บลจ.บัวหลวง เผย กองทุนอสังหาฯไทคอนฟันกำไรไตรมาส 3 กว่า 1,410 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 9 เดือน กำไรพุ่งกว่า 526 ล้านบาท จากค่าเช่าเเละบริการ นอกจากกนี้ยังมีการเพิ่มทุนเพื่อนำไปซื้อโรงงานเพิ่มอีกหลังจากขายโรงงานไป 2 เเห่ง
นายวินัย หิรัณย์ภิญโญภาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 ว่า กองทุนมีผลกำไรสุทธิ 1,410.63 ล้านบาท คิดเป็นผลกำไรสุทธิ 0.2497 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นกว่า 562.9 ล้านบาท จากงวดเดียวกันในปี 2550 ที่มีรอบระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม -30 กันยายน 2551 ที่มีผลกำไรสุทธิ อยู่ที่ 847.73 ล้านบาท หรือคิดเป็นผลกำไรสุทธิ 0.2231 บาทต่อหุ้น
ขณะเดียวกันนายวินัย ยังได้เเจ้งผลการดำเนินงานในรอบ 9 เดือน ณ วันที่ 1 มกราคม-30 กันยายน 2551 ว่า กองทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน มีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,264.75 ล้านบาท คิดเป็นผลกำไรสุทธิ 0.2231 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นกว่า 2,902.48 ล้านบาท ในรอบ 9 เดือนของปี 2550 ที่มีรอบระยะเวลาตั้งเเต่วันที่ 1 มกราคม-30 กันยายน 2550 โดยมีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,362.27 ล้านบาท เเละคิดเป็นผลกำไรสุทธิ 0.6217 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้การดำเนินงานในรอบ 9 เดือนที่สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551นั้นกองทุนมีรายได้รวม 436 ล้านบาทการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน 526 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวด 9 เดือนของปี 2550 ที่มีรายได้รวม 288 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน 236 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น51% และ 123 % ตามลำดับนั้น มาจากรายได้ค่าเช่าและบริการ 427 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 146 ล้านบาท หรือคิดเป็น 51.96 %เนื่องจาก กองทุนได้มีการเพิ่มทุนเพื่อซื้อที่ดินและอาคารโรงงานในระหว่างงวดเพิ่มขึ้น 46 โรงงานเป็น 130 โรงงาน
โดยกำไรสุทธิที่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนทั้งสิ้น 17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17 ล้านบาท จากในระหว่างงวด กองทุนได้ขายอาคารโรงงานจำนวน 2 โรงงาน ขณะที่กำไรสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนทั้งสิ้น 168 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 158 ล้านบาท เนื่องจากในระหว่างงวดกองทุนได้ว่าจ้างผู้ประเมินอิสระประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์โดยวิธีพิจารณาจากรายได้ (Income approach) ซึ่งกองทุนได้ปรับมูลค่าเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ใหม่เป็น 6,055 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ บลจ. บัวหลวงในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวม TFUND ได้ทำการเพิ่มทุนของกองทุน เมื่อสิ้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จำนวนไม่เกิน 3,000 ล้านบาท จากเงินทุนของกองทุนรวมเดิมจำนวน 5,770.25 ล้านบาท เป็นเงินทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 270 ล้านหน่วยซึ่งบริษัทได้เห็นสมควรกำหนดให้มีการออกและเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมจำนวน 237 ล้านหน่วย ในราคาเสนอขายหน่วยละ 10.25 บาท และจัดสรรหน่วยลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 59.60 ของจำนวนหน่วยลงทุนที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติมในครั้งนี้ หรือคิดเป็นจำนวน 141.25 ล้านหน่วย เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิม (Rights Offering)
สำหรับการเพิ่มทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอนในครั้งนี้ เพื่อนำเงินระดมทุนไปลงทุนเพิ่มเติมในอสังหาริมทรัพย์ประกอบไปด้วย กรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นอาคารโรงงานจำนวน 40 โรง ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสหกรรมอมตะซิตี้ จำนวน 4 โรง, นิคมอุตสหกรรมอมตะนคร จำนวน 7 โรง, นิคมอุตสาหกรรมบางปะอน จำนวน 1 โรง, นิคมอุตสหกรมบ้านหว้า (ไฮเทค) จำนวน 14 โรง,เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร จำนวน 6 โรง, นิคาอุตสาหกรรมปิ่นทอง จำนวน 2 โรง และสวนอุตสหกรรมโรจนะ จำนวน 6 โรง
นอกจากนี้กองทุนรวมจะลงทุนในที่ดินและส่งปลูกสร้างที่ตั้งอยู่บนที่ดินดังกล่าวซึ่งได้ปลูกสร้างแล้วเสร็จและปัจจุบันใช้ประโยชน์เป็นอาคารคลังสินค้า จำนวน 10 โรงซึ่งตั้งอยู่ที่โครงการ ไทคอนโลจีสติคส์พาร์คบางนา ของบริษัทไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด โดยการรับโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินดังกล่าวจากบริษัท ไทคอนอินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด ในราคารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 2,950 ล้านบาท
