xs
xsm
sm
md
lg

พรีมาเวสท์คาดภาพรวมศก.ดีขึ้นเหตุรัฐบาลทั่วโลกเร่งแก้วิกฤต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-บลจ.พรีมาเวสท์ คาดภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น หลังรัฐบาลไทย-สหรัฐ เร่งทำแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ เชื่อมาตรการใช้จ่ายและภาษีของ "โอบามาร์ค" จะช่วยบรรเทาปัญหาการเลิกจ้างและการว่างงานที่เพิ่มขึ้นได้ พร้อมระบุการผ่านงบของวุฒิสภาสหรัฐเป็นเรื่องดี และจะมีผลต่อเศรษฐกิจในระยะต่อไป
  รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) พรีมาเวสท์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดการลงทุนในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมามีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้น ทั้ง การที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้กระทรวงการคลังกู้เงินทั้งในและต่างประเทศรวมวงเงิน 2.7 แสนล้านบาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนในต่างประเทศ กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ประมาณการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2552 ว่าอาจจะหดตัวที่ -5% ถึง -2% ถ้าหากจีดีพีของสิงคโปร์หดตัวที่ 5% จริงจะถือว่าเป็นอัตราการขยายตัวของจีดีพีที่หดตัวมากที่สุดในประวัติศาสตร์สิงคโปร์ ส่วนประเทศอังกฤษเองก็มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.5% เหลือ 1%ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในประวัติการณ์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเช่นกัน
    นอกจากนี้ ทางฝั่งวุฒิสภาสหรัฐ ยังได้มีมติเห็นชอบให้ผ่อนคลายมาตรการ “Buy American"หรือ ซื้อสินค้าที่ผลิตในสหรัฐเท่านั้น ในร่างกฏหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินประมาณ 31 ล้านล้านบาทเนื่องจากเกรงว่าอาจจะทำให้เกิดละเมิดพันธกรณีทางการค้า จนกลายเป็นสงครามการค้าได้ เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐนำเงินภาษีของชาวอเมริกันมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจก็เห็นควรที่ใช้เพื่อสร้างงานในประเทศโดยจะสนับสนุนให้ใช้สินค้าในประเทศด้วย
    สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันผู้นำกลุ่มโอเปคส่งสัญญาณว่าจะลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีกในการประชุมครั้งหน้า (15 มี.ค.) หลังจากการลดกำลังการผลิตในรอบที่ผ่านมาไม่ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นมากนัก โดยราคาน้ำมันที่กลุ่มโอเปครับได้อยูที่ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลขึ้นไป
    ทั้งนี้ บลจ.พรีมาเวสท์ คาดการณ์ ว่าในระยะต่อไป มาตรการใช้จ่ายและมาตรการภาษีในส่วนของภาครัฐไทยจะช่วยบรรเทาปัญหาการเลิกจ้างและการว่างงานที่คาดว่าจะเพิ่มมากขึ้น โดยมีการประมาณการณ์ว่าหาก จีดีพี ไทยปรับตัวลดลง 0.5% จะส่งผลให้เกิดการเลิกจ้างแรงงานจำนวน 1.8 แสนคน ในทางกลับกันจากมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลช่วยให้ จีดีพี เพิ่มขึ้น 0.5% จะมีแรงถูกจ้างกลับมาใหม่จำนวน 1.8 แสนคน
     ทางด้านประเทศสหรัฐอเมริกา การผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ จะช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และในสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินดอลาร์สหรัฐได้มีการปรับตัวแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร และสกุลเงินหลัก เนื่องจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับขึ้น หลังจากบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่(วอลมาร์ท และเมซีส์) เปิดเผยยอดขายที่แข็งแกร่งเกินคาด รวมทั้งความเชื่อมั่นที่ว่าวุฒิสภาสหรัฐจะผ่านแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจของคณะทำงาน ของนายบารัค โอบามา หลังจากวุฒิสภาสหรัฐลงมตาให้คงข้อกำหนด“Buy American"ไว้ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินเกือบ 9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นผลให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อดอลลาร์อย่างคึกคัก
     ส่วนค่าเงินบาท พบว่า อยู่ในระดับที่อ่อนค่าลงเล็กน้อย โดยความเคลื่อนไหวของเงินบาทไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เนื่องจากตลาดให้ความสนใจกับค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศ ได้แก่ ยูโร และปอนด์โดยเฉพาะเงินปอนด์ที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นมาค่อนข้างมาก โดยส่วนหนึ่งมาจากการประกาศผลกำไรของธนาคารบาร์เคลย์ของอังกฤษสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ประมาณ 6 พันล้านปอนด์
    ขณะที่ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาพบว่า มีทิศทางไปตามตลาดต่างประเทส โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตามได้แก่ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยและสถาการณ์การเมืองในประเทศ ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญได้แก่ การปรับตัวของตลาดหุ้นในภูมิภาค รวมทั้งการรายงานตัวเลข เศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐและความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและแผนช่วเหลือสถาบันการเงินของรัฐบาลสหรัฐ
กำลังโหลดความคิดเห็น