สรุปเกี่ยวกับการลงทุนทองคำในช่วงสัปดาห์ก่อน นับว่าตื่นเต้นยิ่งกว่าเชียร์บอล เพราะราคาที่ทำท่าว่าจะดิ่งทะลุแนวรับไปไกลหลังจากร่วงลงไปถึงระดับ $882 กลับพุ่งไปอยู่ที่ $945 ภายในเวลาอันสั้นในคืนวันพุธ เรียกได้ว่าใครดูราคาอยู่ คงจะนั่งไม่ติดเก้าอี้ พอมาวันพฤหัสบดีทองคำบ้านเราทำท่าว่าจะปรับตัวลดลงแต่พอตกดึกราคาก็พุ่งไปถึง $961 เลยทีเดียว การซื้อขายทองคำที่ราคาผันผวนแบบนี้ดูน่าตื่นเต้นนี้ เกิดจากปัจจัยสำคัญดังนี้
ประการแรก นักลงทุนจำนวนมากชะลอการเข้าซื้อทองคำ ในขณะที่บางกลุ่มกระหน่ำขายสัญญาอย่างหนักเพื่อนำเงินเข้าลงทุนในตลาดหุ้น หลังจากเฟดประกาศใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ที่ครอบคลุมถึงการเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคและอัตราการปล่อยกู้ในภาคเอกชน อีกทั้งเพิ่มอัตราการจ้างงาน ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในอีกทางหนึ่ง จากเหตุดังกล่าวทำให้ทองมีความน่าดึงดูดใจน้อยลงในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย
ในทางกลับกันหากเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจของโลกเริ่มที่จะปรับตัวดีขึ้นจากปัจจัยเกี่ยวกับเงินเฟ้อซึ่งจะเกิดขึ้นจากการปรับตัวขึ้นของน้ำมันตามความต้องการที่เพิ่มของพลังงานเพื่อมาขับเคลื่อนธุรกิจและอุตสาหกรรม และการอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 6 เดือนซึ่งเป็นการอัดฉีดเม็ดเงินโดยตรง ซึ่งจะทำให้เม็ดเงินสกุลดอลลาร์ในระบบมีอยู่เป็นจำนวนมาก ยิ่งทำให้ปัจจัยเกี่ยวกับเงินเฟ้อดูเด่นชัด และอาจจะมาถึงเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ เมื่อแนวโน้มเงินเฟ้อเริ่มส่งผลกระแสการใช้ทองคำเพื่อประกันความเสี่ยงกับเงินเฟ้อก็มีความเป็นไปได้ที่จะกลับมาเช่นกัน
ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันในช่วงนี้เริ่มเห็นทิศทางขาขึ้นที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าโอเปคจะมีมติคงเพดานการผลิต และจะประเมินสถานการณ์ในตลาดน้ำมันและทบทวนเพดานการผลิตอีกครั้งในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 28 พ.ค. ราคาน้ำมันยังคงปรับตัวขึ้นเป็นระยะๆจากทัศนะในแง่บวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของภาคการเงินของสหรัฐ หลังตลาดหุ้นวอลล์สตรีทและตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งขึ้นมาหลายวันติดต่อกัน นักลงทุนควรเริ่มกลับมาให้ความสนใจกับราคาน้ำมันมากขึ้น เพราะปัจจัยเงินเฟ้อดูจะมีผลกับทองคำมากขึ้นอยู่เรื่อยๆ
สำหรับกองทุน ETF ของ SPDR Gold Trust ซึ่งท่ามกลางกระแสลบมากมายที่มีผลต่อราคาทอง กองทุน ETF ของ SPDR Gold Trust ยังคงเดินหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่อยู่เรื่อยๆ โดยล่าสุดปรับขึ้นมาอยู่ที่ 1,103.29 ตันในวันที่ 19 มี.ค. โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดิมในวันก่อน 18.96 ตันหรือ 1.7% ซึ่งทำให้มองได้ว่านักลงทุนที่ลงทุนในกองทุน ETF ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างใหญ่ของนักลงทุนในทองคำยังคงมองทองคำบวก และไม่ได้สูญเสียความมั่นใจในทองคำไป และความมั่นใจได้เริ่มทำกำไรในช่วงปลายสัปดาห์
ทิศทางทองคำในช่วงนี้ยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกอยู่ โดยมองว่าการปรับตัวลงของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมาเป็นเพียงการปรับฐานเก็งกำไรในระยะสั้น การที่ตลาดหุ้นของสหรัฐปรับตัวขึ้นมาหลายวันติดต่อกัน ยังไม่เป็นหลักฐานที่หนักแน่นมากพอที่จะสรุปว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้เปลี่ยนเป็นทิศทางบวกแล้ว แต่หากเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจของโลกเริ่มดีขึ้น ปัจจัยของเงินเฟ้อก็น่าจะเป็นปัจจัยบวกสำหรับราคาทอง
ทั้งนี้การปรับตัวเหนือระดับ $940 ซึ่งเป็นแนวต้านที่สำคัญในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ไปจนถึงที่ราคา $961 ในคืนวันพฤหัสบดียิ่งทำให้ดูได้ว่าการปรับฐานได้สิ้นสุดแล้ว อย่างไรก็ตามนักลงทุนระยะสั้นควรลงทุนอย่างระมัดระวังเนื่องจากการปรับตัวขึ้นอย่างฉับพลันมักจะติดตามมาด้วยการร่วงลงของราคาจากการเก็งกำไร และทำให้มีความเป็นไปได้ว่าราคาจะปรับตัวลงอีกครั้งในระยะสั้น
