xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.พร้อมใจออกกองบอนด์ระยะสั้น ชูผลตอบเเทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ. พาเหรดเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น รับกระแสดอกเบี้ยขาลง "เอ็มเอฟซี" ส่ง "เอ็มเอฟซี กาญจนทรัพย์ 6 ซีรี่ส์ 4" อายุโครงการสั้นๆเพียง 6 เดือน เอาใจนักลงทุนรับความเสี่ยงบอนด์เอกชนได้ ด้านบลจ.ไอเอ็นจีต่อยอด "ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้น 8M2" หลังกองแรกดีมานด์ล้น คาดจ่ายผลตอบเเทนประมาณ 2.25%ต่อปี ขณะที่บัวหลวง เดินหน้าส่งซีรีส์ "บัวหลวงธนรัฐ" เน้นลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐ ลุยตลาดต่อเนื่อง

นายพิชิต อัคราทิตย์
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทกำลังอยู่ระหว่างเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี กาญจนทรัพย์ 6 ซีรี่ส์ 4 หรือ MK6S4 กองทุนรวมตราสารหนี้ ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศที่ผลตอบแทนดีและมั่นคง ซึ่งเหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนได้ และลงทุนได้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน นอกจากนี้ ผู้ลงทุนรายย่อยที่ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในตราสารหนี้ และต้องการโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารซึ่งลดลง โดยกองทุนดังกล่าวจะเปิดไอพีโอถึง-17 มีนาคมนี้

สำหรับกองทุนเปิด MK6S4 มีมูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการออมเงินระยะสั้นสำหรับประชาชนทั่วไป เน้นการลงทุนในตราสารหนี้ที่ได้รับผลตอบแทนที่ดี เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ตราสารทางการเงินที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือหรือออกโดยสถาบันที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ

ทั้งนี้ เมื่อครบอายุกองทุน บริษัทจะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนกองทุนเปิด MK6S4 และสับเปลี่ยนอัตโนมัติไปยังกองทุนเปิดเอ็มเอฟซีพันธบัตรตลาดเงิน (MM-GOV) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงินที่มีความมั่นคงสูง ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยตราสารมีอายุไม่เกิน 1 ปี เพื่อสนับสนุนการลงทุนอย่างต่อเนื่องของผู้ถือหน่วยลงทุน
นายจุมพล สายมาลา
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว่า หลังจาก บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ได้เสนอขาย กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้น 8M1หรือ ระหว่างวันที่ 3-10 มีนาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่า ได้รับกระแสตอบรับจากนักลงทุนอย่างมาก ส่งผลให้กองทุนสามารถขายได้จนเต็มมูลค่าโครงการที่ 800 ล้านบาท ก่อนกำหนดของช่วงวันเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) จนทำให้บริษัทตัดสินใจออกกองทุนใหม่ คือ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้น 8M2 โดยจะเสนอขายตั้งแต่วันนี้ถึง -17 มีนาคมนี้ ซึ่งกองทุนดังกล่าวประมาณการผลตอบแทนอยู่ที่ 2.25%

ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า กระแสของกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นกำลังมาแรง ทำให้กองทุนตราสารหนี้อายุ 8 เดือนกองแรกของเราประสบความสำเร็จอย่างมาก ดังนั้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนที่กำลังมองหาแหล่งลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ขณะที่ผลตอบแทนอยู่ในระดับที่สูงกว่าเงินฝากธนาคารพาณิชย์ บลจ.ไอเอ็นจี จึงตัดสินใจเสนอขายกองทุนกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้น 8M2ต่อเนื่องทันที

