บรรดาร้านทองคำ คัดค้านหากตลาดอนุพันธ์ใช้สัญญาโกลด์ฟิวเจอร์สในน้ำหนักเพียง 10บาท/สัญญา ชี้สร้างผลกระทบต่อประกอบการร้านทองขนาดเล็ก และทองคำแท่งในน้ำหนักที่เท่ากัน แม้ปริมาณการซื้อขายจะเพิ่มสูง แต่ความยุ่งยากและความผันผวนในการลงทุนจะมีสูงขึ้นไปด้วย พร้อมเตรียมเสนอก.ล.ต.ปรับเพิ่มวงเงินค้ำประกันขั้นต่ำที่เริ่มต้นเพียง 6.6 หมื่นบาท หรือแค่ 10% เนื่องจากน้อยกว่าความเป็นจริงมาก หากเกิดปัญหาจะลำบาก
นายพิชญา พิสุทธิกุล เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ และผู้บริหารห้างทองเลี่ยงเส็งเฮง กล่าวว่า ทางร้านทองได้เข้าร่วมกับสมาคมผู้ค้าทองคำในการจัดตั้งบริษัทฯ เพื่อเข้าไปดำเนินธุรกิจซื้อขายทองคำล่วงหน้าในตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) หรือ TFEX แล้ว โดยเชื่อว่าจะมีลูกค้าที่ชื่นชอบการลงทุนทองคำจริงเข้าไปลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์สบางส่วน ซึ่งในจุดนี้จะช่วยเพิ่มปริมาณสัญญาซื้อขายในตลาดให้เพิ่มสูงขึ้นมาได้
“โกลด์ฟิวเจอร์ส นับเป็นอีกหนึ่งตลาดที่ตอบสนองความต้องการของนักลงทุน ลูกค้าที่เข้ามาลงทุนในจุดนี้ จะมีลูกค้าจากบรรดาโบรกเกอร์ที่มีความรู้ด้านการลงทุนตราสารล่วงหน้าบ้างแล้ว และจะมีลูกค้าที่นิยมลงทุนในทองคำแท่งบางส่วนเข้ามาลงทุนด้วย ขณะเดียวกันเชื่อว่าจะมีลูกค้าใหม่ที่เริ่มมีความสนใจด้านการลงทุนเข้ามาลงทุนในนี้เพิ่มเติม โดยหลายรายในช่วงนี้อาจกำลังอยู่ในช่วงขั้นตอนการศึกษาวิธีลงทุนในตราสารดังกล่าว” นายพิชญา กล่าว
สำหรับกรณีที่เริ่มมีกระแสแนวคิดที่อยากให้ตลาดอนุพันธ์ เพิ่มสัญญาโกลด์ฟิวเจอร์สแบบใหม่ โดยให้มีน้ำหนักทองคำเพียง 10 บาท ต่อ1สัญญา นั้น เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว เนื่องจากหากมีสัญญาทองคำล่วงหน้าเพียงน้ำหนักแค่ 10 บาท จะมีผกระทบถึงการซื้อขายทองคำแท่งในน้ำหนักที่เท่ากัน และทองคำแท่ง-รูปพรรณในน้ำหนักที่เท่ากันหรือน้อยกว่านี้ เช่น 5 -7 บาท เพราะประชาชนจะรู้สึกว่าใช้เงินลงทุนเพียงนิดเดียวหรือแค่ 10% ก็สามารถซื้อทองคำได้ถึง 10 บาทแล้ว และเรื่องนี้จะมีผลกระทบไปถึงบรรดาร้านทองขนาดเล็กทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยเฉพาะในเรื่องยอดขายทองคำด้วย
