ASTVผู้จัดการรายวัน - แอสเซท พลัส ยิ้มรับไตรมาสแรกของปี ปั๊มเม็ดเงินเข้าพอร์ต จากกองบอนด์โรลโอเว่อร์กว่าหมื่นล้าน เผยยังเน้นการลงทุนแบบระมัดระวัง พร้อมเสนอความหลากหลายเพิ่มทางเลือกให้ผู้ลงทุน ล่าสุด ส่ง 2 กอง โกยเงินต่อเนื่อง "แอสเซทพลัสทวีเงินออม"และ"พันธบัตรคุ้มครองเงินต้น 3M1" เปิดขาย-ซื้อคืน 27 เมษายนนี้
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ กองทุนประเภทตราสารหนี้ภายใต้การบริหารของบริษัท มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 มีจำนวน 12,257.08 ล้านบาท โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 11,604.54 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 5.63% จากสิ้นปี 2551 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเม็ดเงินที่ได้จากการเสนอขายกองทุนประเภท Rollover ซึ่งบริษัทฯ มีการเสนอขายอย่างน้อยเฉลี่ย 4-5 กองทุนต่อเดือน
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลก ประกอบกับปัจจัยด้านการเมืองของไทยยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนของนักลงทุน ทำให้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ผู้ลงทุนส่วนใหญ่มีความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น โดยหันมาลงทุนในตราสารหนี้อายุคงเหลือสั้นๆ ที่มีสภาพคล่องสูง และความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล และเงินฝาก แม้ว่าอัตราผลตอบแทนในพันธบัตรจะปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 1.0% ก็ตาม หรือเลือกลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐต่างประเทศ เช่น ประเทศเกาหลีใต้ ที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีในระดับความเสี่ยงที่ต่ำ ในขณะที่กลุ่มผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ ก็มีการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ประเภทหุ้นกู้ที่มีระยะยาวขึ้น และตั๋วแลกเงินของบริษัทเอกชนที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสูง และมีการเติบโตทางธุรกิจที่ดี เพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่า
นางสาวจารุลักษณ์ กล่าวว่า สำหรับนโยบายของบริษัทนั้น ยังคงเน้นความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ทั้งในรูปของกองทุนส่วนบุคคล และกองทุนรวม โดยการใช้จุดแข็งด้านความเชี่ยวชาญในการบริหารกองทุน และการนำนวัตกรรมทางการเงินและการลงทุนมาใช้ในการบริหารผลตอบแทน เพื่อเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีและปกป้องผลประโยชน์ของผู้ลงทุน
ทั้งนี้ ในส่วนแผนการออกกองทุนในไตรมาส 2 บริษัทมีกองทุนที่อยู่ในแผนการดำเนินงาน ทั้งประเภทกองทุนหุ้น กองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ และกองทุนประเภท Innovative Product ซึ่งจะนำเสนอต่อผู้ลงทุน เมื่อจังหวะการลงทุนเหมาะสม แต่คาดว่ากองทุนตราสารหนี้จะยังคงเป็นกองทุนประเภทหลักที่ผู้ลงทุนให้ความสนใจ
โดยในช่วงนี้บริษัทจะเน้นเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ตามความต้องการของตลาด ทั้งที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล เงินฝาก ตราสารหนี้เอกชน และลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐต่างประเทศ ล่าสุดที่กำลังเปิด IPO อยู่ 1 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด แอ็คทีฟเอฟไอเอฟ 2 (ACFIF2) ซึ่งมีรอบการลงทุนแรกประมาณ 6 เดือน โดยลงทุนในตราสารภาครัฐเกาหลีใต้ Export – Import Bank of Korea (KEXIM) 100% คาดว่าหลังจากหักค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมทั้งค่าการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงเต็มจำนวนแล้ว จะสามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทน 3.3125%ต่อปี ที่เปิดเสนอขายครั้งแรกวันนี้ถึงวันที่ 30 เมษายน
นอกจากนี้ ในส่วนของกองทุน Rollover ที่มีออกมารองรับผู้ลงทุนอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน โดยในวันที่ 27 เมษายน จะเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสทวีเงินออม (ASP-MMF1) ซึ่งมีรอบการลงทุนทุก 3 เดือน คาดว่าสามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทน 1.90% ต่อปี จากการลงทุนในตราสารภาครัฐเกาหลีใต้ Export – Import Bank of Korea (KEXIM) 50% ตั๋วแลกเงินบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC) 25% และธนาคารทิสโก้ (TISCO) 25% และกองทุนเปิดพันธบัตรคุ้มครองเงินต้น 3M1 (GBF-3M1) รอบการลงทุนทุก 3 เดือน คาดว่าสามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทน 0.65% ต่อปี จากการลงทุนในตั๋วเงินคลัง รุ่น TB09729B 81% และตั๋วแลกเงินธนาคาร ทิสโก้ (TISCO) 19%
