีใต้ ที่ลงทุนในตราสารหนี้ EXIM BANK ซึ่งสาเหตุหลักมาจากระดับเครดิตเรทติ้งของเกาหลีนั้นมีมากกว่าของประเทศไทย ประกอบกับความเสี่ยงของเกาหลีก็มีน้อยกว่า ในส่วนของเงินสำรองระหว่างประเทศของเกาหลีนั้นมีเป็นจำนวนมากเเละที่สำคัญคือตราสารหนี้ประเทศดังกล่าวยังให้ผลตอบเเทนที่ดีกว่าการลงทุนตราสารหนี้ประเทศ 
ขณะเดียวกันความเสี่ยงในเรื่องของอัตราการเเลกเปลี่ยนนั้นส่วนใหญ่บลจ.จะป้องกันความเสี่ยงดังกล่าวไว้เเล้ว เเต่นักลงทุนควรที่จะศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวน หรือ สอบถามกับเจ้าหน้าที่ขายหน่วยลงทุนเสียก่อน เนื่องจากบางกองทุนก็ได้ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยง
นอกจากนี้บลจ.กรุงไทยกำลังอยู่ในช่วงการเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เอฟไอเอฟ 12 เดือน 2(KTFF12M2) มีอายุโครงการ 1 ปี เเละมีมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้สถาบันการเงินประเทศเกาหลีใต้ ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสูงสุด F1 โดย Fitch Rating และเงินลงทุนจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 4.00-4.30%ต่อปี เปิดขายหน่วยลงทุนเเล้วตั้งเเต่วันนี้ถึง19 พฤษภาคม 2552

 โดยกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เอฟไอเอฟ 12 เดือน 2 จะลงทุนในตราสารเเห่งหนี้ เงินฝาก เเละหรือตราสารทางการเงินต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (investment grade) โดยกองทุนจพลงทุนในตราสารเเห่งหนี้ต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลืออาจพิจราณาการลงทุนในเงินฝาก ตราสารเเห่งหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก ตราสารเเห่งหนี้ทั่วไป เเละหรือลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่คณะกรรมการก.ล.ต.หรือสำนักงานคณะกรรมการก.ล.ต.ประกาศกำหนด ทั้งนี้กองทุนจะเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เช่นการทำสัญญาสวอปเเละหรือสัญญาฟอร์เวิร์ด (Forward) ที่อ้างอิงกับอัตราเเลกเปลี่ยนเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเเลกเปลี่ยน (Foreign Exchange Rate Risk) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยง(Derivatives)เเต่กองทุนจะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเเฝง(Structured Note)
กำลังโหลดความคิดเห็น