“หากมีสัญญาทองคำน้ำหนักเพียงแค่ 10 บาทจริง เรื่องนี้เราไม่เห็นด้วย เพราะจะกระทบกับร้านทองขนาดเล็ก เป็นการเอาเปรียบเกินไป เพราะลูกค้ารายใดหากต้องการทองคำจริงแม้แค่น้ำหนัก 5 บาทก็ต้องใช้เงินหลายหมื่นบาทเข้าไปซื้อ แต่สามารถใช้เงินเพียงเล็กน้อยซื้อทองคำในน้ำหนัก 10 บาทได้ดูไม่ยุติธรรม และถ้าราคาทองเกิดความผันผวน เงินคำประกันขั้นต้นเพียง 10% นั้นหรือไม่กี่พันบาทนั้น จะเพียงพอต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นได้หรือ ความจริงตอนที่คุยกับตลาดอนุพันธ์ทางเราเสนอให้ใช้น้ำหนักทองคำ 100 บาท/สัญญา สำหรับการซื้อขายทองล่วงหน้ามากกว่า แต่เป็นไปเป็นมาก็มาอยู่ที่ 50 บาท/สัญญา”
ขณะเดียวกันแนวคิดที่ว่าการเพิ่มโกลด์ฟิวเจอร์สที่มีน้ำหนักทองคำเพียง 10 บาท/สัญญา จะช่วยเสริมสภาพคล่องคล่องให้กับการซื้อขายในตลาดนั้น เรื่องดังกล่าวอาจทำได้จริง แต่นอกจากจะสร้างผลกระทบให้บรรดาร้านทองขนาดเล็กแล้ว บรรดาโบรกเกอร์เองจะได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน เพราะจะมีคนเข้ามาลงทุนเพิ่มความเสี่ยงในการลงทุนจะเพิ่มขึ้น ระบบและเจ้าหน้าที่เตรียมการไว้จะสามารถรองรับได้เพียงพอหรือเปล่า อีกทั้งหากเกิดการขาดทุนการเรียกเก็บเงินอาจมีปัญหา แต่หากยังใช้น้ำหนักสัญญา 50 บาท/สัญญาเช่นเดิม แม้ปริมาณการซื้อขายยังน้อยอยู่แต่เชื่อว่าในอนาคตจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน อีกทั้งยังเป็นการลงทุนที่มีน้ำหนักและเม็ดเงินมากกว่า ซึ่งมองว่าการซื้อขายทองคำล่วงหน้าจะต้องการแค่เพียงปริมาณสัญญาหรือจำนวนคนเล่นเข้าเยอะๆ เพียงอย่างเดียวไม่ได้ อีกทั้งมองว่าในช่วงแรกนักลงทุนที่เข้ามาควรที่จะมีความสนใจและทำการศึกษาข้อมูลในเรื่องนี้มาดีแล้ว และต้องยอมรับความเสี่ยงที่สูงได้ แต่ไม่ควรลดขนาดสัญญาเพื่อดึงนักลงทุนทุกคน เพราะอาจเกิดความเสี่ยงที่สูงและปัญหาตามมาได้ในภายหลัง
นอกจากนี้ ทางสมาคมฯ มีความคิดที่จะเสนอต่อสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่าควรเปลี่ยนแปลงการวางเงินค้ำประกันขั้นต่ำของโกลด์ฟิวเจอร์สจากเดิมที่อยู่ประมาณ 66,000 บาท หรือ 10% ของสัญญาที่ใช้ในการซื้อขาย 1 ฉบับ เนื่องจากมองว่าเป็นจำนวนเงินที่น้อยเกินไปต่อสัญญาทองคำที่มีน้ำหนักถึง 50 บาท และเมื่อหากเกิดเหตุราคาปรับลดลง หรือเกิดการขาดทุนเงินดังกล่าวอาจไม่เพียงพอ จึงคิดว่าน่าจะเสนอให้ก.ล.ต.ปรับเพิ่มวงเงินมากกว่านี้
