ผู้จัดการรายวัน - กระทรวงพลังงานฉุนเตรียมใช้มติกบง.บังคับโรงกลั่นคลายกำไรคืนประชาชนหากยึกยัก เหตุระเบียบเปิดช่องกรณีวิกฤติน้ำมันแพง แฉกำไรส่วนต่างเฉพาะดีเซล 5 เดือนกระฉูดกว่า 2หมื่นลบ. เผยเล็ง 3 แนวทางใช้เงิน ขณะที่ดีเซลแนวโน้มใกล้แตะ 40 บาทต่อลิตรสูง ปตท.ประกาศขึ้นราคาเบนซิน 50 สตางค์/ลิตรและดีเซลอีก 70 สตางค์/ลิตรมีผลวันนี้ ส่งผลให้เบนซิน95 ทะลุ40 บาท/ลิตรแล้ว
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่กระทรวงพลังงานมีการหารือกับ 4 โรงกลั่นประกอบด้วยโรงกลั่นไทยออยล์ โรงกลั่นบางจาก โรงกลั่นไออาร์พีซี และโรงกลั่นพีทีทีเออาร์ เพื่อลดค่าการกลั่นดีเซลหน้าโรงกลั่นอัตราไม่เกิน 1 บาทต่อลิตรนั้นเป็นสิ่งที่สนพ.เห็นด้วยเพื่อนำมาช่วยเหลือประชาชนเนื่องจากพบว่าค่าการกลั่นดีเซลได้สูงขึ้นมากโดยเฉพาะเม.ย.-พ.ค.51 อยู่ที่ระดับ 7-9 บาทต่อลิตร
“ ปี 2550 ความต่างระหว่างน้ำมันดิบกับดีเซลเฉลี่ยอยู่ 3.65 บาทต่อลิตร ขณะที่ม.ค.- พ.ค. 2551 อยู่ที่ 5.75 บาทต่อลิตรหรือเพิ่มขึ้น 2.10 บาทต่อลิตรเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และล่าสุดเม.ย.-พ.ค.อยู่ที่ 7-9 บาทต่อลิตรเพราะความต้องการดีเซลของจีนสูงขึ้นมากการที่โรงกลั่นจะนำค่าการกลั่นมาช่วยเหลือประชาชนในช่วงวิกฤติน้ำมันแพงจึงเป็นการเหมาะสม และประชาชนเองก็คงจะต้องรู้จักประหยัดพลังงาน ใช้พลังงานทดแทนเพื่อลดผลกระทบอีกทางหนึ่งด้วย”นายวีระพลกล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานกล่าวว่า กรณีดังกล่าวล่าสุดโรงกลั่นยังไม่มีท่าทีจะยินยอมในการคลายกำไรส่วนต่างของดีเซลดังกล่าวออกมาดังนั้นกระทรวงพลังงานกำลังพิจารณาที่จะอาศัยประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.)ที่ให้อำนาจรมว.พลังงานออกคำสั่งในการคำนวณค่าการกลั่นให้เหมาะสมกรณีภาวะน้ำมันไม่ปกติซึ่งกระทรวงพลังงานจะเร่งสรุปในสัปดาห์นี้และได้วางกรอบนำเงินไปดูแลราคาดีเซล ไว้3 แนวทางในการพิจารณาเลือกแนวทางใดทางหนึ่งได้แก่ 1. ลดราคาขายปลีกเป็นการทั่วไป 75% ส่วนที่เหลือช่วยรายสาขาได้แก่ ขนส่ง ประมง 2. นำไปช่วยเฉพาะรายสาขาและ 3. ลดดีเซลทั่วไปกับช่วยรายสาขาอย่างละครึ่ง
ทั้งนี้มีการรายงานค่าการกลั่นจากสนพ.ถึงกระทรวงพลังงานว่า ปี 2549 ส่วนต่างน้ำมันดิบและดีเซลอยู่ที่ 15.27 เหรียญต่อบาร์เรลหรือมีกำไรจากส่วนดังกล่าว 3 บาทต่อลิตร ปี 2550 เฉลี่ย 16 เหรียญต่อบาร์เรลกำไร 3 บาทต่อลิตรทำให้ปี 2550 เฉลี่ยมีกำไรรวมกว่าหมื่นล้านบาท ขณะที่ปี 2551 ม.ค. ส่วนต่าง 18 เหรียญต่อบาร์เรลกำไรส่วนต่าง 1 บาทต่อลิตรคิดเป็นเงิน 1,000 ล้านบาท , ก.พ. ส่วนต่าง 22 เหรียญต่อบาร์เรลกำไร 1 บาทต่อลิตรเป็นเงิน 1,500 ล้านบาท ,มี.ค. ส่วนต่าง 30 เหรียญต่อบาร์เรล กำไรส่วนต่าง 3 บาทต่อลิตรคิดเป็นเงิน 4,500 ล้านบาท ,เม.ย. ส่วนต่าง 35 เหรียญต่อบาร์เรลกำไร 4 บาทต่อลิตรหรือ 6,000 ล้านบาทและ พ.ค. ส่วนต่าง 45 เหรียญต่อบาร์เรลกำไร 6 บาทต่อลิตรคิดเป็นเงิน 9,000 ล้านบาท( คิดที่ยอดขายดีเซล 50 ล้านลิตรต่อวัน)
