บลจ.อเบอร์ดีน เปิดให้นักลงทุนขายคืนหน่วยลงทุนแอลทีเอฟได้ทุกวันทำการ เริ่มตั้งแต่ 1 เมษายน 2552 พร้อมจัดโปรโมชั่นเอาใจนักลงทุนที่สะสมหน่วยลงทุนของกองทุนแอลทีเอฟและอาร์เอ็มเอฟ รับบัตรกำนัลเซ็นทรัลสูงสุดถึง 2,500 บาท
นายชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับกองทุนเปิด อเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว (ABLTF) ได้เปลี่ยนแปลงระยะเวลารับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยผู้ลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ เริ่มตั้งแต่ 1 เมษายน 2552 เป็นต้นไป ซึ่งจากเดิมที่สามารถทำได้ปีละ 2 ครั้งเท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการขายคืนหน่วยลงทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน และให้สอดคล้องกับประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เรื่องการยกเลิกกำหนดระยะเวลาในการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนสำหรับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว
นายชัยเกษม กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้ถือหน่วยลงทุนเริ่มวางแผนการลงทุนตั้งแต่ต้นปี บลจ. อเบอร์ดีน ได้จัดโปรโมชั่นสำหรับกองทุนเปิด อเบอร์ดีน หุ้นระยะยาว (ABLTF) กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมาร์ทแคปปิตอล เพื่อการเลี้ยงชีพ (ABSC-RMF) และกองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมาร์ทอินคัม เพื่อการเลี้ยงชีพ (ABSI-RMF) โดยผู้ลงทุนสามารถลงทุนสะสมได้ทั้งปี เพื่อมีสิทธิได้รับบัตรกำนัลเซ็นทรัลสูงสุดถึง 2,500 บาท (เป็นไปตามเงื่อนไขของบริษัท) เกี่ยวกับกองทุนเปิดอเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว (ABLTF)
สำหรับกองทุนเปิดอเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว (ABLTF) เป็นกองทุนเปิดตราสารแห่งทุน โดยมีนโยบายการลงทุนในตราสารแห่งทุนระยะยาวที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง สัดส่วนการลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยมุ่งเน้นการเลือกหุ้นที่มีคุณภาพ และประวัติการจ่ายเงินปันผลดี ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียน 150 บริษัทแรกที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูง กองทุนจดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2547 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ 27 ก.พ. 52 เท่ากับ 2,319,315,441.27 บาท และมูลค่าหน่วยลงทุนเท่ากับ 10.2917 บาท
อย่างไรก็ตาม ณ วันที่ 26 มีนาคม 2552 กองทุนเปิดอเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 0.13% เทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -1.62% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -23.84% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -29.01% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -39.62 % เทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -46.26% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 3.05% เมื่อเทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -29.31%
โดยมีมีหลักทรัพย์ที่กองทุนลงทุนได้แก่ อันดับ 1 บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม 9.2% อันดับ 2 บมจ. สยามแม็คโคร 7.5% อันดับ3 บมจ. ธนาคารกสิกรไทย 7.5% อันดับ4 บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย 7.2% อันดับ5 บมจ. ธนาคารไทยพาณิชย์ 5.7% อันดับ6 บมจ. บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ 4.8% อันดับ7 บมจ. เเอดวานซ์ อิน โฟร์ เซอร์วิส 4.7% อันดับ8 บมจ. ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส 4.6% อันดับ9 บมจ. ปูนซีเมนต์นครหลวง 4.4% และอันดับ10 บมจ. ไทยรับประกันภัยต่อ 4.2% มีสัดส่วนการลงทุนโดยแยกตามกลุ่มอุตสาหกรรมได้แก่ ธนาคาร 17.6%พลังงาน และ สาธารณูปโภค 17.4%พาณิชย์ 12.8%วัสดุ ก่อสร้าง 11.6% ประกันภัย และ ประกันชีวิต 7.5%อื่นๆ 27.2% และเงินฝาก ธนาคาร และ ทรัพย์สิน อื่น 5.9%
นายชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับกองทุนเปิด อเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว (ABLTF) ได้เปลี่ยนแปลงระยะเวลารับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยผู้ลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ เริ่มตั้งแต่ 1 เมษายน 2552 เป็นต้นไป ซึ่งจากเดิมที่สามารถทำได้ปีละ 2 ครั้งเท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการขายคืนหน่วยลงทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน และให้สอดคล้องกับประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เรื่องการยกเลิกกำหนดระยะเวลาในการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนสำหรับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว
นายชัยเกษม กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้ถือหน่วยลงทุนเริ่มวางแผนการลงทุนตั้งแต่ต้นปี บลจ. อเบอร์ดีน ได้จัดโปรโมชั่นสำหรับกองทุนเปิด อเบอร์ดีน หุ้นระยะยาว (ABLTF) กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมาร์ทแคปปิตอล เพื่อการเลี้ยงชีพ (ABSC-RMF) และกองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมาร์ทอินคัม เพื่อการเลี้ยงชีพ (ABSI-RMF) โดยผู้ลงทุนสามารถลงทุนสะสมได้ทั้งปี เพื่อมีสิทธิได้รับบัตรกำนัลเซ็นทรัลสูงสุดถึง 2,500 บาท (เป็นไปตามเงื่อนไขของบริษัท) เกี่ยวกับกองทุนเปิดอเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว (ABLTF)
สำหรับกองทุนเปิดอเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว (ABLTF) เป็นกองทุนเปิดตราสารแห่งทุน โดยมีนโยบายการลงทุนในตราสารแห่งทุนระยะยาวที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง สัดส่วนการลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยมุ่งเน้นการเลือกหุ้นที่มีคุณภาพ และประวัติการจ่ายเงินปันผลดี ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียน 150 บริษัทแรกที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูง กองทุนจดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2547 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ 27 ก.พ. 52 เท่ากับ 2,319,315,441.27 บาท และมูลค่าหน่วยลงทุนเท่ากับ 10.2917 บาท
อย่างไรก็ตาม ณ วันที่ 26 มีนาคม 2552 กองทุนเปิดอเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 0.13% เทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -1.62% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -23.84% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -29.01% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -39.62 % เทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -46.26% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 3.05% เมื่อเทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -29.31%
โดยมีมีหลักทรัพย์ที่กองทุนลงทุนได้แก่ อันดับ 1 บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม 9.2% อันดับ 2 บมจ. สยามแม็คโคร 7.5% อันดับ3 บมจ. ธนาคารกสิกรไทย 7.5% อันดับ4 บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย 7.2% อันดับ5 บมจ. ธนาคารไทยพาณิชย์ 5.7% อันดับ6 บมจ. บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ 4.8% อันดับ7 บมจ. เเอดวานซ์ อิน โฟร์ เซอร์วิส 4.7% อันดับ8 บมจ. ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส 4.6% อันดับ9 บมจ. ปูนซีเมนต์นครหลวง 4.4% และอันดับ10 บมจ. ไทยรับประกันภัยต่อ 4.2% มีสัดส่วนการลงทุนโดยแยกตามกลุ่มอุตสาหกรรมได้แก่ ธนาคาร 17.6%พลังงาน และ สาธารณูปโภค 17.4%พาณิชย์ 12.8%วัสดุ ก่อสร้าง 11.6% ประกันภัย และ ประกันชีวิต 7.5%อื่นๆ 27.2% และเงินฝาก ธนาคาร และ ทรัพย์สิน อื่น 5.9%