บลจ.ไอเอ็นจี ประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ย ยังลดลงได้อีก หลัง กนง.ประกาศลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% ขณะที่แบงก์พาณิชย์ หั่นดอกเบี้ยออมทรัพย์ลงอีก 0.25% เตรียมเข็น “กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้น 8M1” เน้นลงทุนตราสารหนี้ในประเทศอายุ 8 เดือน ชูผลตอบแทน 2.50% ต่อปี เปิดขายวันที่ 3-10 มี.ค.นี้ ผู้บริหาร เชื่อ ได้รับความสนใจเหตุนักลงทุนแสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.ไอเอ็นจี เตรียมที่จะเสนอขาย “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้น 8M1” หรือ ING Thai SF 8M1 Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศอายุประมาณ 8 เดือน โดยคาดว่าผลตอบแทนจากการลงทุนจะอยู่ในราว 2.50% ต่อปี
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ไอเอ็นจี กล่าวว่า กองทุนดังกล่าวเชื่อว่าจะได้รับความสนใจและการตอบรับจากนักลงทุนอย่างแน่นอน โดยเฉพาะหลังจากที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (R/P) ระยะ 1 วันลง 0.50% จาก 2.00% เหลือ 1.50% ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามไปด้วย รวมถึงอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ที่ลดลง 0.25% ทำให้ผลตอบแทนจากเงินฝากลดลงอย่างต่อเนื่อง
“ต้องยอมรับว่า ในขณะนี้นักลงทุนแสวงหาผลตอบแทนที่มากกว่าเงินฝาก ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เนื่องจากภาวะวิกฤติการณ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้นักลงทุนกังวลเรื่องความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้น 8M1 สามารถตอบสนองความต้องการของนักลงทุนได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน การเลือกลงทุนของกองทุนยังเน้นไปที่ตราสารหนี้ภาคเอกชนคุณภาพดี รวมถึงการกระจายการลงทุนไปยังตั๋วเงินคลังที่มีความมั่นคงอีกด้วย” นายจุมพลกล่าว
สำหรับ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้น 8M1 หรือ ING Thai SF 8M1 Fund เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 3-10 มีนาคม 2552 โดยกำหนดวงเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
นอกจากนี้บลจ.ยังเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิด ไอเอ็นจี 3 เดือน โรล โอเว่อร์ C อีกครั้งตั้งเเต่วันนี้ถึง 4 มีนาคม - 10 มีนาคม 2552 นี้ โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนที่จะเน้นลงทุนแบบซื้อแล้วถือจนครบกำหนด (Buy and Hold) ในตราสารหนี้ที่ออก รับรอง รับอาวัล หรือค้ำประกันการจ่ายเงิน โดยสถาบันการเงิน ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ภาครัฐ ตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ตราสารหนี้ที่ออกโดยกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน รวมทั้งเงินฝาก โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ซึ่งตราสารหนี้ที่ลงทุนจะมีกำหนดชำระคืนเมื่อทวงถาม หรือมีอายุคงเหลือของตราสารประมาณ 3 เดือน ทั้งนี้ตราสารหนี้ที่กองทุนลงทุนนั้น จะเป็นตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตต่ำ