xs
xsm
sm
md
lg

บัวหลวงชูบอนด์ไทยยังน่าลงทุน จับจังหวะดอกเบี้ยขยับส่ง2กองลุยตลาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ. บัวหลวง เผยแนวโน้มตราสารหนี้ในประเทศยังไปได้ดี หลังต้นปีผลตอบแทนปรับตัวสูงขึ้นรับข่าว กนง. ปรับอาร์พีล่วงหน้า ล่าสุดขยับดอกเบี้ยอีก 0.25% ไม่ช่วยสกัดเงินเฟ้อ จับจังหวะเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ในประเทศอีก 2 กอง ลงทุนระยะสั้น 6 เดือนและ 12 เดือน ให้ผลตอบแทน 3.15%-3.70% ต่อปีตามลำดับ ไอพีโอพร้อมกัน 16 – 23 กรกฎาคมนี้
นายวศิน วัฒนวรกิจกุล
นายวศิน วัฒนวรกิจกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศยังถือว่ามีความน่าสนใจอยู่ เนื่องจากว่าตราสารหนี้ในประเทศได้มีการปรับตัวดีขึ้นมาตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ส่วนการลงทุนตราสารหนี้ในต่างประเทศช่วงนี้ ต้องชะลอการออกไปชั่วขณะนี้ เนื่องจากตราสารหนี้ในต่างประเทศยังคงมีความผันผวนอยู่บ้าง

สำหรับวานนี้ (16 ก.ค. 51) ที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการประชุมเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาร์พีขึ้นอีก 0.25% ซึ่งนักวิชาการบางรายมองว่า ในการปรับอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อได้มากนัก เนื่องจากเป็นเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นจากน้ำมันที่แพงขึ้น ไม่ใช่จากการบริโภคและการลงทุนมากเกินไป นอกจากนี้ ในส่วนของตราสารหนี้เอง ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะอัตราดอกเบี้ยในตลาดได้ปรับเพิ่มขึ้นไปล่วงหน้าแล้ว

ล่าสุดบริษัทเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ในประเทศเพิ่มอีก 2 กองทุน ในวันที่ 16 – 23 กรกฏาคม 2551ซึ่งประกอบด้วย กองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 19/08 มีอายุโครงการประมาณ 4 – 6 เดือน ซึ่งให้ผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 3.15% ต่อปี โดยมีมูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท และอาจเสนอขายเพิ่มได้อีกไม่เกิน 450 ล้านบาท และกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 20/08 อายุโครงการประมาณ 10 - 12 เดือน ซึ่งให้ผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 3.70% ต่อปี โดยมีมูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท และอาจเสนอขายเพิ่มได้อีกไม่เกิน 300 ล้านบาท

โดยทั้งสองกองทุนมีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล okpพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือพันธบัตร หรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลัง หรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝาก บัตรเงินฝาก ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตราสารแห่งหนี้ของสถาบันการเงิน และหรือพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ และหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นด้วยการทำธุรกรรมการซื้อตราสารแห่งหนี้ภาครัฐกับสถาบันการเงิน โดยมีสัญญาที่จะขายคืนตราสารแห่งหนี้ดังกล่าวตามวันที่กำหนดในสัญญา นอกจากนี้กองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง

นายวศินกล่าวต่ออีกว่า สำหรับในวันที่ 4 – 14 กรกฎาคม 2551 ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดขายกองทุนรวมตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมกันทั้งสิ้น 5 กองทุน โดยหลังปิดการขายกองทุนดังกล่าวแล้วได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ทั้งฐานลูกค้ากลุ่มเดิม และกลุ่มใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง สามารถปิดยอดขายรวมกันทั้งสิ้น 5 กองทุน 1,000 กว่าล้านบาท ทั้งนี้ บลจ. บัวหลวง ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากธนาคารกรุงเทพ ในสนันสนุนการขายและทำการขายให้ ซึ่งกองทุนทั้งหมดนั้น เราจะขายผ่านแบงก์แม่เพียงอย่างเดียว

โดยก่อนหน้านี้นายวศิน กล่าวว่า การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลทั้งในประเทศและต่างประเทศยังได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เพราะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดี คาดว่าในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ บริษัทมีแผนที่จะออกกองทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกประมาณ 10 กองทุน เพื่อออกมารอบรับให้แก่นักลงทุนที่ยังต้องการลงทุนอยู่
กำลังโหลดความคิดเห็น