บลจ.อเบอร์ดีน โชว์ "อเบอร์ดีน แคช ครีเอชั่น" ฟันด์ไซต์เพิ่มขึ้นเฉียด 3 พันล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินสุดหรู ย้อนหลัง 3 เดือนให้ผลตอบแทน 3.32% คาด กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 1% พร้อมแสดงความเป็นห่วงเศรษฐกิจย่ำแย่ กดดันรัฐบาลออกพันธบัตร จนส่งผลต่อผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะยาว แต่ตราสารหนี้ระยะสั้นได้รับอานิสงส์ ผลตอบแทนปรับเพิ่มขึ้น
นายพงค์ธาริน ทรัพยานนท์ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนรวมอเบอร์ดีน แคช ครีเอชั่น มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 อยู่ที่ 4,366.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,908.72 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นว่าเพิ่มขึ้นเกือบ 200% จากสิ้นปี 2551 ที่ 1,458.20 ล้านบาท โดยการปรับเพิ่มขึ้นดังกล่าว เป็นผลมาจากนักลงทุนหนีการลงทุนในตลาดหุ้นและการลงทุนในตราสารหนี้ ที่อัตราดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ
ทั้งนี้ ในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะมีประประชุมในวันนี้ (8 เม.ย.) น่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอยู่มาที่ 1% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากในขณะนี้ โดยหากมีการเปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่างการลงทุนในกองทุนตลาดเงินและกองทุนรวมตราสารหนี้ พบว่าการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้จะมีความผันผวนมากว่าการลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน
ขณะเดียวกัน เมื่อสภาพเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศอยู่ในภาวะย่ำแย่ จะส่งผลให้รัฐบาลมีความต้องการเม็ดเงินเพื่อนำมาใช้จ่ายภายในประเทศเพิ่มขึ้น จึงต้องระดมเม็ดเงินโดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น จนอาจจะทำให้การลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวได้รับผลตอบแทนที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานหรือกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น
"หากนักลงทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ทั่วไป สามารถที่จะยอมรับความเสี่ยงของความผันผวนของตราสารหนี้ได้ ก็จะเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับประเภทของตราสารหนี้ที่น่าสนใจและเป็นความต้องการของนักลงทุนด้วย"นายพงค์ธาริน กล่าว
อย่างไรก็ตาม การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจนเกือบต่ำสุด จะส่งผลดีต่อกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น และจะสะท้อนกลับทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุนตราสารหนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ในส่วนของการลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน เนื่องจากผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนในตราสารหนี้ปรับตัวลดลง ทำให้นักลงทุนให้ความสนใจหันมาลงทุนในกองทุนตลาดเงินเพิ่มขึ้น เนื่องจากว่าผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับสูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ และอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก อีกทั้งการลงทุนยังมีสภาพคล่องมากกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นด้วย ขณะเดียวกัน จากภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่นำเงินมาพักเพื่อรอที่จะลงทุนใหม่อีกครั้งในกองทุนประเภทนี้ ทำให้กองทุนรวมตลาดเงินค่อนข้างที่จะมีขนาดกองทุนโตกว่ากองทุนรวมชนิดอื่น
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนรวมอเบอร์ดีน แคช ครีเอชั่น พบว่า กองทุนมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง ณ วันที่ 3 เมษายน 2552 พบว่าย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.32% โดยมีเกณฑ์มาตรฐานเท่ากับ 1.03% ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 3.31% ส่วนเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 1.56% ด้านผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 3.01% ซึ่งมีเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 1.92%และผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.30% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 1.04% ทั้งนี้ เกณฑ์มาตรฐานของกองทุนเปรียบเทียบกับ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน เฉลี่ยประเภทบุคคลธรรมดาวงเงิน 1ล้านบาทของ 3 ธนาคารใหญ่ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โดยถ่วงน้ำหนักในสัดส่วนที่เท่ากัน
ทั้งนี้ ในส่วนของการลงทุนในอันดับแรกตามผู้ออกตราสาร ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2552 รวมทั้งสิ้น 102.2% แบ่งออกเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย 59.0% กระทรวงการคลัง 43.2% ขณะที่กองทุนมีสัดส่วนการลงทุนแยกตามกลุ่มอุตสาหกรรม คือ ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ เป็นผู้ออกหรือกระทรวงการคลังค้ำประกัน 102.2% ลงทุนในเงินฝากและอื่นๆ-2.2% รวมเป็น100.0 %
สำหรับกองทุนรวมอเบอร์ดีน แคช ครีเอชั่น เป็นกองทุนรวมตลาดเงิน โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์และหรือทรัพย์สินอันเป็นหรือเกี่ยวข้องกับตราสารแห่งหนี้และหรือเงินฝากหรือตราสารทางการเงินอื่นๆที่มีกำหนดชำระ เมื่อทวงถามหรือจะครบกำหนดชำระคืนหรือมีอายุสัญญาไม่เกิน 1 ปีนับตั้งแต่วันที่ลงทุนในทรัพย์สินหรื เข้าทำสัญญาเหล่านั้น โดยหากมีการลงทุนในหลักทรัพย์อันเป็นตราสารแห่งหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศบริษัทจัดการจะลงทุนภายใต้หลักเกณฑ์ ที่สำนักงานคณะกรรมการก.ล.ต.กำหนด