*********ปตท.สุดเซ็งอุตส่าห์ชะลอขึ้นน้ำมัน
แหล่งข่าวจากปตท.กล่าวว่า ปตท.ก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือรัฐแต่ต้องยอมรับว่าการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็ต้องชี้แจงผู้ถือหุ้นเช่นกัน และยืนยันว่าค่าการกลั่นรัฐไม่ควรดูเฉพาะดีเซลแต่ต้องดูที่เฉลี่ยที่ล่าสุดอยู่ที่ 10 กว่าเหรียญต่อบาร์เรลอาจจะมีกำไรบ้างแต่อย่าลืมว่าส่วนนี้ที่ทำให้ปตท.ชะลอการขึ้นขายปลีกให้กับประชาชนได้ ไม่เพียงเท่านั้นปตท.ยังมีภาระนำเข้าก๊าซหุงต้ม และยังแบกรับขาดทุน NGV แม้ว่าภาพรวมธุรกิจจะกำไรแต่ก็มองภาระการลงทุนในอนาคตด้วย
***ดีเซลแนวโน้ม40บ.ไม่ไกล
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้ค่าการตลาดดีเซลของปตท.และบางจากเฉลี่ยยังติดลบ 2 บาทต่อลิตร ขณะที่ค่ายต่างชาติที่ได้ปรับราคาดีเซลไป 70 สตางค์ต่อลิตรมีผลวันที่ 27 พ.ค.ส่งผลให้ราคาอยู่ที่ 39.04 บาทต่อลิตรนั้นภาพรวมดีเซลก็ยังติดลบอยู่โอกาสปรับขึ้นต่อเนื่องยังมีสูงดังนั้น 40 บาทต่อลิตรอาจเห็นได้ในไม่ช้านี้เว้นและต้องติดตามว่ารัฐจะบริหารค่าการกลั่นดีเซลมาช่วยค้าปลีกด้วยหรือไม่
นายศัลยา สุคนธทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดราคาขายปลีก บ.เชลล์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เชลล์ยังมีค่าการตลาดติดลบ 1.16 บาทต่อลิตรโดยยอมรับว่าแนวโน้มอาจต้องปรับอีกและการแจ้งเปลี่ยนราคาเกือบ 3 ทุ่มนั้นเพราะต้องรอตลาดสิงคโปร์ปิดช่วงเย็นก่อนและต้องนำไปวิเคราะห์ภาพรวมต่างๆอีกครั้ง ส่วนดีเซลจะถึง 40 บาทต่อลิตรหรือไม่ยอมรับว่าปัจจัยการผลิตที่ล่าสุดท่อน้ำมันในไนจีเรียถูกโจมตีทำให้การผลิตหายไป 1.8 แสนบาร์เรลต่อวันมีผลผลักดันราคาน้ำมันตลาดโลกเพิ่มขึ้นอีกจนกว่าท่อจะเสร็จโดยคาดว่าจะใช้เวลา 10 กว่าวัน หากดูทิศทางเช่นนี้โอกาสเห็นเร็วๆ นี้ก็มีสูง
“ ผมคิดว่าคนกรุงเทพยังโชคดีที่ดีเซลไม่ได้สูงแต่คนต่างจังหวัดอีกหลายสิบล้านคนเขาใช้ดีเซลทะลุ 40 บาทต่อลิตรไปแล้วหากรัฐจะดูแลค่าการกลั่นมาช่วยเหลือผมเชียรที่จะดูแลน้ำมันเพื่อเกษตรกรที่จะนำไปเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและประมงมากกว่าภาคขนส่ง โดยสวนนี้น่าจะไปเร่ง NGV หรือพลังงานทดแทนอื่นๆ และมองเรื่องระบบราง ”นายศัลยากล่าว
