ในช่วงนี้หลายบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เริ่มหันไปมองการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศของประเทศอื่นๆ มากขึ้น นอกเหนือจากการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้เพียงเท่านั้น เนื่องจากสามารถให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง และมีอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) สูงกว่าตราสารหนี้ของประเทศไทยด้วย จึงน่าจะเป็นทางเลือกที่มีความปลอดภัย และสร้างความอุ่นใจให้แก่นักลงทุนได้
แต่ส่วนใหญ่กองทุนเหล่านั้นยังคงเน้นลงทุนในตราสารหนี้ หรือพันธบัตรที่มีรัฐบาลค้ำประกันเป็นหลัก ยิ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ดียิ่งขึ้นไปอีก หากใครที่เบื่อกับการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทยที่ให้ผลตอบแทนแบบต่ำติดดิน หรือหุ้นกู้ภาคเอกชนในประเทศที่ไม่ค่อยแน่ใจว่าจะสามารถจ่ายเงินต้นคืนได้หรือเปล่า การลงทุนที่จะแนะนำในโอกาสนี้น่าจะสามารถตอบโจทย์นักลงทุนได้ในระดับหนึ่งเช่นกัน
วันนี้ คอลัมน์ “MutualFund IPO” ขอพามาดูกองทุนที่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในปัจจุบัน ซึ่งได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรอิตาลี 2Y1 ที่เน้นลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารภาครัฐของประเทศอิตาลี และได้ทำการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ทั้งหมดแล้ว โดยจะพามาพบกับ มุมมองของผู้บริหาร และเหตุผลว่ากองทุนนี้มีความน่าสนใจอย่างไร รวมถึงผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนด้วย
โชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เล่าให้ฟังว่า สาเหตที่เราเลือกลงทุนในพันธบัตรอิตาลี เนื่องจากต้องการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงการลงทุนไปยังต่างประเทศ เพื่อแสวงหาโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศและยังมีความเสี่ยงต่ำค่อนข้างต่ำ ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมา สถาบันการเงินของประเทศอิตาลีถือว่าไม่ได้รับผลกระทบเชิงลึกจากวิกฤตการณ์ทางการเงินเมื่อเทียบกับประเทศอื่น เพราะการดำเนินธุรกิจส่วนใหญ่เป็นแบบดั้งเดิม คือ มีแหล่งเงินทุนจากการรับฝากเงินหรือเสนอขายตราสารทางการเงินปกติ ทำให้มีแหล่งระดมทุนมั่นคง และอัตราการให้สินเชื่อของธนาคารยังน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศยุโรป
สำหรับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรอิตาลี 2Y1 ที่กำลังเปิดขายอยู่ตอนนี้ มีอายุโครงการประมาณ 2 ปี 3 เดือน เน้นลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารภาครัฐของประเทศอิตาลี และได้ทำการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ทั้งหมดแล้ว โดยจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติปีละ 2 ครั้ง
“คาดว่ากองทุนนี้จะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 2.1% ต่อปี แต่อาจจะออกได้เพียง 3 กองทุนเท่านั้น เนื่องอุปทานมีค่อนข้างน้อย โดยกองทุนที่ออกมาหลังจากนี้จะมีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน และมีอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AA- โดยจะเข้าไปลงทุนในสถาบันการเงินที่มีปัญหาน้อย และคาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 1.4% ต่อปี” โชติกา บอก
จุดเด่นที่น่าสนใจอีกอย่างคือ เราคาดการณ์ว่าภาวะเศรษฐกิจอิตาลีจะสามารถฟื้นตัวในปี 2010 โดยอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ระดับต่ำ รัฐบาลยังคงความสามารถในการจ่ายชำระหนี้อยู่ แม้ว่าจะมีหนี้สาธารณะค่อนข้างสูงเพราะมีงบประมาณขาดดุลน้อยกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศ OECD รวมทั้งยังมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา สวนกระแสกับหลายๆ ประเทศในยุโรป แสดงให้เห็นถึงกำลังในการจ่ายหนี้ที่เพิ่มมากขึ้นของอิตาลี ขณะเดียวกันรัฐบาลของอิตาลีไม่เคยมีประวัติการผิดนัดชำระหนี้ (Default) ทำให้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือสูงกว่าประเทศไทย