สำหรับ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้น 8M2 จะเป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นในประเทศอายุประมาณ 8 เดือน ซึ่งกองทุนจะเลือกลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนคุณภาพดี รวมถึงการกระจายการลงทุนไปยังตั๋วเงินคลังที่มีความมั่นคงอีกด้วย
นายวศิน วัฒนวรกิจกุล
นายวศิน วัฒนวรกิจกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด บลจ. บัวหลวง จำกัด กล่าวว่า ภายหลังจากที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากมีการปรับตัวลดลง ส่งให้นักลงทุนต่างหาช่องทางใหม่ ๆ เพื่อเป็นการกระจายการลงทุน รวมถึงต้องการหาผลตอบแทนที่ดี และมีความปลอดภัยสูงด้วย ทำให้นักลงทุนบางรายต่างทยอยเข้ามาลงทุนในกองทุนตรสารหนี้เพิ่มขึ้น เนื่องจากว่ากองทุนประเภทดังกล่าวมีความเสี่ยงไม่มาก อีกทั้งยังมีอายุการลงทุนที่ไม่นานมากนัก และสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการนำเงินไปฝากยังธนาคารที่ให้อัตราดอกเบี้ยที่ไม่สูงมาก

ล่าสุด บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 5/09 (B5/09) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 4 - 6 เดือน ซึ่งกองทุนดังกล่าวเน้นลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐ โดยจะเริ่มเปิดขายไอพีโอระหว่างวันที่ 10 - 17 มีนาคม 2552 และคาดการณ์ผลตอบแทนประมาณการณ์อยู่ที่ 1.00% ต่อปี

ทั้งนี้ กองทุนเหมาะสมกับเงินลงทุนส่วนที่ต้องการความมั่นคงสูง และความเสี่ยงต่ำ โดยไม่ต้องไปลงทุนในหุ้น และเงินส่วนนี้จะต้องอยู่ในกองทุนเป็นระยะเวลาเท่ากับอายุกองทุน โดยลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ที่ราคาเสนอขาย 10 บาทต่อหน่วยลงทุน

โดยกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยหรือพันธบัตร หรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลังหรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝาก บัตรเงินฝาก ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตราสารหนี้ของสถาบันการเงิน และหรือพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ และหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นด้วยการทำธุรกรรมการซื้อตราสารแห่งหนี้ภาครัฐกับสถาบันการเงิน โดยมีสัญญาที่จะขายคืนตราสารแห่งหนี้ดังกล่าวตามวันที่กำหนดในสัญญา

"กองทุนดังกล่าวถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของนักลงทุน ที่ต้องการได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าการนำเงินไปฝากยังธนาคาร อีกทั้งกองทุนรวมในซีรีส์บัวหลวงธนรัฐ ทุก ๆ กองทุนที่บริษัทออกมาเป็นกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น โดยกำหนดระยะเวลาการลงทุน 6 เดือน แต่ไม่เกิน 1 ปี ซึ่งกองทุนรวมธนรัฐของบริษัทต่างได้รับผลตอบรับจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องมาตลอด" นายวศิน กล่าว

นายวศิน กล่าวอีกว่า ในส่วนของกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี (B-TNTV) เองในขณะนี้ยังคงได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก เพราะกองทุนสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการนำเงินไปฝากยังธนาคาร อีกทั้งกองทุนดังกล่าวยังเป็นแหล่งพักเงินของนักลงทุนที่ดีด้วย

“ภายหลังจากที่อัตราดอกเบี้ยปรับลดลง ทำให้นักลงทุนต่างหาช่องทางใหม่ ๆ ที่จะให้ได้ผลตอบแทนที่ดี แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องของอัตราดอกเบี้ยปรับลดลงก็ไม่ใช่ประเด็นหลักเพียงอย่างเดียว ซึ่งยังมีนักลงทุนบางรายต้องการที่จะหาช่องทางไว้เป็นที่พักเงินก่อนที่จะเข้าไปลงทุนในช่องทางอื่นด้วย และถึงแม้ว่ากองทุนประเภทดังกล่าวยังมีการแข่งขันกันสูงด้วย แต่กองทุนของบริษัทเราถือว่ายังสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า”
กำลังโหลดความคิดเห็น