บลจ.แอสเซท พลัส เผย ดอกเบี้ยลงกดดันผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยต่ำกว่า 1% แล้ว ชูตราสารหนี้ต่างประเทศน่าสนใจ เดินหน้าส่งกองทุนบอนด์เกาหลี เพิ่มทาเงลือกลงทุนต่อเนื่อง ทั้งระยะสั้น 6 เดือนแลชะ 1 ปี
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี ปรับตัวลดต่ำกว่า 1% ซึ่งอาจไม่สามารถจูงใจผู้ลงทุนบางกลุ่มที่ต้องการลงทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากได้ ในขณะที่ การลงทุนในตราสารภาครัฐในต่างประเทศ เช่น พันธบัตรรัฐบาล และตราสารที่ออกโดยบริษัทที่มีรัฐบาลประเทศนั้นๆ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จนมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ จึงถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจในการลงทุน เพราะมีความเสี่ยงในด้านการผิดนัดชำระหนี้ (Default Risk)ที่ต่ำมาก และตราสารภาครัฐของบางประเทศนั้น หลังจากได้มีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไว้เต็มจำนวนแล้ว ยังสามารถให้ผลตอบแทนอยู่ในระดับ 3-4.6% ซึ่งเป็นที่น่าจูงใจสำหรับนักลงทุน
โดยการบริหารพอร์ตกองทุนต่างประเทศ ในส่วนของกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ บลจ.แอสเซทพลัสจะยังคงลงทุนในตราสารภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากเห็นว่า ประเทศเกาหลีใต้ยังคงมีสภาพคล่องและมีความสามารถในการชำระหนี้อยู่ในระดับดีจากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ (Foreign Reserves) ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2552 มีทุนสำรองอยู่ที่ 206 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมากเป็นอันดับ 6 ในโลก ภาระหนี้ระยะสั้นสกุลเงินต่างประเทศไม่มากอย่างที่เป็นกังวล
นอกจากนี้ ขนาดเศรษฐกิจของประเทศเกาหลีใต้อยู่ที่ประมาณ 900 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีขนาดใหญ่ประมาณ 4 เท่าของเศรษฐกิจประเทศไทย ในขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นบวก และมีสัดส่วนหนี้สาธารณะต่ำ ทำให้มีความสามารถในการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่นมากขึ้น จึงมองว่าแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจปัจจุบันนั้นไม่น่าจะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความสามารถในการชำระหนี้ของประเทศเกาหลีใต้แต่อย่างใด
โดยสาเหตุที่บริษัทฯ เลือกลงทุนในตราสาร Export – Import Bank of Korea (KEXIM) เพราะเป็นธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของประเทศเกาหลีใต้ ที่มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากถือหุ้นใหญ่โดยรัฐบาลเกาหลีใต้ มากกว่า 60% เป็นสถาบันการเงินสำคัญที่ทางรัฐบาลเกาหลีใต้ใช้ช่วยดำเนินนโยบายการเงิน และ การคลังเพื่อพัฒนาศักยภาพเศรษฐกิจของประเทศ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 ธนาคารมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 28,614 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ด้านนางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บลจ.แอสเซท พลัส กล่าวว่า ในระหว่างวันที่ 24-30 เมษายน นี้ บริษัทจะเปิดเสนอขาย IPO กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ คือ กองทุนเปิดแอ็คทีฟเอฟไอเอฟ 2 (ACFIF2) โดยมีรอบการลงทุนแรกประมาณ 6 เดือน ซึ่งลงทุนในตราสารภาครัฐเกาหลีใต้ Export – Import Bank of Korea (KEXIM) 100% มีอายุประมาณ 6 เดือน ทั้งนี้คาดว่าหลังจากหักค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมทั้งค่าการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงเต็มจำนวนแล้ว จะสามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทน 3.3125%ต่อปี
นอกจากนี้ ในเดือนเมษายนนี้ บลจ.ได้มีกองทุนต่างประเทศที่ครบรอบระยะเวลาการลงทุน และเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ในวันที่ 24 เมษายน นี้ คือ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสพรีเมี่ยม 12M (ASP-P12M) โดยในรอบการลงทุนนี้ กองทุนจะพิจารณาลงทุนในตราสารภาครัฐเกาหลี ได้แก่ Export – Import Bank of Korea (KEXIM) 100% อายุประมาณ 1 ปี คาดว่าหลังจากหักค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมทั้งค่าการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงเต็มจำนวนแล้ว จะสามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทน 4.6125%ต่อปี