ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ. ไม่ห่วงเงินไหลกลับจากเกาหลี มั่นใจลงทุนในกองทุนรวมต่อ 80% แต่อาจโยกหาผลตอบแทนทรัพย์สินอื่นบ้าง ทั้งเงินฝาก และหุ้นกู้เอกชน ส่วนกองทุนเกาหลีล๊อตใหม่ ยังได้รับความสนใจ เหตุยิลด์ยังสูงกว่าตราสารหนี้ในประเทศ
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เนื่องจากในปีนี้ จะมีเม็ดเงินกองทุนที่ไปลงทุนในประเทศเกาหลีใต้ ครบกำหนดอายุการลงทุนประมาณ 240,000 ล้านบาทนั้น หากครบกำหนดแล้วเม็ดเงินดังกล่าวไม่ได้กลับมาลงทุนในอุตสาหกรรมกองทุนรวมต่อ จะส่งผลกระทบต่อกองทุนรวม ซึ่งจะทำให้สินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหารหรือ เอยูเอ็มลดลงอย่างแน่นอน
แต่อย่างไรก็ตาม จากการลงทุนในปีนี้ที่ค่อนข้างต่างจากปีที่ผ่านมา จากเดิมที่ธนาคารพาณิชย์ต่างเร่งระดมเงินจากนักลงทุนโดยการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย เพื่อรักษาสภาพคล่องของธนาคารไม่ให้ตึงตัว ซึ่งเป็นการดึงเม็ดเงินจากอุตสาหกรรมกองทุนรวมอีกทางหนึ่ง แต่สำหรับในปีนี้ คาดว่าเศรษฐกิจไม่ได้แย่เหมือนปีก่อนหน้านี้ ธนาคารจึงไม่ต้องเร่งระดมเงิน การแข่งขันลดน้อยลง จากจุดนี้จะทำให้เม็ดเงินไหลกลับมาลงทุนในกองทุนรวมอีกครั้ง
“ขณะนี้หลายๆบลจ.ได้มีออกจัดตั้งกองทุนออกมาเพื่อรองรับเม็ดเงินที่จะไหลกลับมาประเทศ โดยคาดว่าเม็ดเงินส่วนใหญ่จะกลับเข้ามาลงทุนในระบบเหมือนเดิม แต่อาจจะเป็นการลงนำเม็ดเงินไปลงทุนในกองทุนรวมอื่นๆเช่นลงทุนในตราสารหนี้หรือกองทุนหุ้นแทนกองทุน แต่ยังคงอยู่มนระบบอย่างแน่นอน”นายวนากล่าว
นายวิโรจน์ ตั้งเจริญ รักษาการ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด1 บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า บริษัทคาดว่าเม็ดเงินจะกลับมายังอุตสาหกรรมกองทุนรวมแน่นอน ซึ่งอาจจะมีเม็ดเงินไหลออกไปลงทุนยังอุตสาหกรรมอื่นบ้าง แต่รับรองได้ว่าเม็ดเงินดังกล่าวจะไม่กระทบต่อกองทุนจนทำให้มีขนาดเล็กลง หรือทำให้ยอดกองทุนลดลงมากนัก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทได้มีการหาโปรดักส์ใหม่เพื่อมารองรับเม็ดเงินที่ไหลกลับมา
ทั้งนี้ คาดว่าเม็ดเงินที่จะไหลกลับเข้ามาในอุตสาหกรรมกองทุนรวม จะอยู่ที่ประมาณ 80 % ของเม็ดเงินทั้งหมด โดยที่เม็ดเงินเหล่านี้จะเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมทั้งในและต่างประเทศ ส่วนที่เหลืออีก 20% คาดว่านักลงทุนจะนำไปลงทุนในเงินฝากและหุ้นกู้ที่มีคุณภาพดีที่ออกโดยบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ
"กองทุนเกาหลีที่เราเปิดขายล่าสุด สามารถระดมทุนได้รวมกันกว่า 2,500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าเป็นเม็ดเงินจากกองเกาหลีที่ทยอยครบกำหนดอายุโครงการกลับมาลงทุนใหม่อีกครั้ง เนื่องจากว่าผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับจากการลงทุนนั้นสูงกว่าการลงทุนในประเทศ" นายวิโรจน์กล่าว
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.บีที กล่าว่า ในส่วนของเม็ดเงินกองทุนที่ไปลงทุนยังเกาหลีใต้จะครบกำหนดอายุการลงทุนกลับเข้ามาในประเทศนั้น บริษัทคาดว่าเม็ดเงินเหล่านั้นจะกลับเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมอย่างแน่นอน โดยจะเป็นการลงทุนในกองทุนรวมที่นำเงินออกไปลงทุนยังต่างประเทศ และที่เหลือจะเป็นการนำเงินไปพักยังกองทุนตลาดเงินเพื่อรอที่จะลงทุน
โดยเม็ดเงินจากการลงทุนในพันธบัตรเกาหลีรุ่นแรก ส่วนหนึ่งจะกลับเข้าไปลงทุนในกองทุนเกาหลีใต้ที่เปิดขายรอบใหม่อีกอย่างแน่นอน เนื่องจากผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรระยะสั้น 6 เดือน ถึง 1 ปี ที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจของเกาหลีใต้ เช่น ธนาคารนำเข้าส่งออกเกาหลีใต้ ธนาคารเพื่ออุตสาหกรรมเกาหลีใต้ และธนาคารเพื่อการพัฒนาเกาหลีใต้ เป็นผู้ออก สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าลงทุนในประเทศ โดยธนาคารดังกล่าวนี้ได้มีการเริ่มระดมเงินกู้ในรูปแบบของตราสาร ทำให้นักลงทุนไทยที่ไปลงทุนยังเกาหลีใต้แล้วสวอปเงินกลับมาเป็นเงินบาท ยังได้ผลตอบแทนที่สูงอยู่
“เม็ดเงินที่จะไหลกลับเข้าประเทศจากกองทุนเกาหลีใต้นั้น เราคาดว่าเม็ดเงินดังกล่าวจะกลับมาลงทุนยังอุตสาหกรรมกองทุนรวมอีกครั้งอย่างแน่นอน โดยนักลงทุนมีความมั่นใจในการบริหารงานของบริษัท และการให้บริการ การหาผลิตภัณฑ์ใหม่มารองรับเม็ดเงิน แต่ทั้งนี้เม็ดเงินดังกล่าวอาจจะไม่กลับเข้ามาลงทุนในกองทุนทั้งหมด ซึ่งอาจจะมีการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์อื่นแทน ทั้งนี้ จากเม็ดเงินจำนวนนี้ บริษัทมองว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมกองทุนอย่างแน่นอน” นายอนุสรณ์กล่าว