ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ.ทิสโก้ ขอมติผู้ถือหน่วย กองทุนเปิดทิสโก้พันธบัตรออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ต่ออายุ พร้อมเลือกลงทุนต่อหรือถอนออกไป หลังทั้ง 2 กอง จะครบกำหนดกลางปีนี้ ลุ้นระยะยาวค่าเงิน 2 ประเทศ แข็งค่ากลับขึ้นมาได้ ด้านแผนออกกองทุน เตรียมชงหุ้นกู้เอกชนเครดิต A- ขึ้นไป เน้นยาว 2 ปี เอาใจลูกค้าหวังผลตอบแทนสูง ระบุครึ่งปีแรก ได้เห็นถึง 4.5%
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการขอมติผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนเปิดทิสโก้พันธบัตรออสเตรเลียและกองทุนเปิดทิสโก้พันธบัตรนิวซีแลนด์ เพื่อขอขยายอายุกองทุนออกไปอีก รวมทั้งจะขอให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกว่าจะลงทุนต่อไปหรือจะเลือกออกจากกองทุน เพราะกองทุนดังกล่าวจะเริ่มทยอยครบอายุในช่วงกลางปี 2552 นี้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ลงทุนกับบริษัท เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความรู้ความเข้าใจ และได้มีการจัดสรรเงินมาเพื่อลงทุนแล้ว ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้เข้าใจในผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังเชื่อมั่นว่าในระยะยาวค่าเงินในทั้ง 2 ประเทศน่าจะแข็งค่ากลับขึ้นมาได้ ซึ่งจากความเข้าใจดังกล่าว ทำให้ลูกค้ามีความต้องการที่จะถือหน่วยลงทุนเพื่อลงทุนต่อไป ดังนั้น บริษัทจึงจะได้ทำการขอมติผู้ถือหน่วยลงทุนต่อไป
“ปัจจุบันดอกเบี้ยทั่วโลกยังอยู่ในช่วงขาลงและทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ เช่นเดียวกับดอกเบี้ยในออสเตรียเลียและนิวซีแลนด์ ซึ่งแม้จะปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังสูงกว่าประเทศอื่นในโลกพอสมควร โดยในอนาคตหากมีการทำ Carry Trade เงินจากที่ดอกเบี้ยต่ำมาหาประโยชน์จากดอกเบี้ยสูงอีกครั้ง น่าจะส่งผลบวกต่อค่าเงินของทั้ง 2 ประเทศได้เช่นเดียวกัน ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าว ลูกค้าของทิสโก้ส่วนหนึ่งจึงมีความสนใจที่จะถือหน่วยลงทุนในกองทุนเปิดทิสโก้พันธบัตรออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ต่อไป”นายธีรนาถกล่าว
นายพิชา รัตนธรรม หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บลจ.ทิสโก้ กล่าวว่า ในส่วนของการลงทุนตราสารหนี้ในช่วงครึ่งแรกปี2552 นี้ บริษัทจะเน้นการลงทุนในหุ้นกู้เอกชน ที่มีอันดับเครดิต A- ขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันให้ผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลประมาณ 2.0-2.5% ซึ่งมีความน่าสนใจกว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลซึ่งให้ผลตอบแทนค่อนข้างต่ำ ปัจจุบันพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3-5 ปี ให้ผลตอบแทนประมาณ 2% เท่านั้น และยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงได้อีกในช่วงครึ่งแรกของปี2552 นี้ จึงไม่น่าสนใจที่จะลงทุน เพราะประเทศไทยยังมีบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งมาก เช่น บมจ.ปูนซีเมนต์ไทย บมจ.แลนด์แอนด์เฮาส์ หรือบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอรวิส เป็นต้น
โดยอายุของหุ้นกู้ที่บริษัทจะเน้นช่วงอายุของหุ้นกู้ที่ลงทุนประมาณ 2 ปี เพราะหากลงทุนสั้นไปนักลงทุนจะมีความเสี่ยงจากการที่จะต้องนำเงินไปลงทุนใหม่ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเดิม ดังนั้นระยะเวลาลงทุนประมาณ 2 ปี กำลังเหมาะสม
ทั้งนี้ ในเรื่องของอุปทานของหุ้นกู้เอกชนสำหรับบริษัทไม่มีปัญหา เพราะบลจ.ทิสโก้เน้นกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ไม่ได้จับกลุ่มตลาดทั่วไปเหมือนบลจ.ใหญ่ๆ ดังนั้น กองทุนขนาด 100-200 ล้านบาท สามารถหาหุ้นกู้ลงทุนได้สบาย ไม่มีปัญหาอะไร ในขณะที่บลจ.ใหญ่ อาจจะมีปัญหาในเรื่องของซัพพลายของหุ้นกู้ที่จะลงทุนได้เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไม่จูงใจ นักลงทุนควรจะมีการแบ่งเงินลงทุนบางส่วนมาลงทุนในหุ้นกู้เอกชนเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าบ้าง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 ตลาดหุ้นกู้เอกชนยังให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจประมาณ 4.5%
“ในช่วงที่ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำเช่นนี้ ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอาจจะไม่จูงใจ ดังนั้น นักลงทุนควรจะมีการแบ่งเงินลงทุนบางส่วนมาลงทุนในหุ้นกู้เอกชนบ้าง เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่า โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 ตลาดหุ้นกู้เอกชนยังให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจประมาณ 4.5%" นายพิชากล่าว