***ปตท.นำขึ้นกลุ่มเบนซิน50สต.
ผู้สื่อข่ายรายงานว่า วานนี้ (27พ.ค.) ปตท.ได้แจ้งนำปรับขึ้นราคาขายปลีกกลุ่มเบนซิน 50 สตางค์ต่อลิตรทำให้ราคาเบนซิน 95 ขยับเป็น 40.09 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 เป็น 38.99 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เป็น36.09 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 เป็น 35.29 บาทต่อลิตร ส่วนดีเซลปรับขึ้น 70 สตางค์ต่อลิตร ทำให้ดีเซลปตท.เป็น 38.34 บาทต่อลิตร ซึ่งยังต่ำกว่าค่ายต่างชาติอยู่ 70 สตางค์ต่อลิตร (กรณีค่ายต่างชาติไม่เปลี่ยนแปลง)
***แค่2วันราคาหุ้นร่วงเฉลี่ย5%
สำหรับความเคลื่อนไหวราคาหุ้นของโรงกลั่นทั้ง 4 แห่ง วานนี้ (27 พ.ค.) คือ บมจ. ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR) บมจ. ไออาร์พีซี (IRPC) บมจ.ไทยออยล์ (TOP) และบมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) ราคาหุ้นไม่ค่อยเคลื่อนไหวมากนัก หลังจากวันก่อนหน้า (26) ได้ปรับตัวลดลงอย่างหนัก โดย PTTAR ปิดที่ 28.00 บาท ลดลงจากวันก่อน 0.25 บาท หรือคิดเป็น 0.08% มูลค่าการซื้อขาย 419.64 ล้านบาท
หากเทียบกับราคา PTTAR ล่าสุดกับราคาหุ้นก่อนที่รัฐบาลจะประกาศใช้มาตรการพลังงาน (23 พ.ค.) ที่ราคาปิดอยู่ที่ 29.75 บาท ราคาปรับตัวลดลง 1.75 บาท หรือคิดเป็น 5.88%
ขณะที่ IRPC ปิดที่ 5.15 บาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 0.05 บาท หรือ 0.98% มูลค่าการซื้อขาย 77.65 ล้านบาท แต่ราคาได้ลดลงจากวันที่ 23 พ.ค.51 มีราคาปิดที่ 5.50 บาท ลดลง 0.35 บาท คิดเป็น 6.36%
บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ปิดที่ 63.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 1.60% มูลค่าการซื้อขาย 600.69 ล้านบาท เทียบกับวันที่ 23 พ.ค. 51 ปิดที่ 67.50 บาท ลดลง 4 บาท คิดเป็น 5.92% ส่วน BCP ปิดที่ 12.40 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 1.59% มูลค่าการซื้อขาย 13.73 ล้านบาท เทียบกับ 23 พ.ค. 51 ปิดที่ 12.90 บาท ลดลง 0.50 บาท คิดเป็น 3.88%
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่กระทรวงพลังงานมีการหารือกับ 4 โรงกลั่นประกอบด้วยโรงกลั่นไทยออยล์ โรงกลั่นบางจาก โรงกลั่นไออาร์พีซี และโรงกลั่นพีทีทีเออาร์ เพื่อลดค่าการกลั่นดีเซลหน้าโรงกลั่นอัตราไม่เกิน 1 บาทต่อลิตรนั้นเป็นสิ่งที่สนพ.เห็นด้วยเพื่อนำมาช่วยเหลือประชาชนเนื่องจากพบว่าค่าการกลั่นดีเซลได้สูงขึ้นมากโดยเฉพาะเม.ย.-พ.ค.51 อยู่ที่ระดับ 7-9 บาทต่อลิตร
“ ปี 2550 ความต่างระหว่างน้ำมันดิบกับดีเซลเฉลี่ยอยู่ 3.65 บาทต่อลิตร ขณะที่ม.ค.- พ.ค. 2551 อยู่ที่ 5.75 บาทต่อลิตรหรือเพิ่มขึ้น 2.10 บาทต่อลิตรเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และล่าสุดเม.ย.-พ.ค.