ASTVผู้จัดการรายวัน – ก.ล.ต. เตรียมตรวจสอบการดำเนินงานศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ บกพร่องหรือไม่ หลังทนายความตระกูล “อมาตยกุล”ผู้เสียหายใบหุ้นปลอมปูนซิเมนต์ไทย วอนไต่สวน “โสภาวดี”เล็งส่งหนังสือชี้แจงการดำเนินงานเป็นนายทะเบียนภายในสิ้นเดือนนี้ พร้อมทบทวนขั้นตอนดำเนินงานปิดช่องโว่ ประสานโบรกเกอร์ทำงานร่วมกันหามาตรการป้องกัน เบื้องต้นคาดทนายผู้เสียฟ้องแพ่ง 3 องค์กร “โบรกเกอร์ -ศูนย์รับฝากฯ- ปูนซีเมนต์ไทย” เตรียมแถลงข่าวฟ้องผู้ที่เกี่ยวข้องหลังประชุมผู้ถือหุ้นวันนี้
นางโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการ กลุ่มงานการตลาดและงานบริการหลังการซื้อขายหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) หรือ TSD เปิดเผยว่า ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯอยู่ระหว่างการทำหนังสือชี้แจงเกี่ยวกับการปฏิบัติงานและการทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนรับฝากหลักทรัพย์ แก่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ภายในสิ้นเดือนนี้
ทั้งนี้จากนายพิบูลย์ศักดิ์ สุขพงษ์ ทนายความกองมรดกของ นายวรรโณทัย อมาตยกุล ซึ่งเป็นผู้เสียหายจากหุ้นที่นายประพันธ์ ชูเมือง พนักงานของ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)หรือ SCC ลักและปลอมใบหุ้นไปจำหน่ายได้มีการทำหนังสือไปยังก.ล.ต.เพื่อให้มีการตรวจการทำงานของศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯนั้น โดยเบื้องต้นทยายความของผู้เสียหาย จะมีการฟ้องแพ่งคือ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ และบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์)
โดยหากทยายความมรดกตระกูลอมาตยกุลมีการฟ้องทางศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯก็จะต้องไปพิสูจน์การดำเนินงานในชั้นศาล ซึ่งจากกรณีดังกล่าวนั้นทางศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯได้มีการหารือกับทางโบรกเกอร์เพื่อหาแนวทางในการป้องกันเพื่อไม่มีเหตุการณ์การปลอมใบหุ้น โดยจะมีการทบทวนขั้นตอนการดำเนินงานแต่ละขั้นตอนว่ามีช่องโหว่อะไรบ้างที่สามารถกระทำความผิดได้ และด้านโบรกเกอร์เองอาจจะต้องทำงานเพิ่มขึ้นอีกในการที่จะมีกระบวนการรู้จักตัวตนลูกค้าให้มากขึ้น จากที่มีความใกล้ชิดกับลูกค้า
“ทนายความของตระกูล อมาตยกุล ได้มีการส่งหนังสือไปยังก.ล.ต.ให้มีการตรวสอบการทำงานของทางTSDจากเกิดกรณีใบหุ้นปลอมว่าเรามีการดำเนินการผิดพลาดหรือไม่ ซึ่งทางเราอยู่ระหว่างการทำหนังสือเพื่อชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับข้อเท็จจริงในการดำเนินงาน ต่อก.ล.ต.ภายในสิ้นเดือนนี้ แต่หลังจากเกิดกรณีดังกล่าวนั้นทุกหน่วยงานก็ไม่อยากให้เกิดกรณีใบหุ้นปลอมขึ้นอีก จึงให้มีการหาแนวทางป้องกันทั้งเราและโบรกเกอร์ รวมถึงบจ. ”นางโสภาวดี กล่าว
อย่างไรก็ตามจากการที่ในวันนี้ (25 มีนาคมนี้) ทางบมจ.ปูนซิเมนต์ไทย จะมีการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2552 ซึ่งทางทนายความของตระกูลอมาตยกุล จะมีการขอให้ทางนักลงทุนรายย่อยมีการลงคะแนนเสียงให้ทางประธานของปูนซิเมนต์ไทย มีการชี้แจงแนวทางการดูแลผู้ถือหุ้นที่ได้รับความเสียหายอย่างไรนั้น และจะมีการแถลงข่าวว่าจะมีฟ้องแพ่งกับหน่วยงานไหนหรือบุคคลใดบ้างหลังจากที่มีการประชุมผู้ถือหุ้นเสร็จ