นายพิชญา กล่าวเพิ่มเติมว่าหลังจากราคาทองคำมีการผันผวนสูง โดยที่ผ่านมาราคาอยู่ในแนวโน้มช่วงขาขึ้น จึงทำให้กระทรวงพาณิชย์ให้มาให้ความสำคัญกับการค้าขายทองคำแท่งและทองรูปพรรณมากขึ้นเพื่อให้มีความเป็นธรรมแก่ผู้ซื้อ และทางสมาคมค้าทองเองก็พร้อมปฏิบัติตามในเรื่องที่มีการร้องขอมา นั่นคือวันหยุดกิจการ ร้านทองจะต้องแจ้งล่วงหน้า 1-2 วัน เพื่อไม่ให้เหมือนในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมาขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ ได้เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมตราชั่งทองคำ โดยทุกร้านต้องใช้เครื่องชั่งที่มีทศนิยม 2 จุด รวมทั้งเข้ามาควบคุมค่ากำเหน็จซื้อขายทองไม่ให้มีราคาที่สูงเกินไป เพื่อความเป็นธรรมต่อผู้บริโภค
นอกจากนี้ ยังเข้ามาดูในเรื่องใบสั่งซื้อทองคำ เพราะก่อนหน้านี้มีประชาชนเข้ามาซื้อทองเป็นจำนวนมาก จนร้านทองบางแห่งไม่มีทองให้ลูกค้า ทำให้ต้องออกใบสั่งซื้อทองคำให้ลูกค้าแทนชั่วคราวไปก่อน แล้วค่อยกลับมารับทองภายหลัง แต่มีลูกค้าบางราย โดนพวกมิจฉาชีพหลอก จึงไปร้องเรียนสมาคมส่งเสริมคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และทางกระทรวงพาณิชย์ต้องการให้บรรดาร้านทองมีการออกใบคำสั่งซื้อทองคำที่ถูกกฎหมาย
สำหรับวิธีการสังเกต ให้พิจารณาใบสั่งซื้อดังกล่าวมีชื่อร้าน ที่อยู่ ถูกต้องหรือไม่ อีกทั้งต้องมีชื่อ-นามสกุลผู้ซื้อ จำนวนน้ำหนักทองที่ซื้อ ราคาที่กำหนด และต้องมีการระบุว่าสามารถนำใบดังกล่าวมาใช้แทนทองคำ ในยามที่ต้องการขายก่อนกำหนดรับได้ ส่วนผู้ใดได้รับความเดือดร้อนในเรื่องนี้ขอให้รีบติดต่อมาที่สมาคมผู้ค้าทองคำ หรือสคบ. โดยทางสมาคมจะช่วยประสานงานกับภาครัฐเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายแก่ร้านทองที่กระทำผิดนั้นจนถึงที่สุด
นายพิชญา พิสุทธิกุล เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ และผู้บริหารห้างทองเลี่ยงเส็งเฮง กล่าวว่า ทางร้านทองได้เข้าร่วมกับสมาคมผู้ค้าทองคำในการจัดตั้งบริษัทฯ เพื่อเข้าไปดำเนินธุรกิจซื้อขายทองคำล่วงหน้าในตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) หรือ TFEX แล้ว โดยเชื่อว่าจะมีลูกค้าที่ชื่นชอบการลงทุนทองคำจริงเข้าไปลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์สบางส่วน ซึ่งในจุดนี้จะช่วยเพิ่มปริมาณสัญญาซื้อขายในตลาดให้เพิ่มสูงขึ้นมาได้
“โกลด์ฟิวเจอร์ส นับเป็นอีกหนึ่งตลาดที่ตอบสนองความต้องการของนักลงทุน ลูกค้าที่เข้ามาลงทุนในจุดนี้ จะมีลูกค้าจากบรรดาโบรกเกอร์ที่มีความรู้ด้านการลงทุนตราสารล่วงหน้าบ้างแล้ว และจะมีลูกค้าที่นิยมลงทุนในทองคำแท่งบางส่วนเข้ามาลงทุนด้วย ขณะเดียวกันเชื่อว่าจะมีลูกค้าใหม่ที่เริ่มมีความสนใจด้านการลงทุนเข้ามาลงทุนในนี้เพิ่มเติม โดยหลายรายในช่วงนี้อาจกำลังอยู่ในช่วงขั้นตอนการศึกษาวิธีลงทุนในตราสารดังกล่าว” นายพิชญา กล่าว