นายพงค์ธาริน ทรัพยานนท์ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนรวมอเบอร์ดีน แคช ครีเอชั่น มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 อยู่ที่ 4,366.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,908.72 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นว่าเพิ่มขึ้นเกือบ 200% จากสิ้นปี 2551 ที่ 1,458.20 ล้านบาท โดยการปรับเพิ่มขึ้นดังกล่าว เป็นผลมาจากนักลงทุนหนีการลงทุนในตลาดหุ้นและการลงทุนในตราสารหนี้ ที่อัตราดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ
ทั้งนี้ ในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะมีประประชุมในวันนี้ (8 เม.ย.) น่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอยู่มาที่ 1% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากในขณะนี้ โดยหากมีการเปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่างการลงทุนในกองทุนตลาดเงินและกองทุนรวมตราสารหนี้ พบว่าการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้จะมีความผันผวนมากว่าการลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน
ขณะเดียวกัน เมื่อสภาพเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศอยู่ในภาวะย่ำแย่ จะส่งผลให้รัฐบาลมีความต้องการเม็ดเงินเพื่อนำมาใช้จ่ายภายในประเทศเพิ่มขึ้น จึงต้องระดมเม็ดเงินโดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น จนอาจจะทำให้การลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวได้รับผลตอบแทนที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานหรือกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น
"หากนักลงทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ทั่วไป สามารถที่จะยอมรับความเสี่ยงของความผันผวนของตราสารหนี้ได้ ก็จะเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับประเภทของตราสารหนี้ที่น่าสนใจและเป็นความต้องการของนักลงทุนด้วย"นายพงค์ธาริน กล่าว
อย่างไรก็ตาม การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจนเกือบต่ำสุด จะส่งผลดีต่อกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น และจะสะท้อนกลับทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุนตราสารหนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ในส่วนของการลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน เนื่องจากผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนในตราสารหนี้ปรับตัวลดลง ทำให้นักลงทุนให้ความสนใจหันมาลงทุนในกองทุนตลาดเงินเพิ่มขึ้น เนื่องจากว่าผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับสูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ และอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก อีกทั้งการลงทุนยังมีสภาพคล่องมากกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นด้วย ขณะเดียวกัน จากภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่นำเงินมาพักเพื่อรอที่จะลงทุนใหม่อีกครั้งในกองทุนประเภทนี้ ทำให้กองทุนรวมตลาดเงินค่อนข้างที่จะมีขนาดกองทุนโตกว่ากองทุนรวมชนิดอื่น
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนรวมอเบอร์ดีน แคช ครีเอชั่น พบว่า กองทุนมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง ณ วันที่ 3 เมษายน 2552 พบว่าย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.32% โดยมีเกณฑ์มาตรฐานเท่ากับ 1.03% ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 3.31% ส่วนเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 1.56% ด้านผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 3.01% ซึ่งมีเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 1.92%และผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.30% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 1.04% ทั้งนี้ เกณฑ์มาตรฐานของกองทุนเปรียบเทียบกับ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน เฉลี่ยประเภทบุคคลธรรมดาวงเงิน 1ล้านบาทของ 3 ธนาคารใหญ่ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โดยถ่วงน้ำหนักในสัดส่วนที่เท่ากัน
ทั้งนี้ ในส่วนของการลงทุนในอันดับแรกตามผู้ออกตราสาร ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2552 รวมทั้งสิ้น 102.2% แบ่งออกเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย 59.0% กระทรวงการคลัง 43.2% ขณะที่กองทุนมีสัดส่วนการลงทุนแยกตามกลุ่มอุตสาหกรรม คือ ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ เป็นผู้ออกหรือกระทรวงการคลังค้ำประกัน 102.2% ลงทุนในเงินฝากและอื่นๆ-2.2% รวมเป็น100.0 %
สำหรับกองทุนรวมอเบอร์ดีน แคช ครีเอชั่น เป็นกองทุนรวมตลาดเงิน โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์และหรือทรัพย์สินอันเป็นหรือเกี่ยวข้องกับตราสารแห่งหนี้และหรือเงินฝากหรือตราสารทางการเงินอื่นๆที่มีกำหนดชำระ เมื่อทวงถามหรือจะครบกำหนดชำระคืนหรือมีอายุสัญญาไม่เกิน 1 ปีนับตั้งแต่วันที่ลงทุนในทรัพย์สินหรื เข้าทำสัญญาเหล่านั้น โดยหากมีการลงทุนในหลักทรัพย์อันเป็นตราสารแห่งหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศบริษัทจัดการจะลงทุนภายใต้หลักเกณฑ์ ที่สำนักงานคณะกรรมการก.ล.ต.กำหนด