ชวนผู้ถือหุ้นเข้าโครงการ e-Dividend
ขณะเดียวกันวานนี้ (24มี.ค.) ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯได้มีการลงนามในสัญญามอบหมายการเป็นธนาคารผู้โอนเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นผ่านบัญชีธนาคาร (e-Dividend)กับธนาคารธชาต ซึ่งถือว่าเป็นธนาคารที่ 14 ที่เข้าร่วมโครงการ โดยทางTSDตั้งเป้าปีนี้มีนักลงทุนมาใช้บริการ e-Dividend เพิ่มอีก 1.5 แสนรายจากปีก่อนที่มีนักลงทุนเข้าร่วมโครงการแล้ว 7.7 แสนราย ทำให้เพิ่มเป็น 9.2 แสนคน นอกจากนี้จะมีการประสานกับทางโบรกเกอร์ให้มีการแจ้งกับลูกค้าให้เข้าร่วมโครงการ ด้วยการรับเงินปันผลผ่านบัญชีธนาคาร ซึ่งศูนย์รับฝากจะมีการแจ้งรายชื่อนักลงทุนไปยังโบรกเกอร์
“เราจะมีการทำงานร่วมกับทางชมรมแบล็กออฟฟิศของโบรกเกอร์ในการให้รายชื่อนักลงทุนที่ยังไม่มีการเข้าร่วมโครงการ2.2แสนบัญชีให้โบรกเกอร์มีการแจ้งลูกค้า ให้มาเข้าร่วมโครงการ ส่วนลูกค้ารายใหม่นั้นจะต้องเข้าร่วมโครงการอยู่แล้วจากที่มีการชำระราคาหุ้นโดยตัดบัญชีอัตโนมัติของธนาคารพาณิชย์ ATS ซึ่งปัจจุบันมีบจ.เข้าร่วมโครงการจำนวน 558 บริษัท เหลืออีกไม่เกิน10 บริษัทที่ยังไม่เข้าร่วมและเราตั้งเป้าให้เข้าร่วมโครงการนี้ทุกแห่ง" นางโสภาวดีกล่าว
สำหรับปัจจุบันศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯมีเช็คการจ่ายเงินปันผลตีคืนมายังที่ศูนย์รับฝากฯจำนวน119,903 ฉบับ มูลค่ารวม 123.5 ล้านบาท เนื่องจาก นักลงทุนลืมว่าได้รับเงินปันผล และอีกส่วนหนึ่งจากเงินปันผลที่น้อยลงจึงไม่คุ้มกับการที่จะมารับเช็คไปขึ้นเงิน ซึ่งสาเหตุที่ศูนย์รับฝากฯได้มีการกระตุ้นให้นักลงทุนหันมารับเงินปันผลผ่าน e-Dividend เนื่องจากวิธีดังกล่าวมีต้นทุนต่ำกว่าการรับเป็นเช็คถึง 20% และสะดวกรวดเร็วในการรับเงินปันผล อีกทั้งจะไม่เกิดปัญหามีเช็คค้างอยู่ที่ศูนย์รับฝากฯอีกด้วย
นางโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการ กลุ่มงานการตลาดและงานบริการหลังการซื้อขายหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) หรือ TSD เปิดเผยว่า ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯอยู่ระหว่างการทำหนังสือชี้แจงเกี่ยวกับการปฏิบัติงานและการทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนรับฝากหลักทรัพย์ แก่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ภายในสิ้นเดือนนี้
ทั้งนี้จากนายพิบูลย์ศักดิ์ สุขพงษ์ ทนายความกองมรดกของ นายวรรโณทัย อมาตยกุล ซึ่งเป็นผู้เสียหายจากหุ้นที่นายประพันธ์ ชูเมือง พนักงานของ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)หรือ SCC ลักและปลอมใบหุ้นไปจำหน่ายได้มีการทำหนังสือไปยังก.ล.ต.เพื่อให้มีการตรวจการทำงานของศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯนั้น โดยเบื้องต้นทยายความของผู้เสียหาย จะมีการฟ้องแพ่งคือ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ และบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์)