สำหรับกรณีที่เริ่มมีกระแสแนวคิดที่อยากให้ตลาดอนุพันธ์ เพิ่มสัญญาโกลด์ฟิวเจอร์สแบบใหม่ โดยให้มีน้ำหนักทองคำเพียง 10 บาท ต่อ1สัญญา นั้น เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว เนื่องจากหากมีสัญญาทองคำล่วงหน้าเพียงน้ำหนักแค่ 10 บาท จะมีผกระทบถึงการซื้อขายทองคำแท่งในน้ำหนักที่เท่ากัน และทองคำแท่ง-รูปพรรณในน้ำหนักที่เท่ากันหรือน้อยกว่านี้ เช่น 5 -7 บาท เพราะประชาชนจะรู้สึกว่าใช้เงินลงทุนเพียงนิดเดียวหรือแค่ 10% ก็สามารถซื้อทองคำได้ถึง 10 บาทแล้ว และเรื่องนี้จะมีผลกระทบไปถึงบรรดาร้านทองขนาดเล็กทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยเฉพาะในเรื่องยอดขายทองคำด้วย
“หากมีสัญญาทองคำน้ำหนักเพียงแค่ 10 บาทจริง เรื่องนี้เราไม่เห็นด้วย เพราะจะกระทบกับร้านทองขนาดเล็ก เป็นการเอาเปรียบเกินไป เพราะลูกค้ารายใดหากต้องการทองคำจริงแม้แค่น้ำหนัก 5 บาทก็ต้องใช้เงินหลายหมื่นบาทเข้าไปซื้อ แต่สามารถใช้เงินเพียงเล็กน้อยซื้อทองคำในน้ำหนัก 10 บาทได้ดูไม่ยุติธรรม และถ้าราคาทองเกิดความผันผวน เงินคำประกันขั้นต้นเพียง 10% นั้นหรือไม่กี่พันบาทนั้น จะเพียงพอต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นได้หรือ ความจริงตอนที่คุยกับตลาดอนุพันธ์ทางเราเสนอให้ใช้น้ำหนักทองคำ 100 บาท/สัญญา สำหรับการซื้อขายทองล่วงหน้ามากกว่า แต่เป็นไปเป็นมาก็มาอยู่ที่ 50 บาท/สัญญา”
ขณะเดียวกันแนวคิดที่ว่าการเพิ่มโกลด์ฟิวเจอร์สที่มีน้ำหนักทองคำเพียง 10 บาท/สัญญา จะช่วยเสริมสภาพคล่องคล่องให้กับการซื้อขายในตลาดนั้น เรื่องดังกล่าวอาจทำได้จริง แต่นอกจากจะสร้างผลกระทบให้บรรดาร้านทองขนาดเล็กแล้ว บรรดาโบรกเกอร์เองจะได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน เพราะจะมีคนเข้ามาลงทุนเพิ่มความเสี่ยงในการลงทุนจะเพิ่มขึ้น ระบบและเจ้าหน้าที่เตรียมการไว้จะสามารถรองรับได้เพียงพอหรือเปล่า อีกทั้งหากเกิดการขาดทุนการเรียกเก็บเงินอาจมีปัญหา แต่หากยังใช้น้ำหนักสัญญา 50 บาท/สัญญาเช่นเดิม แม้ปริมาณการซื้อขายยังน้อยอยู่แต่เชื่อว่าในอนาคตจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน อีกทั้งยังเป็นการลงทุนที่มีน้ำหนักและเม็ดเงินมากกว่า ซึ่งมองว่าการซื้อขายทองคำล่วงหน้าจะต้องการแค่เพียงปริมาณสัญญาหรือจำนวนคนเล่นเข้าเยอะๆ เพียงอย่างเดียวไม่ได้ อีกทั้งมองว่าในช่วงแรกนักลงทุนที่เข้ามาควรที่จะมีความสนใจและทำการศึกษาข้อมูลในเรื่องนี้มาดีแล้ว และต้องยอมรับความเสี่ยงที่สูงได้ แต่ไม่ควรลดขนาดสัญญาเพื่อดึงนักลงทุนทุกคน เพราะอาจเกิดความเสี่ยงที่สูงและปัญหาตามมาได้ในภายหลัง