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการขอมติผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนเปิดทิสโก้พันธบัตรออสเตรเลียและกองทุนเปิดทิสโก้พันธบัตรนิวซีแลนด์ เพื่อขอขยายอายุกองทุนออกไปอีก รวมทั้งจะขอให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกว่าจะลงทุนต่อไปหรือจะเลือกออกจากกองทุน เพราะกองทุนดังกล่าวจะเริ่มทยอยครบอายุในช่วงกลางปี 2552 นี้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ลงทุนกับบริษัท เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความรู้ความเข้าใจ และได้มีการจัดสรรเงินมาเพื่อลงทุนแล้ว ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้เข้าใจในผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังเชื่อมั่นว่าในระยะยาวค่าเงินในทั้ง 2 ประเทศน่าจะแข็งค่ากลับขึ้นมาได้ ซึ่งจากความเข้าใจดังกล่าว ทำให้ลูกค้ามีความต้องการที่จะถือหน่วยลงทุนเพื่อลงทุนต่อไป ดังนั้น บริษัทจึงจะได้ทำการขอมติผู้ถือหน่วยลงทุนต่อไป
“ปัจจุบันดอกเบี้ยทั่วโลกยังอยู่ในช่วงขาลงและทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ เช่นเดียวกับดอกเบี้ยในออสเตรียเลียและนิวซีแลนด์ ซึ่งแม้จะปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังสูงกว่าประเทศอื่นในโลกพอสมควร โดยในอนาคตหากมีการทำ Carry Trade เงินจากที่ดอกเบี้ยต่ำมาหาประโยชน์จากดอกเบี้ยสูงอีกครั้ง น่าจะส่งผลบวกต่อค่าเงินของทั้ง 2 ประเทศได้เช่นเดียวกัน ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าว ลูกค้าของทิสโก้ส่วนหนึ่งจึงมีความสนใจที่จะถือหน่วยลงทุนในกองทุนเปิดทิสโก้พันธบัตรออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ต่อไป”นายธีรนาถกล่าว
นายพิชา รัตนธรรม หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บลจ.ทิสโก้ กล่าวว่า ในส่วนของการลงทุนตราสารหนี้ในช่วงครึ่งแรกปี2552 นี้ บริษัทจะเน้นการลงทุนในหุ้นกู้เอกชน ที่มีอันดับเครดิต A- ขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันให้ผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลประมาณ 2.0-2.5% ซึ่งมีความน่าสนใจกว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลซึ่งให้ผลตอบแทนค่อนข้างต่ำ ปัจจุบันพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3-5 ปี ให้ผลตอบแทนประมาณ 2% เท่านั้น และยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงได้อีกในช่วงครึ่งแรกของปี2552 นี้ จึงไม่น่าสนใจที่จะลงทุน เพราะประเทศไทยยังมีบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งมาก เช่น บมจ.ปูนซีเมนต์ไทย บมจ.แลนด์แอนด์เฮาส์ หรือบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอรวิส เป็นต้น
โดยอายุของหุ้นกู้ที่บริษัทจะเน้นช่วงอายุของหุ้นกู้ที่ลงทุนประมาณ 2 ปี เพราะหากลงทุนสั้นไปนักลงทุนจะมีความเสี่ยงจากการที่จะต้องนำเงินไปลงทุนใหม่ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเดิม ดังนั้นระยะเวลาลงทุนประมาณ 2 ปี กำลังเหมาะสม
ทั้งนี้ ในเรื่องของอุปทานของหุ้นกู้เอกชนสำหรับบริษัทไม่มีปัญหา เพราะบลจ.ทิสโก้เน้นกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ไม่ได้จับกลุ่มตลาดทั่วไปเหมือนบลจ.ใหญ่ๆ ดังนั้น กองทุนขนาด 100-200 ล้านบาท สามารถหาหุ้นกู้ลงทุนได้สบาย ไม่มีปัญหาอะไร ในขณะที่บลจ.ใหญ่ อาจจะมีปัญหาในเรื่องของซัพพลายของหุ้นกู้ที่จะลงทุนได้เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไม่จูงใจ นักลงทุนควรจะมีการแบ่งเงินลงทุนบางส่วนมาลงทุนในหุ้นกู้เอกชนเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าบ้าง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 ตลาดหุ้นกู้เอกชนยังให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจประมาณ 4.5%
“ในช่วงที่ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำเช่นนี้ ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอาจจะไม่จูงใจ ดังนั้น นักลงทุนควรจะมีการแบ่งเงินลงทุนบางส่วนมาลงทุนในหุ้นกู้เอกชนบ้าง เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่า โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 ตลาดหุ้นกู้เอกชนยังให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจประมาณ 4.5%" นายพิชากล่าว