โดยหากทยายความมรดกตระกูลอมาตยกุลมีการฟ้องทางศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯก็จะต้องไปพิสูจน์การดำเนินงานในชั้นศาล ซึ่งจากกรณีดังกล่าวนั้นทางศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯได้มีการหารือกับทางโบรกเกอร์เพื่อหาแนวทางในการป้องกันเพื่อไม่มีเหตุการณ์การปลอมใบหุ้น โดยจะมีการทบทวนขั้นตอนการดำเนินงานแต่ละขั้นตอนว่ามีช่องโหว่อะไรบ้างที่สามารถกระทำความผิดได้ และด้านโบรกเกอร์เองอาจจะต้องทำงานเพิ่มขึ้นอีกในการที่จะมีกระบวนการรู้จักตัวตนลูกค้าให้มากขึ้น จากที่มีความใกล้ชิดกับลูกค้า
“ทนายความของตระกูล อมาตยกุล ได้มีการส่งหนังสือไปยังก.ล.ต.ให้มีการตรวสอบการทำงานของทางTSDจากเกิดกรณีใบหุ้นปลอมว่าเรามีการดำเนินการผิดพลาดหรือไม่ ซึ่งทางเราอยู่ระหว่างการทำหนังสือเพื่อชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับข้อเท็จจริงในการดำเนินงาน ต่อก.ล.ต.ภายในสิ้นเดือนนี้ แต่หลังจากเกิดกรณีดังกล่าวนั้นทุกหน่วยงานก็ไม่อยากให้เกิดกรณีใบหุ้นปลอมขึ้นอีก จึงให้มีการหาแนวทางป้องกันทั้งเราและโบรกเกอร์ รวมถึงบจ. ”นางโสภาวดี กล่าว
อย่างไรก็ตามจากการที่ในวันนี้ (25 มีนาคมนี้) ทางบมจ.ปูนซิเมนต์ไทย จะมีการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2552 ซึ่งทางทนายความของตระกูลอมาตยกุล จะมีการขอให้ทางนักลงทุนรายย่อยมีการลงคะแนนเสียงให้ทางประธานของปูนซิเมนต์ไทย มีการชี้แจงแนวทางการดูแลผู้ถือหุ้นที่ได้รับความเสียหายอย่างไรนั้น และจะมีการแถลงข่าวว่าจะมีฟ้องแพ่งกับหน่วยงานไหนหรือบุคคลใดบ้างหลังจากที่มีการประชุมผู้ถือหุ้นเสร็จ
ชวนผู้ถือหุ้นเข้าโครงการ e-Dividend
ขณะเดียวกันวานนี้ (24มี.ค.) ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯได้มีการลงนามในสัญญามอบหมายการเป็นธนาคารผู้โอนเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นผ่านบัญชีธนาคาร (e-Dividend)กับธนาคารธชาต ซึ่งถือว่าเป็นธนาคารที่ 14 ที่เข้าร่วมโครงการ โดยทางTSDตั้งเป้าปีนี้มีนักลงทุนมาใช้บริการ e-Dividend เพิ่มอีก 1.5 แสนรายจากปีก่อนที่มีนักลงทุนเข้าร่วมโครงการแล้ว 7.7 แสนราย ทำให้เพิ่มเป็น 9.2 แสนคน นอกจากนี้จะมีการประสานกับทางโบรกเกอร์ให้มีการแจ้งกับลูกค้าให้เข้าร่วมโครงการ ด้วยการรับเงินปันผลผ่านบัญชีธนาคาร ซึ่งศูนย์รับฝากจะมีการแจ้งรายชื่อนักลงทุนไปยังโบรกเกอร์
“เราจะมีการทำงานร่วมกับทางชมรมแบล็กออฟฟิศของโบรกเกอร์ในการให้รายชื่อนักลงทุนที่ยังไม่มีการเข้าร่วมโครงการ2.2แสนบัญชีให้โบรกเกอร์มีการแจ้งลูกค้า ให้มาเข้าร่วมโครงการ ส่วนลูกค้ารายใหม่นั้นจะต้องเข้าร่วมโครงการอยู่แล้วจากที่มีการชำระราคาหุ้นโดยตัดบัญชีอัตโนมัติของธนาคารพาณิชย์ ATS ซึ่งปัจจุบันมีบจ.เข้าร่วมโครงการจำนวน 558 บริษัท เหลืออีกไม่เกิน10 บริษัทที่ยังไม่เข้าร่วมและเราตั้งเป้าให้เข้าร่วมโครงการนี้ทุกแห่ง" นางโสภาวดีกล่าว
สำหรับปัจจุบันศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯมีเช็คการจ่ายเงินปันผลตีคืนมายังที่ศูนย์รับฝากฯจำนวน119,903 ฉบับ มูลค่ารวม 123.5 ล้านบาท เนื่องจาก นักลงทุนลืมว่าได้รับเงินปันผล และอีกส่วนหนึ่งจากเงินปันผลที่น้อยลงจึงไม่คุ้มกับการที่จะมารับเช็คไปขึ้นเงิน ซึ่งสาเหตุที่ศูนย์รับฝากฯได้มีการกระตุ้นให้นักลงทุนหันมารับเงินปันผลผ่าน e-Dividend เนื่องจากวิธีดังกล่าวมีต้นทุนต่ำกว่าการรับเป็นเช็คถึง 20% และสะดวกรวดเร็วในการรับเงินปันผล อีกทั้งจะไม่เกิดปัญหามีเช็คค้างอยู่ที่ศูนย์รับฝากฯอีกด้วย