ที่มา : YLG Bullion International
ประการแรก นักลงทุนจำนวนมากชะลอการเข้าซื้อทองคำ ในขณะที่บางกลุ่มกระหน่ำขายสัญญาอย่างหนักเพื่อนำเงินเข้าลงทุนในตลาดหุ้น หลังจากเฟดประกาศใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ที่ครอบคลุมถึงการเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคและอัตราการปล่อยกู้ในภาคเอกชน อีกทั้งเพิ่มอัตราการจ้างงาน ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในอีกทางหนึ่ง จากเหตุดังกล่าวทำให้ทองมีความน่าดึงดูดใจน้อยลงในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย
ในทางกลับกันหากเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจของโลกเริ่มที่จะปรับตัวดีขึ้นจากปัจจัยเกี่ยวกับเงินเฟ้อซึ่งจะเกิดขึ้นจากการปรับตัวขึ้นของน้ำมันตามความต้องการที่เพิ่มของพลังงานเพื่อมาขับเคลื่อนธุรกิจและอุตสาหกรรม และการอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 6 เดือนซึ่งเป็นการอัดฉีดเม็ดเงินโดยตรง ซึ่งจะทำให้เม็ดเงินสกุลดอลลาร์ในระบบมีอยู่เป็นจำนวนมาก ยิ่งทำให้ปัจจัยเกี่ยวกับเงินเฟ้อดูเด่นชัด และอาจจะมาถึงเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ เมื่อแนวโน้มเงินเฟ้อเริ่มส่งผลกระแสการใช้ทองคำเพื่อประกันความเสี่ยงกับเงินเฟ้อก็มีความเป็นไปได้ที่จะกลับมาเช่นกัน
ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันในช่วงนี้เริ่มเห็นทิศทางขาขึ้นที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าโอเปคจะมีมติคงเพดานการผลิต และจะประเมินสถานการณ์ในตลาดน้ำมันและทบทวนเพดานการผลิตอีกครั้งในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 28 พ.ค. ราคาน้ำมันยังคงปรับตัวขึ้นเป็นระยะๆจากทัศนะในแง่บวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของภาคการเงินของสหรัฐ หลังตลาดหุ้นวอลล์สตรีทและตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งขึ้นมาหลายวันติดต่อกัน นักลงทุนควรเริ่มกลับมาให้ความสนใจกับราคาน้ำมันมากขึ้น เพราะปัจจัยเงินเฟ้อดูจะมีผลกับทองคำมากขึ้นอยู่เรื่อยๆ
สำหรับกองทุน ETF ของ SPDR Gold Trust ซึ่งท่ามกลางกระแสลบมากมายที่มีผลต่อราคาทอง กองทุน ETF ของ SPDR Gold Trust ยังคงเดินหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่อยู่เรื่อยๆ โดยล่าสุดปรับขึ้นมาอยู่ที่ 1,103.29 ตันในวันที่ 19 มี.ค. โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดิมในวันก่อน 18.96 ตันหรือ 1.7% ซึ่งทำให้มองได้ว่านักลงทุนที่ลงทุนในกองทุน ETF ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างใหญ่ของนักลงทุนในทองคำยังคงมองทองคำบวก และไม่ได้สูญเสียความมั่นใจในทองคำไป และความมั่นใจได้เริ่มทำกำไรในช่วงปลายสัปดาห์
ทิศทางทองคำในช่วงนี้ยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกอยู่ โดยมองว่าการปรับตัวลงของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมาเป็นเพียงการปรับฐานเก็งกำไรในระยะสั้น การที่ตลาดหุ้นของสหรัฐปรับตัวขึ้นมาหลายวันติดต่อกัน ยังไม่เป็นหลักฐานที่หนักแน่นมากพอที่จะสรุปว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้เปลี่ยนเป็นทิศทางบวกแล้ว แต่หากเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจของโลกเริ่มดีขึ้น ปัจจัยของเงินเฟ้อก็น่าจะเป็นปัจจัยบวกสำหรับราคาทอง
ทั้งนี้การปรับตัวเหนือระดับ $940 ซึ่งเป็นแนวต้านที่สำคัญในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ไปจนถึงที่ราคา $961 ในคืนวันพฤหัสบดียิ่งทำให้ดูได้ว่าการปรับฐานได้สิ้นสุดแล้ว อย่างไรก็ตามนักลงทุนระยะสั้นควรลงทุนอย่างระมัดระวังเนื่องจากการปรับตัวขึ้นอย่างฉับพลันมักจะติดตามมาด้วยการร่วงลงของราคาจากการเก็งกำไร และทำให้มีความเป็นไปได้ว่าราคาจะปรับตัวลงอีกครั้งในระยะสั้น
ที่มา : YLG Bullion International