นายวินัย หิรัณย์ภิญโญภาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 ว่า กองทุนมีผลกำไรสุทธิ 1,410.63 ล้านบาท คิดเป็นผลกำไรสุทธิ 0.2497 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นกว่า 562.9 ล้านบาท จากงวดเดียวกันในปี 2550 ที่มีรอบระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม -30 กันยายน 2551 ที่มีผลกำไรสุทธิ อยู่ที่ 847.73 ล้านบาท หรือคิดเป็นผลกำไรสุทธิ 0.2231 บาทต่อหุ้น
ขณะเดียวกันนายวินัย ยังได้เเจ้งผลการดำเนินงานในรอบ 9 เดือน ณ วันที่ 1 มกราคม-30 กันยายน 2551 ว่า กองทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน มีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,264.75 ล้านบาท คิดเป็นผลกำไรสุทธิ 0.2231 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นกว่า 2,902.48 ล้านบาท ในรอบ 9 เดือนของปี 2550 ที่มีรอบระยะเวลาตั้งเเต่วันที่ 1 มกราคม-30 กันยายน 2550 โดยมีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,362.27 ล้านบาท เเละคิดเป็นผลกำไรสุทธิ 0.6217 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้การดำเนินงานในรอบ 9 เดือนที่สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551นั้นกองทุนมีรายได้รวม 436 ล้านบาทการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน 526 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวด 9 เดือนของปี 2550 ที่มีรายได้รวม 288 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน 236 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น51% และ 123 % ตามลำดับนั้น มาจากรายได้ค่าเช่าและบริการ 427 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 146 ล้านบาท หรือคิดเป็น 51.96 %เนื่องจาก กองทุนได้มีการเพิ่มทุนเพื่อซื้อที่ดินและอาคารโรงงานในระหว่างงวดเพิ่มขึ้น 46 โรงงานเป็น 130 โรงงาน
โดยกำไรสุทธิที่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนทั้งสิ้น 17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17 ล้านบาท จากในระหว่างงวด กองทุนได้ขายอาคารโรงงานจำนวน 2 โรงงาน ขณะที่กำไรสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนทั้งสิ้น 168 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 158 ล้านบาท เนื่องจากในระหว่างงวดกองทุนได้ว่าจ้างผู้ประเมินอิสระประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์โดยวิธีพิจารณาจากรายได้ (Income approach) ซึ่งกองทุนได้ปรับมูลค่าเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ใหม่เป็น 6,055 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ บลจ. บัวหลวงในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวม TFUND ได้ทำการเพิ่มทุนของกองทุน เมื่อสิ้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จำนวนไม่เกิน 3,000 ล้านบาท จากเงินทุนของกองทุนรวมเดิมจำนวน 5,770.25 ล้านบาท เป็นเงินทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 270 ล้านหน่วยซึ่งบริษัทได้เห็นสมควรกำหนดให้มีการออกและเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมจำนวน 237 ล้านหน่วย ในราคาเสนอขายหน่วยละ 10.25 บาท และจัดสรรหน่วยลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 59.60 ของจำนวนหน่วยลงทุนที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติมในครั้งนี้ หรือคิดเป็นจำนวน 141.25 ล้านหน่วย เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิม (Rights Offering)
สำหรับการเพิ่มทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอนในครั้งนี้ เพื่อนำเงินระดมทุนไปลงทุนเพิ่มเติมในอสังหาริมทรัพย์ประกอบไปด้วย กรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นอาคารโรงงานจำนวน 40 โรง ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสหกรรมอมตะซิตี้ จำนวน 4 โรง, นิคมอุตสหกรรมอมตะนคร จำนวน 7 โรง, นิคมอุตสาหกรรมบางปะอน จำนวน 1 โรง, นิคมอุตสหกรมบ้านหว้า (ไฮเทค) จำนวน 14 โรง,เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร จำนวน 6 โรง, นิคาอุตสาหกรรมปิ่นทอง จำนวน 2 โรง และสวนอุตสหกรรมโรจนะ จำนวน 6 โรง
นอกจากนี้กองทุนรวมจะลงทุนในที่ดินและส่งปลูกสร้างที่ตั้งอยู่บนที่ดินดังกล่าวซึ่งได้ปลูกสร้างแล้วเสร็จและปัจจุบันใช้ประโยชน์เป็นอาคารคลังสินค้า จำนวน 10 โรงซึ่งตั้งอยู่ที่โครงการ ไทคอนโลจีสติคส์พาร์คบางนา ของบริษัทไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด โดยการรับโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินดังกล่าวจากบริษัท ไทคอนอินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด ในราคารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 2,950 ล้านบาท