อยู่ที่ 7-9 บาทต่อลิตรเพราะความต้องการดีเซลของจีนสูงขึ้นมากการที่โรงกลั่นจะนำค่าการกลั่นมาช่วยเหลือประชาชนในช่วงวิกฤติน้ำมันแพงจึงเป็นการเหมาะสม และประชาชนเองก็คงจะต้องรู้จักประหยัดพลังงาน ใช้พลังงานทดแทนเพื่อลดผลกระทบอีกทางหนึ่งด้วย”นายวีระพลกล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานกล่าวว่า กรณีดังกล่าวล่าสุดโรงกลั่นยังไม่มีท่าทีจะยินยอมในการคลายกำไรส่วนต่างของดีเซลดังกล่าวออกมาดังนั้นกระทรวงพลังงานกำลังพิจารณาที่จะอาศัยประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.)ที่ให้อำนาจรมว.พลังงานออกคำสั่งในการคำนวณค่าการกลั่นให้เหมาะสมกรณีภาวะน้ำมันไม่ปกติซึ่งกระทรวงพลังงานจะเร่งสรุปในสัปดาห์นี้และได้วางกรอบนำเงินไปดูแลราคาดีเซล ไว้3 แนวทางในการพิจารณาเลือกแนวทางใดทางหนึ่งได้แก่ 1. ลดราคาขายปลีกเป็นการทั่วไป 75% ส่วนที่เหลือช่วยรายสาขาได้แก่ ขนส่ง ประมง 2. นำไปช่วยเฉพาะรายสาขาและ 3. ลดดีเซลทั่วไปกับช่วยรายสาขาอย่างละครึ่ง
ทั้งนี้มีการรายงานค่าการกลั่นจากสนพ.ถึงกระทรวงพลังงานว่า ปี 2549 ส่วนต่างน้ำมันดิบและดีเซลอยู่ที่ 15.27 เหรียญต่อบาร์เรลหรือมีกำไรจากส่วนดังกล่าว 3 บาทต่อลิตร ปี 2550 เฉลี่ย 16 เหรียญต่อบาร์เรลกำไร 3 บาทต่อลิตรทำให้ปี 2550 เฉลี่ยมีกำไรรวมกว่าหมื่นล้านบาท ขณะที่ปี 2551 ม.ค. ส่วนต่าง 18 เหรียญต่อบาร์เรลกำไรส่วนต่าง 1 บาทต่อลิตรคิดเป็นเงิน 1,000 ล้านบาท , ก.พ. ส่วนต่าง 22 เหรียญต่อบาร์เรลกำไร 1 บาทต่อลิตรเป็นเงิน 1,500 ล้านบาท ,มี.ค. ส่วนต่าง 30 เหรียญต่อบาร์เรล กำไรส่วนต่าง 3 บาทต่อลิตรคิดเป็นเงิน 4,500 ล้านบาท ,เม.ย. ส่วนต่าง 35 เหรียญต่อบาร์เรลกำไร 4 บาทต่อลิตรหรือ 6,000 ล้านบาทและ พ.ค. ส่วนต่าง 45 เหรียญต่อบาร์เรลกำไร 6 บาทต่อลิตรคิดเป็นเงิน 9,000 ล้านบาท( คิดที่ยอดขายดีเซล 50 ล้านลิตรต่อวัน)
*********ปตท.สุดเซ็งอุตส่าห์ชะลอขึ้นน้ำมัน
แหล่งข่าวจากปตท.กล่าวว่า ปตท.ก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือรัฐแต่ต้องยอมรับว่าการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็ต้องชี้แจงผู้ถือหุ้นเช่นกัน และยืนยันว่าค่าการกลั่นรัฐไม่ควรดูเฉพาะดีเซลแต่ต้องดูที่เฉลี่ยที่ล่าสุดอยู่ที่ 10 กว่าเหรียญต่อบาร์เรลอาจจะมีกำไรบ้างแต่อย่าลืมว่าส่วนนี้ที่ทำให้ปตท.ชะลอการขึ้นขายปลีกให้กับประชาชนได้ ไม่เพียงเท่านั้นปตท.ยังมีภาระนำเข้าก๊าซหุงต้ม และยังแบกรับขาดทุน NGV แม้ว่าภาพรวมธุรกิจจะกำไรแต่ก็มองภาระการลงทุนในอนาคตด้วย
***ดีเซลแนวโน้ม40บ.ไม่ไกล
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้ค่าการตลาดดีเซลของปตท.และบางจากเฉลี่ยยังติดลบ 2 บาทต่อลิตร ขณะที่ค่ายต่างชาติที่ได้ปรับราคาดีเซลไป 70 สตางค์ต่อลิตรมีผลวันที่ 27 พ.ค.ส่งผลให้ราคาอยู่ที่ 39.04 บาทต่อลิตรนั้นภาพรวมดีเซลก็ยังติดลบอยู่โอกาสปรับขึ้นต่อเนื่องยังมีสูงดังนั้น 40 บาทต่อลิตรอาจเห็นได้ในไม่ช้านี้เว้นและต้องติดตามว่ารัฐจะบริหารค่าการกลั่นดีเซลมาช่วยค้าปลีกด้วยหรือไม่