นอกจากนี้ ทางสมาคมฯ มีความคิดที่จะเสนอต่อสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่าควรเปลี่ยนแปลงการวางเงินค้ำประกันขั้นต่ำของโกลด์ฟิวเจอร์สจากเดิมที่อยู่ประมาณ 66,000 บาท หรือ 10% ของสัญญาที่ใช้ในการซื้อขาย 1 ฉบับ เนื่องจากมองว่าเป็นจำนวนเงินที่น้อยเกินไปต่อสัญญาทองคำที่มีน้ำหนักถึง 50 บาท และเมื่อหากเกิดเหตุราคาปรับลดลง หรือเกิดการขาดทุนเงินดังกล่าวอาจไม่เพียงพอ จึงคิดว่าน่าจะเสนอให้ก.ล.ต.ปรับเพิ่มวงเงินมากกว่านี้
นายพิชญา กล่าวเพิ่มเติมว่าหลังจากราคาทองคำมีการผันผวนสูง โดยที่ผ่านมาราคาอยู่ในแนวโน้มช่วงขาขึ้น จึงทำให้กระทรวงพาณิชย์ให้มาให้ความสำคัญกับการค้าขายทองคำแท่งและทองรูปพรรณมากขึ้นเพื่อให้มีความเป็นธรรมแก่ผู้ซื้อ และทางสมาคมค้าทองเองก็พร้อมปฏิบัติตามในเรื่องที่มีการร้องขอมา นั่นคือวันหยุดกิจการ ร้านทองจะต้องแจ้งล่วงหน้า 1-2 วัน เพื่อไม่ให้เหมือนในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมาขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ ได้เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมตราชั่งทองคำ โดยทุกร้านต้องใช้เครื่องชั่งที่มีทศนิยม 2 จุด รวมทั้งเข้ามาควบคุมค่ากำเหน็จซื้อขายทองไม่ให้มีราคาที่สูงเกินไป เพื่อความเป็นธรรมต่อผู้บริโภค
นอกจากนี้ ยังเข้ามาดูในเรื่องใบสั่งซื้อทองคำ เพราะก่อนหน้านี้มีประชาชนเข้ามาซื้อทองเป็นจำนวนมาก จนร้านทองบางแห่งไม่มีทองให้ลูกค้า ทำให้ต้องออกใบสั่งซื้อทองคำให้ลูกค้าแทนชั่วคราวไปก่อน แล้วค่อยกลับมารับทองภายหลัง แต่มีลูกค้าบางราย โดนพวกมิจฉาชีพหลอก จึงไปร้องเรียนสมาคมส่งเสริมคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และทางกระทรวงพาณิชย์ต้องการให้บรรดาร้านทองมีการออกใบคำสั่งซื้อทองคำที่ถูกกฎหมาย
สำหรับวิธีการสังเกต ให้พิจารณาใบสั่งซื้อดังกล่าวมีชื่อร้าน ที่อยู่ ถูกต้องหรือไม่ อีกทั้งต้องมีชื่อ-นามสกุลผู้ซื้อ จำนวนน้ำหนักทองที่ซื้อ ราคาที่กำหนด และต้องมีการระบุว่าสามารถนำใบดังกล่าวมาใช้แทนทองคำ ในยามที่ต้องการขายก่อนกำหนดรับได้ ส่วนผู้ใดได้รับความเดือดร้อนในเรื่องนี้ขอให้รีบติดต่อมาที่สมาคมผู้ค้าทองคำ หรือสคบ. โดยทางสมาคมจะช่วยประสานงานกับภาครัฐเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายแก่ร้านทองที่กระทำผิดนั้นจนถึงที่สุด