xs
xsm
sm
md
lg

TFUNDโชว์กำไรสุทธิปี51โต71%อานิสงส์ค่าเช่าขยับหลังเพิ่มทุนซื้อโรงงาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการายวัน - บลจ.บัวหลวงปลื้ม “กองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน” ทำกำไรปีหนูถึง 638.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 71% โดยเป็นกำไรจากการฟันค่าเช่าโรงงาน-บริการเป็นหลัก หลังเพิ่มทุนรอบที่ 2
 นายวินัย หิรัณย์ภิญโญภาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND) สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม  2551 งวด 1 ปี โดยกองทุนมีกำไรสุทธิ 638.85 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.1067 บาท ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวดเดียวกันในปี 2550 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 372.58 ล้านบาท  คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.9034 บาท  โดยผลการดำเนินงานล่าสุดมีกำไรเพิ่มขึ้นถึง 71 %
 สำหรับกำไรที่เพิ่มขึ้นนั้น มากจากรายได้ค่าเช่าและบริการ 580 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 172 ล้านบาท หรือร้อยละ 42.03 เนื่องจากกองทุนได้มีการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 เพื่อซื้อที่ดินและอาคารโรงงาน ในเดือนตุลาคม 2550 จำนวน 47 โรงงาน ทำให้รายได้ค่าเช่าและค่าบริการในปี 2551 โดยส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มทุนในครั้งนี้
 ขณะที่ กำไรสุทธิที่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนทั้งสิ้น 32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32 ล้านบาท เนื่องจากในระหว่างงวด กองทุนได้ขายอาคารโรงงานจำนวน 4 โรงงาน และ กำไร(ขาดทุน)สุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนทั้งสิ้น 149 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102ล้านบาท เนื่องจากในระหว่างงวดกองทุนได้ว่าจ้างผู้ประเมินอิสระประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์โดยวิธีพิจารณาจากรายได้ (Income approach) โดยกองทุนได้ทำการปรับมูลค่าเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ใหม่เป็น 5,919 ล้านบาท ทั้งนี้มิได้รวมมูลค่าเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในส่วนที่ซื้อเพิ่มระหว่างปี 2551 อีกจำนวน 2,207 ล้านบาท
  โดยก่อนหน้านี้นายสุทธิพงศ์ พัวพันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการ ฝ่ายจัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ บลจ.บัวหลวง กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยในช่วงที่ผ่านมา ทำให้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน หรือ TFUND ได้รับผลกระทบตามไปด้วย เนื่องจากเซกเตอร์ที่กองทุนเข้าไปลงทุน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้เช่าโรงงานที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับชิ้นส่วนอิเล็กโทนิกส์ประเภทอะไหล่รถยนต์เป็นหลัก ซึ่งจากผลกระทบดังกล่าว ทำให้บริษัทรถยนต์ต่างปิดตัวลง และปลดพนักงานออกเป็นจำนวนมาก ทำให้ผลตอบแทนของกองทุนมีการปรับตัวลดลงมาบ้าง ดังนั้น บริษัทจึงมีการปรับแผนการลงทุนใหม่ โดยจะเน้นการลงทุนไปยังกลุ่มผู้เช่าลอจิสติกต์แทน เนื่องจากกลุ่มดังกล่าว ไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากนัก อีกทั้งยังสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีด้วย
   อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ากองทุน TFUND จะได้รับผลกระทบจากสภาวะทางเศรษฐกิจก็ตาม แต่เป็นผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และในส่วนของผลตอบแทนก็มีการปรับตัวลดลงไม่มาก ซึ่งถ้าเทียบกับผลตอแทนของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่มีการปรับตัวลดลงไปกองทุนดังกล่าวยังสามารถให้ผลตอบแทนที่ดี
 สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน เป็นการลงทุนที่กองทุนได้รับกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (Free Hold Interest) เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม กองทุนสามารถขายหรือ จำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ที่กองทุนเป็นเจ้าของไปได้  โดยทั่วไปมูลค่าของที่ดินมักจะเพิ่มตามระยะเวลาที่ถือครอง ส่วนมูลค่าของสิ่งปลูกสร้างจะลดลงตามการเสื่อมค่าระยะเวลาที่ถือครอง แต่จะถูกชดเชยด้วยอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาก่อสร้างทดแทนที่เพิ่มขึ้น มากน้อยตามปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้อง
 ปัจจุบันกองทุนดังกล่าวได้ลงทุนในที่ดินแลอาคารโรงงานมาตรฐาน จำนวนทั้งสิ้น 130 โรง ของบริษัท ไทนคอน อินดัสเทรียล  คอนแน็คชั่น จำกัด (มหาชน) มีพื้นที่โรงงานรวม 287,ตารางเมตร บนพื้นที่ดินรวมขนาด 428 ไร่ 1 งาน 68.94 ตารางวา ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม เขตอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม รวม 8 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง 2.นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี 3.นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.อยุธยา 4.นิคมอุตสาหกรรมบางปู  จ.สมุทรปราการ 5.นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) จ.อยุธยา 6.เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี  7.นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง จ.ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.อยุธยา
กำลังโหลดความคิดเห็น