นายศัลยา สุคนธทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดราคาขายปลีก บ.เชลล์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เชลล์ยังมีค่าการตลาดติดลบ 1.16 บาทต่อลิตรโดยยอมรับว่าแนวโน้มอาจต้องปรับอีกและการแจ้งเปลี่ยนราคาเกือบ 3 ทุ่มนั้นเพราะต้องรอตลาดสิงคโปร์ปิดช่วงเย็นก่อนและต้องนำไปวิเคราะห์ภาพรวมต่างๆอีกครั้ง ส่วนดีเซลจะถึง 40 บาทต่อลิตรหรือไม่ยอมรับว่าปัจจัยการผลิตที่ล่าสุดท่อน้ำมันในไนจีเรียถูกโจมตีทำให้การผลิตหายไป 1.8 แสนบาร์เรลต่อวันมีผลผลักดันราคาน้ำมันตลาดโลกเพิ่มขึ้นอีกจนกว่าท่อจะเสร็จโดยคาดว่าจะใช้เวลา 10 กว่าวัน หากดูทิศทางเช่นนี้โอกาสเห็นเร็วๆ นี้ก็มีสูง
“ ผมคิดว่าคนกรุงเทพยังโชคดีที่ดีเซลไม่ได้สูงแต่คนต่างจังหวัดอีกหลายสิบล้านคนเขาใช้ดีเซลทะลุ 40 บาทต่อลิตรไปแล้วหากรัฐจะดูแลค่าการกลั่นมาช่วยเหลือผมเชียรที่จะดูแลน้ำมันเพื่อเกษตรกรที่จะนำไปเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและประมงมากกว่าภาคขนส่ง โดยสวนนี้น่าจะไปเร่ง NGV หรือพลังงานทดแทนอื่นๆ และมองเรื่องระบบราง ”นายศัลยากล่าว
***ปตท.นำขึ้นกลุ่มเบนซิน50สต.
ผู้สื่อข่ายรายงานว่า วานนี้ (27พ.ค.) ปตท.ได้แจ้งนำปรับขึ้นราคาขายปลีกกลุ่มเบนซิน 50 สตางค์ต่อลิตรทำให้ราคาเบนซิน 95 ขยับเป็น 40.09 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 เป็น 38.99 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เป็น36.09 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 เป็น 35.29 บาทต่อลิตร ส่วนดีเซลปรับขึ้น 70 สตางค์ต่อลิตร ทำให้ดีเซลปตท.เป็น 38.34 บาทต่อลิตร ซึ่งยังต่ำกว่าค่ายต่างชาติอยู่ 70 สตางค์ต่อลิตร (กรณีค่ายต่างชาติไม่เปลี่ยนแปลง)
***แค่2วันราคาหุ้นร่วงเฉลี่ย5%
สำหรับความเคลื่อนไหวราคาหุ้นของโรงกลั่นทั้ง 4 แห่ง วานนี้ (27 พ.ค.) คือ บมจ. ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR) บมจ. ไออาร์พีซี (IRPC) บมจ.ไทยออยล์ (TOP) และบมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) ราคาหุ้นไม่ค่อยเคลื่อนไหวมากนัก หลังจากวันก่อนหน้า (26) ได้ปรับตัวลดลงอย่างหนัก โดย PTTAR ปิดที่ 28.00 บาท ลดลงจากวันก่อน 0.25 บาท หรือคิดเป็น 0.08% มูลค่าการซื้อขาย 419.64 ล้านบาท
หากเทียบกับราคา PTTAR ล่าสุดกับราคาหุ้นก่อนที่รัฐบาลจะประกาศใช้มาตรการพลังงาน (23 พ.ค.) ที่ราคาปิดอยู่ที่ 29.75 บาท ราคาปรับตัวลดลง 1.75 บาท หรือคิดเป็น 5.88%
ขณะที่ IRPC ปิดที่ 5.15 บาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 0.05 บาท หรือ 0.98% มูลค่าการซื้อขาย 77.65 ล้านบาท แต่ราคาได้ลดลงจากวันที่ 23 พ.ค.51 มีราคาปิดที่ 5.50 บาท ลดลง 0.35 บาท คิดเป็น 6.36%
บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ปิดที่ 63.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 1.60% มูลค่าการซื้อขาย 600.69 ล้านบาท เทียบกับวันที่ 23 พ.ค. 51 ปิดที่ 67.50 บาท ลดลง 4 บาท คิดเป็น 5.92% ส่วน BCP ปิดที่ 12.40 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 1.59% มูลค่าการซื้อขาย 13.73 ล้านบาท เทียบกับ 23 พ.ค. 51 ปิดที่ 12.90 บาท ลดลง 0.50 บาท คิดเป็น 3.88%