โชติกา บอกว่า ประเทศอิตาลีเป็นประเทศในกลุ่ม G7 ซึ่งมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) มากกว่าประเทศไทยประมาณ 9 เท่า ซึ่งเมื่อสวอปค่าเงินกลับมาแล้วยังสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลไทย ส่วนที่ไม่ไปลงทุนยุโรปตะวันออก เนื่องจากคาดการณ์ว่าจะเป็นภูมิภาคที่มีปัญหามาก ซึ่งอิตาลีมีการลงทุนกับยุโรปตะวันออกเพียง 9% เท่านั้น ขณะที่การลงทุนในตราสารหนี้ของประเทศเกาหลีใต้แม้ว่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศไทย แต่ว่าความเสี่ยงก็เริ่มเพิ่มขึ้นตามลำดับเช่นกัน และเกาหลีใต้เองมี Credit Default Swap ค่อนข้างสูง
สำหรับรายละเอียดของกองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรอิตาลี 2Y1...จะเน้นลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารภาครัฐของประเทศอิตาลี โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือบริษัทจัดการอาจพิจารณาลงทุนในเงินฝาก หรือตราสารแห่งหนี้ในประเทศ ตราสารแห่งหนี้ภาคเอกชนหรือตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทเอกชนชั้นดี หรือทรัพย์สินอื่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรองเงินไว้สำหรับการดำเนินงาน รอการลงทุน หรือรักษาสภาพคล่อง การลงทุนในตราสารหนี้ดังกล่าวข้างต้นอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ตลอดจนหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดหรือให้ความเห็นชอบ
ทั้งนี้ กองทุนจะ เข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) เช่น การทำสัญญาสวอปและ/หรือสัญญาฟอร์เวิร์ดที่อ้างอิงกับอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Foreign Exchange Rate Risk) เป็นต้น โดยกองทุนจะไม่ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีลักษณะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) รวมถึงตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าที่สามารถลงทุนได้ (non – investment grade) และตราสารหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated Securities)
นักลงทุนท่านใดที่สนใจกองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรอิตาลี 2Y1...บลจ.ไทยพาณิชย์ จะเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียว ระหว่างวันที่ 23 – 30 มีนาคม 2552 ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 10,000 บาท ...สอบถามและติดต่อจองซื้อหน่วยลงทุนได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขา หรือ บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด โทร. 0-2626-2222 ต่อ 88 หรือที่เว็บไซต์ www.scbam.com
แต่ส่วนใหญ่กองทุนเหล่านั้นยังคงเน้นลงทุนในตราสารหนี้ หรือพันธบัตรที่มีรัฐบาลค้ำประกันเป็นหลัก ยิ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ดียิ่งขึ้นไปอีก หากใครที่เบื่อกับการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทยที่ให้ผลตอบแทนแบบต่ำติดดิน หรือหุ้นกู้ภาคเอกชนในประเทศที่ไม่ค่อยแน่ใจว่าจะสามารถจ่ายเงินต้นคืนได้หรือเปล่า การลงทุนที่จะแนะนำในโอกาสนี้น่าจะสามารถตอบโจทย์นักลงทุนได้ในระดับหนึ่งเช่นกัน
วันนี้ คอลัมน์ “MutualFund IPO” ขอพามาดูกองทุนที่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในปัจจุบัน ซึ่งได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรอิตาลี 2Y1 ที่เน้นลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารภาครัฐของประเทศอิตาลี และได้ทำการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ทั้งหมดแล้ว โดยจะพามาพบกับ มุมมองของผู้บริหาร และเหตุผลว่ากองทุนนี้มีความน่าสนใจอย่างไร รวมถึงผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนด้วย
โชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เล่าให้ฟังว่า สาเหตที่เราเลือกลงทุนในพันธบัตรอิตาลี เนื่องจากต้องการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงการลงทุนไปยังต่างประเทศ เพื่อแสวงหาโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศและยังมีความเสี่ยงต่ำค่อนข้างต่ำ ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมา สถาบันการเงินของประเทศอิตาลีถือว่าไม่ได้รับผลกระทบเชิงลึกจากวิกฤตการณ์ทางการเงินเมื่อเทียบกับประเทศอื่น เพราะการดำเนินธุรกิจส่วนใหญ่เป็นแบบดั้งเดิม คือ มีแหล่งเงินทุนจากการรับฝากเงินหรือเสนอขายตราสารทางการเงินปกติ ทำให้มีแหล่งระดมทุนมั่นคง และอัตราการให้สินเชื่อของธนาคารยังน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศยุโรป
สำหรับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรอิตาลี 2Y1 ที่กำลังเปิดขายอยู่ตอนนี้ มีอายุโครงการประมาณ 2 ปี 3 เดือน เน้นลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารภาครัฐของประเทศอิตาลี และได้ทำการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ทั้งหมดแล้ว โดยจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติปีละ 2 ครั้ง
“คาดว่ากองทุนนี้จะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 2.1% ต่อปี แต่อาจจะออกได้เพียง 3 กองทุนเท่านั้น เนื่องอุปทานมีค่อนข้างน้อย โดยกองทุนที่ออกมาหลังจากนี้จะมีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน และมีอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AA- โดยจะเข้าไปลงทุนในสถาบันการเงินที่มีปัญหาน้อย และคาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 1.4% ต่อปี” โชติกา บอก
จุดเด่นที่น่าสนใจอีกอย่างคือ เราคาดการณ์ว่าภาวะเศรษฐกิจอิตาลีจะสามารถฟื้นตัวในปี 2010 โดยอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ระดับต่ำ รัฐบาลยังคงความสามารถในการจ่ายชำระหนี้อยู่ แม้ว่าจะมีหนี้สาธารณะค่อนข้างสูงเพราะมีงบประมาณขาดดุลน้อยกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศ OECD รวมทั้งยังมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา สวนกระแสกับหลายๆ ประเทศในยุโรป แสดงให้เห็นถึงกำลังในการจ่ายหนี้ที่เพิ่มมากขึ้นของอิตาลี ขณะเดียวกันรัฐบาลของอิตาลีไม่เคยมีประวัติการผิดนัดชำระหนี้ (Default) ทำให้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือสูงกว่าประเทศไทย
โชติกา บอกว่า ประเทศอิตาลีเป็นประเทศในกลุ่ม G7 ซึ่งมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) มากกว่าประเทศไทยประมาณ 9 เท่า ซึ่งเมื่อสวอปค่าเงินกลับมาแล้วยังสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลไทย ส่วนที่ไม่ไปลงทุนยุโรปตะวันออก เนื่องจากคาดการณ์ว่าจะเป็นภูมิภาคที่มีปัญหามาก ซึ่งอิตาลีมีการลงทุนกับยุโรปตะวันออกเพียง 9% เท่านั้น ขณะที่การลงทุนในตราสารหนี้ของประเทศเกาหลีใต้แม้ว่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศไทย แต่ว่าความเสี่ยงก็เริ่มเพิ่มขึ้นตามลำดับเช่นกัน และเกาหลีใต้เองมี Credit Default Swap ค่อนข้างสูง
สำหรับรายละเอียดของกองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรอิตาลี 2Y1...จะเน้นลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารภาครัฐของประเทศอิตาลี โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือบริษัทจัดการอาจพิจารณาลงทุนในเงินฝาก หรือตราสารแห่งหนี้ในประเทศ ตราสารแห่งหนี้ภาคเอกชนหรือตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทเอกชนชั้นดี หรือทรัพย์สินอื่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรองเงินไว้สำหรับการดำเนินงาน รอการลงทุน หรือรักษาสภาพคล่อง การลงทุนในตราสารหนี้ดังกล่าวข้างต้นอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ตลอดจนหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดหรือให้ความเห็นชอบ
ทั้งนี้ กองทุนจะ เข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) เช่น การทำสัญญาสวอปและ/หรือสัญญาฟอร์เวิร์ดที่อ้างอิงกับอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Foreign Exchange Rate Risk) เป็นต้น โดยกองทุนจะไม่ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีลักษณะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) รวมถึงตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าที่สามารถลงทุนได้ (non – investment grade) และตราสารหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated Securities)
นักลงทุนท่านใดที่สนใจกองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรอิตาลี 2Y1...บลจ.ไทยพาณิชย์ จะเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียว ระหว่างวันที่ 23 – 30 มีนาคม 2552 ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 10,000 บาท ...สอบถามและติดต่อจองซื้อหน่วยลงทุนได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขา หรือ บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด โทร. 0-2626-2222 ต่อ 88 หรือที่เว็บไซต์ www.scbam.com